'วราวุธ' ลั่นใครคิดสร้างสงคราม 'เด็ก-ผู้ใหญ่' ขอให้หยุดเพราะไปไม่รอด


เพิ่มเพื่อน    

31 ธ.ค.63 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองปี 2564 ว่า ปัญหาของประเทศมีมากพอสมควร ซึ่งการเมืองเป็นเรื่องหนึ่งที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ และความเห็นต่างในเชิงการเมือง แต่นาทีนี้สิ่งที่สำคัญคือ ประชาชนคนไทยต้องหันมาจับมือกันฝ่าฟันสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่เป็นผลกระทบ เพราะเมื่อโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อประเทศเรา เขาไม่ได้แยกว่าใครสีใดฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เพราะ โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกทุกคน แม้แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครยังได้รับผลกระทบดังกล่าว ปี 2564 ตนเชื่อมั่นว่าพวกเราชาวไทยควรแสดงพลังว่าเรามีความสามัคคี แน่นอนว่าหลายประเด็นทางการเมืองจะต้องได้รับการแก้ไข แต่บางเรื่องจะต้องเป็นประเด็นที่รองลงมาจากปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ปี 2564 จะเป็นอีกปีหนึ่งที่นายกรัฐมนตรี รัฐบาล และคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะระดมสรรพกำลังทั้งหมดที่มีทำงานที่ท้าทาย คือเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน ในส่วนทางการเมืองมีกระบวนการคอยแก้ไขอย่างเป็นขั้นตอน เช่น ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องตอบรับตามครรลองทางการเมือง

นายวราวุธ กล่าวว่า ส่วนที่จะมีม็อบหรือการชุมนุมเกิดขึ้นอีกหรือไม่นั้น ยังคงตอบไม่ได้ แต่เชื่อว่าในช่วง โควิด-19 ระบาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นม็อบหรือเป็นคนกลุ่มใดก็แล้วแต่ คงจะมีความเป็นห่วงในสุขภาพของตนเอง ดังนั้น การอยู่บ้าน การเข้มมาตรการทางสาธารณสุข รักษาระยะห่างหรือจะยืนประท้วงกันแบบ 1 × 1 เมตร เป็นสิทธิ์ของแต่ละคนตนไม่ก้าวล่วง แต่ในฐานะคนไทยคนหนึ่งเวลานี้เราทุกคนควรช่วยกันแก้ไขปัญหา โควิด-19 ก่อน ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่านายกฯและรัฐบาลจะทำงานและแก้ไขอย่างดีที่สุดเพื่อให้เกิดผลดีแก่ประชาชนคนไทย

เมื่อถามถึงคณะกรรมการสมานฉันท์ที่ฝ่ายค้านและกลุ่มผู้ชุมนุมไม่เข้าร่วม จะทำให้แก้ไขปัญหาความเห็นต่างสำเร็จหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าถ้าเราถอยกันคนละเก้าจริงๆ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ก่อนที่จะสมานฉันท์กันได้ต้องยอมกันเสียก่อน ถ้าก้าวแรกไม่มีการยอมกัน ยังไม่มีการอ่อนข้อให้กันแล้ว การที่จะก้าวเดินต่อไปคงเป็นสิ่งที่ลำบาก แต่ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือกลุ่มผู้ชุมนุมคงมีแนวความคิดของตัวเอง ซึ่งคงเห็นจากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่าการที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าได้เราต้องถอยกันคนละก้าวเสียก่อน อย่างไรก็ตาม การที่พูดว่าถอยกันคนละก้าวเป็นการพูดได้ง่าย แต่ในทางปฏิบัติแล้วเข้าใจดีว่าแต่ละคนแต่ละฝ่ายจะมีข้อจำกัด มีแนวความคิดที่แตกต่างกันไป จึงขึ้นอยู่กับว่าแต่ละฝ่ายนั้นจะทลายกำแพงทิฐิมานะเหล่านั้นแล้วหันมานั่งพูดคุยกัน สละความคิดหลายๆ อย่าง แล้ววางเป้าหมายในการที่จะนำพาประเทศก้าวเดินไปข้างหน้า

นายวราวุธ กล่าวว่า ในปัจจุบันที่หลายฝ่ายพยายามจุด กระแส คนรุ่นเก่าคนรุ่นใหม่ ตนถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดเป็นสิ่งที่ไม่ควร เพราะประเทศไทยวันนี้จะเดินไปข้างหน้าได้ต้องมีทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่เดินคู่กันไป เพราะมาถึงวันนี้ถ้าไม่มีผู้หลักผู้ใหญ่ประเทศไทยก็จะมาไม่ถึงวันนี้ และแน่นอนว่าเมื่อตนพูดเช่นนี้ หลายคนอาจจะเถียงว่าที่เกิดปัญหาทุกวันนี้เพราะคนรุ่นใหญ่ทำไม่เป็น แต่ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้น การที่เราจะเดินไปข้างหน้า ถ้าไม่มีสิ่งใหม่ๆ ไม่มีคนรุ่นใหม่เข้ามา นำนวัตกรรมหรือแนวความคิดใหม่เข้ามาในการเมืองไทยก็ไม่น่าจะไปได้

“จึงขอฝากสังคมไทยว่าประเทศไทยจะเดินต่อไปวันข้างหน้าขอให้ใช้ทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ในการเดินคู่ไปด้วยกันด้วยความคิดที่หลากหลาย ด้วยความคิดนอกกรอบของคนรุ่นใหม่ บวกกับประสบการณ์ของคนรุ่นใหญ่ ในการที่ทำให้สังคมไทยเดินไปข้างหน้าได้ ดังนั้น ถ้าใครต้องการต้องการสร้างสงคราม หรือ เจนเนอเรชั่นวอร์ ขอให้หยุดและเลิกความคิดนั้นเสีย เพราะเด็กอย่างเดียวก็ไปไม่รอด ผู้ใหญ่อย่างเดียวก็ไปไม่รอด เด็กทั้งผู้ใหญ่ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ ต้องจับมือและเคารพในสิทธิซึ่งกันและกัน”นายวราวุธ กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"