สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ได้ตั้งฉายาให้กับบุคคลในวงการกีฬาเป็นธรรมเนียมประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง โดยคัดเลือกจากบุคคลกีฬาที่มีข่าวฮือฮา หรือมีความโดดเด่นในสายตาของสื่อมวลชนสายกีฬาในรอบปีที่ผ่านมา เพื่อยกย่อง และหยิกแกมหยอก แบบแสบ ๆ คัน ๆ สำหรับฉายาคนกีฬา ประจำปี 2563 มี 12 ฉายาดังนี้
1. “คุณทวดตะกร้อไทย” ยกให้พลตรีจารึก อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย ได้รับฉายานี้ด้วยวัย 88 ปี บริบูรณ์ และนั่งเก้าอี้นายกสมาคมกีฬาตะกร้อฯ เป็นสมัยที่ 17 นับตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2526 รวมระยะเวลาถึงปัจุบันยาวนานถึง 37 ปี โดยไม่มีคู่แข่งมาต่อกร นับว่าเป็นนายกสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ที่อายุมากที่สุดในประเทศไทยในเวลานี้
2. “มาด้วยใจ ไปทุกงาน” เป็นของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพราะนับตั้งแต่ รมต.พิพัฒน์ เข้ามารับตำแหน่งเจ้ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ในภาระหน้าที่อย่างจริงจัง โดยเฉพาะงานด้านกีฬา ท่านรัฐมนตรีจะไปร่วมงาน ร่วมกิจกรรมกีฬาต่าง ๆ เกือบทุกงานที่ได้รับเชิญ รวมทั้งการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ หรืออนุกรรมการต่าง ๆ หากไม่ติดภาระกิจที่สำคัญจริง ๆ ท่านรัฐมนตรีจะต้องเดินทางไปร่วมงานด้วยตัวเองทุกครั้ง และสิ่งสำคัญท่านรัฐมนตรีพิพัฒน์ มีข้อมูลที่แน่นมาก เรียกว่ารู้ลึก รู้จริง งานด้านกีฬาอย่างถ่องแท้
3.“ผู้ว่าฯ บริษัท (ไม่จำกัด)” ฉายานี้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้รับไปเต็มๆ เนื่องจากรับตั้งแต่ที่เข้ารับตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กกท. เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561 คนในวงการกีฬาต่างจับตามองการทำงานของ ดร.ก้องศักด อย่างใกล้ชิด ซึ่งภาพที่ปรากฏออกมา ผู้นำค่ายหัวหมากคนนี้มีที่ปรึกษา หรือกันเรียกว่า “กุนซือ” จำนวนมาก และมาจากหลากหลายวงการ เรียกว่ามีคนที่อยู่เบื้องหลังในการทำงานเยอะมากจนนับแทบไม่หมด
4. “ตำแหน่งใหญ่ ไม่ขาดมือ” ต้องยกให้คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซีเมมเบอร์) เพราะหลังจากรับตำแหน่ง ไอโอซีเมมเบอร์ มาตั้งแต่ปี 2560 จากนั้น คุณหญิงปัทมา ได้รับตำแหน่งใหญ่ ๆ ต่อเนื่องไม่ขาดมือ ในปี 2563 ก็ยังได้รับความไว้วางใจจาก โธมัส บาค ประธานไอโอซี ให้ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการ วัฒนธรรม และมรดกโอลิมปิก และเป็นคณะกรรมาธิการ กองทุนสงเคราะห์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ที่ดูแลเงินปีละหลายหมื่นล้านบาท เพื่อช่วยประเทศสมาชิกด้านกีฬา เพิ่มเติมอีก โดยตำแหน่งประธานกรรมาธิการฯ ถือว่าได้รับความไว้วางใจชนิดรวดเร็วมากสุด เพราะปกติคนที่ทำหน้าที่นี้ ต้องคลุกคลีเป็นไอโอซี มาไม่น้อยกว่า 10 ปี เรียกได้ว่า คุณหญิงปัทมา ไอโอซีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์วงการกีฬาไทย ยังยืนหนึ่ง ตำแหน่งใหญ่ ไม่มีขาดมือจริง ๆ
5. “หมึกไฟแรง (ปั่น) แซงทุกสนาม” เหมาะสมกับ“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯมาก จากบทบาทการบริหารงานที่รวดเร็ว ฉับไว มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด สมาคมกีฬาจักรยานฯ เป็นเพียงสมาคมเดียวที่มีกิจกรรม “ปั่นในบ้านต้านโควิด” และเป็นสมาคมแรกที่จัดการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยได้สำเร็จ รวมไปถึงการแข่งขันระดับนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” ประเทศแรกและประเทศเดียวในทวีปเอเชีย จนได้รับการยกย่องว่าเป็น “สมาคมกีฬาต้นแบบ” นับว่าเป็นนายกสมาคมกีฬาที่มีผลงานโดดเด่นและร้อนแรงมาก
6. “มาดามแป้ง แรงกว่าไฟฟ้า” เหมาะสมกับ “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ที่สุด เพราะเมื่อเอ่ยถึง “มาดามแป้ง” ใครก็ต้องรู้จักผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างดีว่า เป็นผู้หญิงแกร่งไฟแรง หลายๆปีที่เข้ามาร่วมวงกีฬาแม้ว่าเจออุปสรรคมากมายแต่"มาดามแป้ง"ก็ผ่านพ้นด้วยดี แต่คงไม่มีเหตุการณ์ใหนที่สร้างความกดดัน หนักใจเท่ากับเหตุการณ์ “ไฟฟ้าส่องสว่าง” ของสนาม แพท สเตเดี้ยม รังเหย้าของการท่าเรือ เอฟซี มีอันต้อง “ดับ” ถึง 2 นัดติดต่อกัน นัดแรก 13 กันยายน 2563 การท่าเรือ เอฟซี รับมือ โปลิศ เทโร เอฟซี เกมเสมอกัน 1-1 แต่ว่านาทีที่ 88 ไฟส่องสว่างภายในสนาม แพทฯ เกิดดับลง และการแข่งขันไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ภายใน 60 นาที คณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่มี พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน เป็นประธาน พิจารณาแล้วความผิดเป็นของเจ้าบ้าน ทำให้การท่าเรือ เอฟซี โดนปรับแพ้ 0-2 ประตู นัดที่ 2 เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2563 ทีม “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี เปิดบ้านทีม “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คู่นี้ยังไม่ได้เริ่มเตะ เนื่องจากหม้อแปลงไฟฟ้าที่สนามแพทฯ เกิดระเบิดขึ้นจนทำให้ไฟฟ้าภายในสนามดับ และไม่สามารถแก้ไขได้ในเวลา 1 ชั่วโมง การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) บอกว่าเป็นความบกพร่องของสนามเองไม่เกี่ยวกับ กฟน. แต่รอบนี้ “มาดามแป้ง” ไม่ยอมแพ้ 0-2 อีกแล้ว จึงหาหลักฐานทุกอย่างที่มีออกมาสู้กับคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาท จนเป็นฝ่ายชนะ ทำให้ “สิงห์เจ้าท่า” ไม่โดนปรับแพ้ คู่นี้ได้เตะกันใหม่ นับว่า “มาดามแป้ง” แรงกว่าการไฟฟ้าจริง ๆ
7. “อุ้มบุญ(มาทัน)ปังเอเชีย” เป็นของ“อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน นักเตะสโมสรโยโกฮามา เอฟ มารินอส ในเจลีก ญี่ปุ่น เพราะบรรดานักเตะไทยระดับซุปเปอร์สตาร์ปีนี้คงไม่มีใครฮอตไปกว่า ธีราทร อีกแล้ว ขณะที่นักเตะคนอื่นที่ไปค้าแข้งในญี่ปุ่นอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ฟอร์มการเล่นหลุดบ้าง มีอาการบาดเจ็บบ้าง แต่ “อุ้ม” กลับประสบความสำเร็จอย่างมาก แม้ว่าในศึกเจลีก จะไม่สามารถพาทีมโยโกฮามา เอฟ มารินอส ป้องกันแชมป์ได้ แต่ในเอเอฟซี แชมเปี้ยนลีก “อุ้ม” กลับโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยิงทั้งจ่าย จนกระทั่ง สหพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอลระหว่างประเทศ (IFFHS) เลือกให้ติด 1 ใน 11 นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเอเชีย ร่วมกับ ซอง เฮือง มิน แข้งเกาหลีใต้ ของทอตแนม ฮอต สเปอร์ส และ ทาคุมิ มินามิโนะ นักเตะญี่ปุ่นของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล นับว่าเป็นอีกหนึ่งปีทองของ “อุ้ม” ธีราทร ที่สร้างชื่อให้ประเทศไทยไประดับเอเชีย
8. “นายกหวาดระแวง” ฉายานี้“บิ๊กเอ๋” นายกิตตน์สมบัติ เอื้อมมงคล สมาคมกีฬาเทนนิส ลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทยฯ รับไป หลังจาก “บิ๊กเอ๋” ชนะการเลือกตั้งนายกสมาคม เมื่อเดือนมกราคม 2559 ด้วยการโค่น นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตนายกสมาคม 7 สมัย หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องวุ่น ๆ เมื่อมีการร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งจนถึงขั้นพึ่งอำนาจศาล และลอนเทนนิสสมาคมฯ ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ซึ่ง “บิ๊กเอ๋” ก็ยังได้รับเลือกอีกครั้ง ขณะที่ทุกอย่างดูจะไปได้ดีและราบรื่น แต่ในการเลือกตั้งนายกสมาคม ล่าสุดเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 กลับมีการเปลี่ยนตัวนายกอีกครั้ง คราวนี้ได้ นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นักธุรกิจที่มีบทบาทอยู่ในวงการหมัดมวยมานั่งเก้าอี้แทน ส่วน “บิ๊กเอ๋” ขยับไปนั่งเป็นอุปนายกสมาคม นอกจากนี้ นายกคนใหม่ยังไปเยี่ยมคารวะพร้อมส่งเทียบเชิญ นายสุวัจน์ ให้กลับมาช่วยพัฒนาวงการในฐานะนายกกิตติมศักดิ์ เป็นการลดแรงเสียดทานจากรอบด้าน ให้สามารถดำเนินงานไปต่อได้อย่างราบรื่น
9. “นายกVAR” จะเป็นใครไม่ได้ นอกจาก“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประเด็นร้อนของวงการฟุตบอล ช่วงปีที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้นการชนกันของ 2 ช้างสาร อย่าง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ กับ “บิ๊กอ๊อด” ประมุขลูกหนัง กรณีที่สมาคมฟุตบอลฯ จะไม่ใช้วีเออาร์ เพราะไม่มีงบประมาณ จน “มาดามแป้ง” ออกโรง ยื่นหนังสือให้นำเงินสนับสนุนจาก บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มาใช้เพื่อวีเออาร์ ตกเป็นวิวาทะกันอยู่นาน สุดท้ายสมาคมฯ ก็นำวีเออาร์มาใช้ แต่นั่นก็ยังไม่หมดปัญหา เมื่อวีเออาร์ ดันติด ๆ ดับ ๆ ในการแข่งขันหลายต่อหลายนัด เรื่องราวดราม่าของฟุตบอลไทยปีนี้ วีเออาร์ จึงมาแย่งซีนโควิด-19 เป็นพัก ๆ
10. “โก้เสี่ยงตาย” ยกให้ซูเปอร์สตาร์ตลอดกาล“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตกุนซือทีมชาติไทยสร้างความฮือฮาและตกเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อตกลงใจรับงานโค้ชให้กับสโมสรฮอง อันห์ ยาลาย ทีมเก่าที่เคยไปคัาแข้งอยู่นับ 10 ปี ที่ประเทศเวียดนาม การตัดสินใจครั้งนี้ของ “ซิโก้” เต็มไปด้วยคำถามว่า เพราะอะไรเขาจึงเลือกฮอง อันห์ ยาลาย และเลือกไปทำงานในต่างประเทศในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับไวรัสโควิด-19 การเดินทางไปครั้งนี้ต้องเสี่ยงชีวิตไม่น้อย และโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านแทบจะไม่มีในช่วงเวลา 1 ปี ทั้งที่เขามีทางเลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นโค้ชสโมสรในไทย หรือ ธุรกิจกีฬา และพรีเซ็นเตอร์มากมาย แต่เจ้าตัวก็ยืนยันว่า ต้องการกลับมาใช้ความรู้ทำงานโค้ชและตอบแทนบุญคุณ ด่วน เหงียน ดึ๊ก เจ้านายเก่า ชีวิตกุนซืนคนอื่น ๆ อาจจะแค่เสี่ยงตกเก้าอี้ แต่การตัดสินใจของ “ซิโก้” หนนี้ไม่ต่างจากการเสี่ยงตาย หาความท้าทาย ด้วยการออกตีลังกาพเนจรอีกครั้ง
11.“รถขบวนสุดท้าย” เป็นของ “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี หนึ่งในนักชกความหวังทีมชาติไทย ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 ทำให้การแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ที่ประเทศญี่ปุ่น ต้องเลื่อนวันเป็นปี 2021 ซึ่งการขยับวันออกไปอีก 1 ปีส่งผลกระทบกับ “เจ้าสด” อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องอายุที่มากขึ้น ยิ่งเมื่อเกิดการแพร่ระบาดอย่างหนักทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงักรวมไปถึงทัวร์นาเม้นท์แข่งขันในต่างประเทศก็ต้องโดนยกเลิกไปด้วย การที่นักชกไม่มีทัวร์นาเม้นท์ให้ประลองก่อนเกมการแข่งขันจริง นั้นหมายถึงการเรื้อเวทีทำให้การชกจะไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ เพราะการฝึกซ้อมต่อให้หนักแต่ก็ไม่เหมือนการลงสนามแข่งขันจริง ยิ่งเป็น “เจ้าสด” ด้วยแล้วดันมีเรื่องของอายุเข้ามาเป็นอุปสรรคเลยทำให้ทุกอย่างหนักกว่าคนอื่น ๆ “โตเกียวเกมส์ 2020” จึงถือเป็นเกมเดิมพันที่สูงมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีหนทางเสียทีเดียวเพราะการไร้ทัวร์นาเม้นท์แข่งขันเป็นเหมือนกันทั่วโลก สำหรับโอลิมปิกเกมส์หนนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายของ “เจ้าสด” จึงไม่แตกต่างอะไรจาก “รถขบวนสุดท้าย”
12. “อธิการบดี กากี่นั้ง” น่าจะเหมาะสมกับ นายปริวัฒน์ วรรณกลาง อธิการบดีมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ เพราะ สืบเนื่องจากศึกชิงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ที่เร่าร้อน รุนแรง จนปั่นป่วนไปทั้งสถาบัน ถึงกับให้รองอธิการบดีที่ให้การสนับสนุน นายปริวัฒน์ วรรณกลาง ออกมาแสดงท่าทียังเลือกข้างนายเก่า สุดท้ายก็ยังคาราคาซัง นายปริวัฒน์ ยังคงรักษาการตำแหน่งนายใหญ่มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติต่อไป เรียกว่าช่วยกันไปในแบบ “กากี่นั้ง” หรือพวกเดียวกันนั่นเอง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |