9 พ.ค.6 - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้ิอ แกนนำนปช. กล่าวว่า ทราบจากสื่อมวลชนว่ากสทช.มีมติระงับการออกอากาศของ Peace Tv อีก 30 วัน นับเป็นคำสั่งจอดำครั้งที่ 2 ในรอบ 5 เดือนแรกของปีนี้ โดยก่อนหน้านี้ตัวแทนของสถานีได้เข้าชี้แจงต่อกสทช.ถึงเนื้อหารายการที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นปัญหา แต่ผลก็เป็นเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมาคือยุติการออกอากาศ เคยตั้งคำถามว่าเหตุใดไม่มีการพิจารณาเนื้อหาของสถานีอื่นๆ ที่นำเสนอความคิดเห็นทางการเมืองตรงกันข้ามกับ Peace Tv บ้าง ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีคนร้องเรียนเข้ามา จึงสงสัยว่าบ้านเมืองนี้มีคนไม่ทำมาหากินอะไร วันๆ นั่งจ้องแต่ Peace Tv คอยหาเรื่องร้องเรียนอย่างนั้นหรือ และกสทช.ต้องทำงานแบบลูกนกในรัง รอคนร้องเรียนมาป้อนถึงปาก โดยไม่เบิกตาแสวงหาข้อเท็จจริงในการนำเสนอของแต่ละสถานีหรืออย่างไร

"ทุกวันนี้แม้แต่รายการข่าวโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ยังทำหน้าที่ตอบโต้ทางการเมืองไปในตัว ทีวีดิจิตัลหรือดาวเทียมหลายช่องก็มีเนื้อหาไม่ต่างกับช่วงเดินขบวนก่อนรัฐประหาร เพียงแต่แนวทางอาจสอดคล้องกับฝ่ายผู้มีอำนาจก็เลยอยู่รอดปลอดภัย ผมไม่เคยเห็นด้วยกับการใช้อำนาจปิดสื่อไม่ว่าจะข้างไหน แต่ที่ถามเพราะอยากเห็นความเป็นธรรม ไม่อยากให้องค์กรอิสระมีราคาแค่ลิ่วล้อของใคร Peace Tv เป็นองค์กรธุรกิจ การปิดแล้วปิดอีกถี่ๆ แบบนี้เสียหาย รายได้จากโฆษณาลด พนักงานก็ได้รับผลกระทบ ถ้าเศรษฐกิจกำลังดี คนเรอเป็นเงินเป็นทองก็แล้วไป แต่นี่จนกันทั่วประเทศแล้วยังจะซ้ำเติมกันอีก"แกนนำนปช.กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในฐานะผู้จัดรายการคนหนึ่งจึงแนะนำให้ผู้บริหารสถานีรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อฟ้องร้องตามกฎหมาย เข้ามาตราไหนกฎหมายใดฟ้องให้ครบ แม้กสทช.จะมีอำนาจแต่ต้องใช้ด้วยความชอบธรรม ไม่เลือกปฏิบัติให้ใครได้ประโยชน์หรือเสียหาย ไม่เช่นนั้นก็ต้องถูกดำเนินคดีรับโทษตามคำพิพากษา ที่ผ่านมา Peace Tv มักถูกปิดตามสถานการณ์ทางการเมือง ช่วงนี้ใกล้ครบรอบ 4 ปีรัฐประหาร มีหลายกลุ่มประกาศจะเคลื่อนไหว ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือ กสทช.มีหลักประกันเก้าอี้ ได้อยู่ต่อเพราะมาตรา 44 แต่ประชาชนไม่มีหลักประกันเสรีภาพ กลายเป็นต้องใช้เป็นเครื่องสังเวยให้กรรมการกสทช.ตอบแทนผู้มีอำนาจหรือไม่.