“ศักดิ์สบายสายเขียว” ขึ้น ฮ. ตรวจจราจรแต่เช้า โอ่หวังลดอุบัติเหตุ 5% เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยช่วงปีใหม่ย้อนหลัง 3 ปี แต่ ศปถ.เปิดตัวแรกวันแรก 7 วันอันตรายยุคนิวนอร์มอลฉีกหน้า ดับแล้ว 43 ราย เมาแล้วขับมาอันดับหนึ่ง
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่าหน่วยงานราชการดูแลเต็มที่อยู่แล้ว ทั้งทหาร ตำรวจ และกระทรวงมหาดไทย โดยเจ้าหน้าที่เข้มงวดดูแลในเรื่องของการเดินทางต่างๆ และรักษากฎระเบียบการจราจร รวมถึงการระมัดระวังเรื่องโควิด-19 โดยอยากบอกประชาชนว่าช่วยดูแลตัวเองด้วย ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กระทรวงสาธารณสุขวางไว้ ทั้งการรักษาระยะห่าง การสวมใส่หน้ากากอนามัย และการล้างมือให้สะอาด
ขณะที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2564 (ศปถ.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 29 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” ว่าเกิดอุบัติเหตุ 414 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 43 ราย ผู้บาดเจ็บ 438 คน
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานแถลงข่าวแถลงรายละเอียดว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว 32.85%, ดื่มแล้วขับ 24.88% ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 81.11% ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 66.43, ถนนกรมทางหลวง 38.89%, ถนนใน อบต./หมู่บ้าน 32.13% ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. 29.47% ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป 29.94% ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,933 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 61,575 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 288,881 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 44,657 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 12,648 ราย ไม่มีใบขับขี่ 12,154 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ มหาสารคาม (15 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี บุรีรัมย์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และอุดรธานี (จังหวัดละ 3 ราย) และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (17 คน)
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวต่อไปว่า วันที่ 30 ธ.ค. คาดว่าประชาชนเริ่มเดินทางออกจาก กทม.เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ศปถ.จึงได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เข้มข้นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจหลัก เน้นหนักกวดขันปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการขับรถเร็วและดื่มแล้วขับ รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขในการเฝ้าระวังและป้องกันโควิด-19
ขณะที่ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกฯ เผยว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสภาพการจราจร เริ่มจากเส้นถนนวิภาวดีรังสิต และ ถ.มิตรภาพ โดยนายศักดิ์สยามตั้งเป้าลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ไม่น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยช่วงเทศกาลปีใหม่ย้อนหลัง 3 ปี
ต่อมานายศักดิ์สยามเป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุที่สถานรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ซึ่งภาพรวมที่ยังมีประชาชนเดินทางไม่มากนัก และมีผู้โดยสารยกเลิกการเดินทางและขอคืนตั๋วแล้วจำนวน 20,000 ราย
นายศักดิ์สยามกล่าวถึงอุบัติเหตุในวันที่ 29 ธ.ค. ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 43 ราย ว่าถือว่าสูง โดยส่วนใหญ่เกิดจากรถจักรยานยนต์ และผู้ขับขี่จะอายุ 15-25 ปี ซึ่งขอความร่วมมือฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ตั้งด่านหมูบ้าน เพื่อช่วยกันคัดกรองผู้ที่ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมสำหรับการขับขี่ งดการเดินทางออกจากหมู่บ้าน เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าฯ รฟท. กล่าวว่า รฟท.ได้ประกาศงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งในสถานีและบนขบวนรถ หากพบมีการดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟ มีโทษปรับ 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงสถิติคดีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ที่เข้าสู่การพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นทั่วราชอาณาจักร ในช่วง 7 วันอันตรายว่า ภาพรวมวันแรก 29 ธ.ค. มีจำนวนคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณาทั้งสิ้น 210 คดี จำนวนคดีที่พิพากษาแล้วเสร็จ 152 คดี คิดเป็น 72.38% โดยข้อหาที่มีผู้กระทำความผิดสูงสุดยังคงเป็นขับรถขณะเมาสุรา 132 คน ขับรถขณะเสพยาเสพติด 44 คน ขับรถโดยประมาท 10 คน และขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต 9 คน สำหรับศาลที่มีปริมาณคดีขึ้นสู่การพิจารณาสูงสุด ได้แก่ ศาลจังหวัดจันทบุรี 27 คดี, ศาลจังหวัดนครสวรรค์ 23 คดี และศาลจังหวัดพัทลุง 22 คดี
ส่วน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ที่มีวันหยุดยาวว่า พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้มีคำสั่ง 88 สถานีแห่งกวาดล้างปราบปรามอาชญากรรมในช่วงวันที่ 25 ธ.ค.63-3 ม.ค.64
วันเดียวกัน การเดินทางกลับภูมิลำเนาก็มีหลายพื้นที่ที่การจราจรเริ่มหนาแน่น โดยเฉพาะเส้นทางสายเอเชียเพื่อขึ้นเหนือ และสายมิตรภาพที่ไปยังพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะในช่วงเย็นและค่ำ พบว่าการจราจาหนาแน่น และบางครั้งถึงขึ้นติดขัดแต่ไม่มากนัก ซึ่งสวนทางกับสถานีขนส่งในภาคใต้ ที่พบว่าค่อนข้างเงียบเหงาอย่างมาก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |