เปิดศักราชใหม่ ฟ้าใหม่ ดูจะมีเรื่องที่ทำให้ใครต่อใครตื่นเต้ลล์ล์ล์ ฮือฮา กันพอสมควร นอกเหนือไปจากเรื่องโควิด-โคไม่วิด ที่กลายเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา ของโลกทั้งโลกไปแล้ว นั่นก็คือเรื่องที่เลขาฯ ครม.ท่านส่งจดหมายตีกลับไปยังคณะกรรมการอัยการ ว่าด้วยกรณีการกราบบังคมทูลขอพระราชทานโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอัยการ 2 ราย ชนิดเล่นเอาใครต่อใครซี้ดๆ ซ้าดๆ ซู้ดๆ ซ้าดๆ ไปเป็นแถบๆ...
-----------------------------------------------
ทั้งที่ถ้าว่าไปแล้ว...สำนักงานองคมนตรี อันเป็นผู้กลั่นกรองเรื่องที่จะนำความขึ้นกราบบังคมทูลขอพระราชทานอะไรต่อมิอะไรต่างๆ นั้น ท่านก็น่าจะทำ หน้าที่ ไปตามปกติ ธรรมดา ของท่านนั่นแหละ ไม่ถึงกับต้องไปซู้ดๆ ซ้าดๆ อะไรมาก คือเพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วย ความเรียบร้อย และ รอบคอบ จะปล่อยให้เป็นเรื่องสุ่มสี่ สุ่มห้า คงเป็นไปมิได้โดยเด็ดขาด หรือมิบังควร เป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้...เมื่อยังไม่ปรากฏ ข้อมูลอันเป็นที่ยุติชัดเจน ต่อการกระทำในบางเรื่อง บางราว ของทั้ง 2 อัยการ ที่เพียงแค่ได้ยินชื่อ ก็เล่นเอาใครต่อใครขนหัวลุก ขนคอตั้ง ไปด้วยกันทั้งคู่ การ ตีกลับ เรื่องราวดังกล่าว ให้ไปคิดทบทวน หรือไปพิจารณาใหม่อีกรอบ ก็ต้องถือเป็นสิ่งที่เป็นไปตามเหตุ-ตามผล ตรงไป-ตรงมา ไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนใดๆ เอาเลยแม้แต่นิด...
----------------------------------------------------
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...ด้วยเหตุที่อัยการทั้ง 2 ท่านนั้น ออกจะเป็นอะไรที่ก่อให้เกิดความขนหัวลุก ขนคอตั้ง สำหรับใครต่อใครเป็นจำนวนมิใช่น้อย ไม่ว่าอดีตอัยการสูงสุด อย่างท่าน เนตร นาคสุข ที่มักใช้ช่วงจังหวะที่ อัยการสูงสุด เถลไถลไปไหนต่อไหนก็มิอาจทราบได้ ใช้อำนาจแทง คำสั่ง ชนิดเล่นเอาใครต่อใครขนหัวลุก ขนคอตั้ง ไปเป็นรายๆ อย่างคำสั่งไม่คิดจะฟ้องคุณน้อง บอส กระทิงแดง ยังงี้!!! และอะไรต่อมิอะไรอีกหลายเรื่อง หลายกรณี ส่วนอีกอัยการ อย่างท่าน ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ที่ไปขับรถ-ขับรา แบบไหน อย่างไร ก็มิอาจทราบได้ แต่เล่นเอาผู้ที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ ขนหัวลุก ขนคอตั้ง กันไปไม่น้อยทีเดียว...
-------------------------------------------------------
คือพูดง่ายๆ ว่า...ถ้าพูดกันแบบชาวบ้านๆ แล้ว หนักไปทาง แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า ด้วยกันทั้งคู่ และอาจด้วยอารมณ์ความรู้สึกทำนองนี้ เลยทำให้ชาวบ้าน ร้านตลาด โดยทั่วไป อดไม่ได้ต้องออกอาการซี้ดๆ ซ้าดๆ ซู้ดๆ ซ้าดๆ ทั้งๆ ที่เป็นการ ปฏิบัติหน้าที่ ไปตามปกติ และตามความรับผิดชอบ ของสำนักงานองคมนตรีแบบตรงไป-ตรงมา ไม่ได้มีนอก-มีใน ไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อน อะไรเอาเลยแม้แต่นิด แต่อาจด้วยเหตุเพราะความตรงไป-ตรงมา หรือความไม่จำเป็นต้องมีอะไรซับซ้อนนี่แหละ เผอิญ...มันออกจะเป็นอะไรที่ เข้าตากรรมการ แบบเน้นๆ เนื้อๆ...
-------------------------------------------------------
และอันนี้นี่เอง...ที่อาจหยิบเอามาใช้เป็นอุทาหรณ์ สอนใจ เป็นข้อคิด สะกิดใจ สำหรับบรรดาผู้มี อำนาจ และ หน้าที่ ทั้งหลาย ว่าถ้าหาก อำนาจ นั้นๆ ถูกนำมาใช้แบบตรงไป-ตรงมา แบบไม่จำเป็นต้องมีอะไรซับซ้อน ขอเพียงแต่สามารถเป็นตัวสะท้อนถึงคุณค่า ราคา แห่ง ความรับผิดชอบ ว่ายังมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ได้ถูกบั่นทอน ลดทอน ไปด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ แม้ว่าผู้ที่ใช้อำนาจจะเป็นใคร หรือกระทั่งอยู่ในระบบ ระบอบใดๆ จะถูกเรียกขานในนามเผด็จการ หรือในนามประชาธิปไตยก็ตามทีแต่ถ้าภายใต้พื้นฐาน ความรับผิดชอบ นั้นๆ คือสิ่งที่ตั้งอยู่บนความถูกต้อง เป็นธรรม การใช้อำนาจนั้นๆ ย่อมต้องกลายเป็น อำนาจโดยธรรม ไปโดยปริยาย...
--------------------------------------------------------
พูดง่ายๆ...คงไม่ต่างไปจากอำนาจที่อยู่ในมือ เปาบุ้นจิ้น ยุคที่เมืองจีนยังมี ฮ่องเต้ ยังไม่ได้คิดจะเป็นประชาธิปไตย เป็นคอมมิวนิสต์ เหมือนอย่างทุกวันนี้ ที่ทำให้ผู้ตัดสินคดีความธรรมดาๆ แห่งเมืองไคฟง แทบกลายสภาพเป็นเทพเจ้า เป็นเทวดา รวมทั้งเป็นยี่ห้อ ผงซักฟอก ของบ้านเราไปจนได้ ด้วยเหตุเพราะการใช้อำนาจตามบทบาท หน้าที่ ในแบบฉบับของ ท่านเปา ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความตระหนักต่อ ความรับผิดชอบ ของตัวเอง ที่พึงมีต่อผลประโยชน์ของราษฎรเป็นสำคัญ ไม่ได้เฉไฉไปโน่น ไปนี่ หรือไม่ได้ถูกลดทอน บั่นทอน ด้วยเหตุผลกลใดก็ตามที อำนาจดังกล่าวจึงกลายเป็นอำนาจโดยธรรม หรืออำนาจแห่งธรรม ที่ไม่มีใครคิดจะปฏิเสธแม้จนตราบเท่าทุกวันนี้...
--------------------------------------------------------
แต่ก็อย่างว่า...ด้วยลักษณะใน ด้านลบ ของความเป็นไทยๆ หรือไม่ อย่างไร ก็ยังมิอาจสรุปได้ เลยทำให้บ้านเรานั้นอาจหนักไปทาง เปาปล้อนปลิ้น ซะเป็นหลัก หา เปาบุ้นจิ้น ทำยาได้ยากซ์ซ์ซ์เต็มที แม้มี อำนาจเบ็ดเสร็จ อยู่ในมือแท้ๆ แต่หลายครั้ง หลายครา ยังอุตส่าห์เข้ารก-เข้าพง ไปจนได้ ด้วยเหตุเพราะความตระหนัก สำนึก ต่อ ความผิดชอบ ยังอาจน้อยไป หรือเพราะการใช้ อำนาจ และ หน้าที่ โดยปราศจากความรับผิดชอบ หรือไม่คิดรับผิดชอบใดๆ เอาเลยก็ยังมี ไม่ว่าบ้านเมืองจะอยู่ในยุคเผด็จการ หรือยุคประชาธิปไตยแบบทั้งแท่ง ทั้งด้าม ก็เถอะ...
-----------------------------------------------------------
อย่างไรก็ตาม...ว่ากันว่า โดยแนวโน้มความเป็นไปของโลกทุกวันนี้ หรือท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-โคไม่วิด ที่มีผลกระทบต่อการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ไปจนระบบสุขภาพโน่นเลย ไม่ว่าโลกประชาธิปไตยเสรีแบบสุดๆ ประชาธิปไตยมาเฟีย ประชาธิปไตยครึ่งๆ กลางๆ ไปจนปลายสุดอย่างเผด็จการก็แล้วแต่ ล้วนหนีไม่พ้นต้องหันมาให้ความสำคัญกับ อำนาจ ในมือของแต่ละระบบ แต่ละระบอบ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าพวก อีลิตโลก หรือ ทุนนิยมโลก ที่เคยขับเคลื่อนโลกาภิวัตน์ด้วยแนวคิดที่เรียกกันว่า เสรีนิยมใหม่ มาถึงทุกวันนี้...ชักต้องเริ่มคิดที่จะ The Great Reset ขึ้นมามั่งแล้ว เช่นเดียวกับว่าที่ประธานาธิบดีอเมริกัน หรือผู้นำโลกรายใหม่ ที่คิดจะ Build Back Better อันเป็นสิ่งที่ยังไงๆ...ย่อมหนีไม่พ้นต้องใช้อำนาจในการ ควบคุม และ บังคับ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ส่วนจะนำไปสู่ ความรับผิดชอบ ในแบบไหน อย่างไร คงต้องไปติดตามเอาเองก็แล้วกัน เพราะการใช้ อำนาจ ใดๆ ก็ตาม ที่เป็นไปตาม หน้าที่ มีความตระหนักต่อ ความผิดชอบ อย่างจริงๆ จังๆ โดยถ้าความรับผิดชอบนั้นๆ ตั้งอยู่บนครรลอง คลองธรรม มุ่งที่จะยึด ธรรมะ เป็นพื้นฐานแล้วล่ะก็ ย่อมนำมาซึ่งความซู้ดๆ ซ้าดๆ และซี้ดๆ ซ้าดๆ ให้กับผู้ที่อยู่ในระบบ หรือระบอบใดๆ ได้ด้วยกันทั้งนั้น...
----------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก “Cotton”... “Law and Equity, which God hath joined, let no man put asunder. - กฎหมายกับความยุติธรรมที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงประสานไว้ จงอย่าให้ใครมาแยกออกจากกันได้เลย...”.
---------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |