2 ม.ค.64 - จากกรณีกลุ่มการ์ดอาสา We Volunteer นำโดยนายปิยรัฐ จงเทพ ได้นำผู้ค้ากุ้งก้ามกรามมาจำหน่ายในบริเวณพื้นที่สนามหลวง โดยอ้างว่าเพื่อช่วยเกษตกรผู้เลี้ยงกุ้งที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จากนั้นได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนเข้าเคลียร์พื้นที่ ก่อนจะย้ายไปขายบริเวณหน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว โดยนายปิยรัฐ พร้อมพวกรวม 16 คนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเนื่องจากฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามชุมนุมหรือรวมตัวกันอันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
ล่าสุด แอดมินเพจ "โตโต้ ปิยรัฐ Piyarat Chongthep" โพสต์จดหมายนายปิยรัฐที่กำลังถูกควบคุมตัวอยู่ใน ตชด.ภาค 1 ได้เขียนไว้ว่า "ฝากขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เป็นกำลังใจให้พวกเรา เราทุกคนสบายดีทั้งกายและใจ ฝากพี่น้องทุกคนช่วยสนับสนุน Wevo ให้จำหน่ายกุ้งที่เรานำมาจากเกษตรกรให้หมดด้วยนะครับ ไม่งั้นผมเป็นหนี้หัวโตแน่ๆ สุดท้ายขอบคุณจากใจจริง ศรัทธาประชาชน"
ขณะเดียวกันได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์บัญชี เจ๊จุก คลองสาม @jjookklong3 โพสต์ข้อภาพและรูปภาพแฉนายปิยรัฐ จงเทพ หัวหน้าการ์ดวีโว่เอาเรื่องขายกุ้งมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมือง ว่าเมื่อ WeVo เอาเรื่องธุรกิจของคนในกลุ่มมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ก็เตรียมรับผลกรรมนะ อย่างครอบครัวของ เจษฎา สุดจิตต์กูล ที่จริงๆ แค่จะเอากุ้งมาขายคนในกลุ่ม แต่โตโต้ดันผุดไอเดียหาเรื่องสร้างประเด็นหากำไรเข้าตัวและเป็นข้ออ้างในการโจมตีทางการเมือง
"ฟาร์มกุ้งของครอบครัวนี้เป็นสมาชิกการ์ด WeVo มีขนาด 5 ไร่ มีกุ้ง 1 บ่อ ส่งตลาดสมุทรสาครไม่ได้เนื่องจากโควิด เลยไปขายที่ตลาดโพหัก ราชบุรีจริงๆ จะเอามาประกาศขายคนในกลุ่มนั่นแหละให้ช่วยกันซื้อ แต่ก็นะ ไอเดีย...ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าและวันนี้ก็มาจากโตโต้นี่แหละ"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2563 ชี้แจงกรณีตรวจสอบผู้ประกอบการขนส่งกุ้งให้กับกลุ่ม Wevo ซึ่งนำมาขายเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา หน้าทำเนียบรัฐบาล แต่ภายหลังกลุ่มวีโว่มีการฉีดพ่นสีสเปรย์ข้อความ "ยกเลิกมาตรา 112 ปฏิรูปสถาบัน" บนพื้นถนนหน้าทางเข้าทำเนียบฯ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาตักเตือน และขอให้ลบ เพราะถือว่าผิดกฎหมายตามพ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง จนเกิดการกระทบกระทั่งกัน
โดย พล.ต.ต.ยิ่งยศ ระบุว่า ข้อเท็จจริงที่ได้รับรายงานจาก บช.ภ.7 ว่า ในวันเกิดเหตุ นายสำเริง สุดจิตต์กูล นางอนุรักษ์ สุดจิตต์กูล และ นายเจษฎา สุดจิตต์กูล ได้ขับรถยนต์ทะเบียน บย 4128 นครปฐม ไปขายกุ้งที่บริเวณแยกพาณิชย์ หน้าทำเนียบจริง เพราะครอบครัวดังกล่าวประกอบอาชีพเลี้ยงกุ้ง มีที่ทำกินอยู่ 5 ไร่ มีบ่อกุ้งอยู่ 1 บ่อ แต่ด้วยภัยโควิด-19 มีการปิดตลาดกุ้งที่จังหวัดสมุทรสาคร ทำให้ไม่สามารถขายกุ้งได้
ต่อมามีข่าวจากแพสวนส้มในตลาดกลางมหาชัยว่า ให้ไปขายที่ตลาดโพหัก และมีการบอกต่อกันเป็นทอดๆ ว่า หากไปขายที่หน้าทำเนียบจะขายได้ดี กลุ่มดังกล่าวจึงได้นำรถไปจอดขาย ปรากฏว่า วันนั้นขายได้เงินกว่า 1 แสน 4 หมื่นบาท เมื่อกลับมาบ้านมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบของตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 2 คน เข้าไปชี้แจง และให้คำแนะนำว่าไม่ให้นำมาขายอีก เพราะหน้าทำเนียบรัฐบาลไม่ใช่ตลาดอาจจะไม่เหมาะสม
“ในระหว่างการพูดคุย ก็เป็นเพียงการไปสอบถามหาสาเหตุ และปัญหาที่นำกุ้งไปขายหน้าทำเนียบ ซึ่งขณะไปพบและพูดก็ไม่มีการโต้เถียงหรือมีการข่มขู่คุกคามและแสดงอาการไม่เหมาะสมแต่อย่างใด เป็นไปได้ว่า นายเจษฎา ทำงานเป็นการ์ดกลุ่ม We volunteer จึงอาจนำเรื่องดังกล่าวไปสื่อสารให้ทางกลุ่มผู้ค้ากุ้งฟังและเกิดการเข้าใจผิดดังกล่าวขึ้น” โฆษก ตร.กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |