สภาพของไทยยามนี้ต้องบอกว่า “ตุ๊มๆ ต่อมๆ” ว่า “ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)” หรือ “ศบค.” จะมีมาตรการเข้มออกมาในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่หรือไม่ อย่างไร เพราะดูจากเทรนด์ตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่ง “นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษก ศบค.บอกว่ามีแต่สัญญาณอันตรายอย่างยิ่ง โดยวันจันทร์มีผู้ติดเชื้อในประเทศ 144 ราย วันอังคาร 155 ราย และล่าสุดในวันพุธก็พุ่งไปเป็น 250 ราย ...๐ ขณะเดียวกันการขยายตัวในจังหวัดต่างๆ ที่ มีการติดเชื้อจากคลัสเตอร์ “ตลาดกลางกุ้ง” สมุทรสาคร และ “บ่อนพนัน” ระยอง แม้จะไม่ก้าวกระโดดเท่าตัวเลขผู้ติดเชื้อก็ตามที แต่ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ได้มีการหยุดสะดุดลง โดยเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. มีผู้ติดเชื้อรอบใหม่ 44 จังหวัด 29 ธ.ค. มีผู้ติดเชื้อใน 45 จังหวัด และล่าสุด 48 จังหวัดในวันที่ 30 ธ.ค. ซึ่งในวันที่ 31 ธ.ค. ก็ไม่รู้ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าใด โดยเฉพาะคลัสเตอร์จากบ่อนระยองจะมีอิทธิฤทธิ์ที่ร้อนแรงกว่า “สมุทรสาคร” ด้วยซ้ำ ที่สำคัญยังมีความหลากหลายทางอาชีพที่จะทำให้การแพร่เชื้อน่าหวาดผวาอย่างมาก ...๐ ตอนนี้ดูเหมือนหลายๆ จังหวัด หลายๆ พื้นที่ก็ได้เริ่มมาตรการล็อกดาวน์แบบอ่อนๆ จนถึงแก่ๆ ที่จะเข้าข่าย “เคอร์ฟิว” แล้วก็ตามที แต่หากตัวเลขยังขยายเพิ่มในอัตราส่วนที่ นักวิชาการอย่าง “สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง” อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้เพาะกราฟไว้ ก็อาจต้องคิดไปถึง “Saveสงกรานต์” กันจริงๆ จังๆ ได้แล้ว ซึ่งก็สอดรับกับ “ศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้บอกไว้ว่ารอบนี้อาจต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 3 เดือน ถึงจะเอาอยู่ ก็ใกล้เคียงปีใหม่ไทยนั่นแล เพราะยามนี้ “พี่ไทย” ในระบาดรอบ 2 นั้น หนักหนากว่า “เมียนมารอบ 2” แล้ว ...๐ ปัจจัยประการหนึ่งก็ต้องโทษและเห็นใจรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ไปในคราวเดียวกัน ที่ต้องโทษคือความไม่เด็ดขาดเหมือนกับรอบแรก ทั้งที่มีประสบการณ์มาแล้ว แต่ที่น่าเห็นใจเพราะ “ลุงตู่” ก็คงต้องคำนึงถึงเรื่องเศรษฐกิจ เพราะ หากใช้ยาแรงทันทีก็อาจทำให้เศรษฐกิจที่เริ่มเห็นแสงร่ำไรอาจต้องเล่นบท “ช้อยเก็บฉาก” กันเลยทีเดียว แต่เรื่องนี้ “ผู้นำ” ก็ต้องวัดน้ำหนักและชั่งใจให้ดีว่า จะให้ “เจ็บแล้วจบ” หรือเจ็บน้อยๆ แต่เจ็บนานๆ จนกลายเป็นความวินาศสันตะโร เพราะลุงตู่ต้องไม่ลืมว่า “คนที่เกลียดและไม่ชอบ” ไม่ว่าจะเป็นแก้ปัญหาดีเพียงใดเขาก็ไม่หันมารักได้ แต่คนที่รักและเชียร์อยู่แล้ว หาก “ลุงตู่” ยังไม่ตัดสินใจว่าจะไปซ้ายไปขวา ก็อาจไปเข้าพวกกับพวกเกลียดลุงก็เป็นได้ ...๐ แล้วที่จะกลายมาเป็นปัญหาซ้ำเติมเรื่อง “โควิด-19” อีกเรื่อง คงไม่พ้น “วัคซีน” ซึ่งล่าสุด “ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ” หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กในเรื่อง “โควิด-19 วัคซีน” ไว้น่าสนใจอย่างยิ่งว่า เราปักหลักปักใจกับ “วัคซีน AstraZeneca” มากเกินไปหรือไม่อย่างไร และยิ่งในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ที่มีโรงพยาบาลเอกชนได้ประกาศให้จองสิทธิ์ของ “วัคซีน” สำหรับผู้มีอันจะกินได้จับจองวัคซีนจาก “บริษัท โมเดิร์นนา” ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็ถูกเหยียบเบรกจนต้องล้มโครงการไปแล้ว!!! ทั้งที่ ความเป็นจริงน่าจะ “ไฟเขียว” ด้วยซ้ำ เพราะเป็นครั้งแรกๆ ที่มีผู้มีฐานะหรือผู้มีอันจะกินทำหน้าที่เป็น “หนูลองยา” แทนคนส่วนใหญ่ แล้วยังเป็นการแข่งขันเสรีวัดกันด้วย เพราะทั่วโลกตอนนี้มีวัคซีนโควิดที่ได้ขึ้นทะเบียนให้ฉีดในภาวะฉุกเฉินแล้วถึง 6 ชนิด โดยเป็นของจีน 3 ชนิด, รัสเซีย 1 ชนิด, สหรัฐอเมริกา 1 ชนิด และสหรัฐร่วมกับเยอรมัน 1 ชนิด ...๐ ล่าสุดดูเหมือน “อย.” ที่กลายเป็นผู้รับเผือกร้อนนี้ก็ต้องออกมาแก้ต่างแล้ว โดย “นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม” เลขาธิการ อย. บอกว่าพร้อมอำนวยความสะดวกในการขึ้นทะเบียนวัคซีนทุกรายการ ทั้งวัคซีนที่พัฒนาจากต่างประเทศและวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยทุกแพลตฟอร์ม งานนี้เมื่อผู้ปฏิบัติบอกว่าพร้อมทำงานแล้ว ผู้กำหนดนโยบายจะมีการขยับหรือเปลี่ยนแปลงท่าทีบ้างหรือไม่อย่างไร หรือ ต้องรอ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ที่กักตัวอยู่บ้าน 14 วันกลับมาทำงานปกติ ถึงจะมีดำริในปฏิกิริยาบ้างหรืออย่างไร ...๐
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |