"จตุพร" ปัดยุบ นปช. ยอมรับข้อเรียกร้องเสื้อแดงล้าหลังไม่สอดคล้องสถานการณ์ ขณะที่กลุ่มราษฎรทะลุเพดานไปไกลกว่าอำมาตย์ จึงต้องส่งมอบภารกิจให้คนหนุ่มสาว ยันไม่ร่วมงาน "ประยุทธ์" จวก "ก่อแก้ว" ไม่เคยทำอะไรนอกจากปกป้องเจ๊ "จอม" ขานรับยุบ นปช.รวมทั้งพรรคเก่าแก่ที่ไม่กล้าทะลุเพดานควรทบทวนตัวเอง "ชินวัฒน์-ฟอร์ด" ลั่นหากยุบต้องตรวจสอบทรัพย์สิน นปช.ด้วย
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ถึงการยุบ นปช.ว่า ไม่ได้หมายถึงการยกเลิกคนเสื้อแดง เพียงแค่มอบสมบัติการต่อสู้ให้คนหนุ่มสาว กลุ่มราษฎรที่มีข้อเรียกร้องที่ก้าวหน้ากว่าการโค่นอำมาตย์ นปช.มาได้สูงสุดแค่นี้ ตนได้แสดงความเห็นส่วนตัวควรยุติบทบาท นปช. แล้วส่งภารกิจให้คนรุ่นใหม่ และจะเดินสายหารือแกนนำทั้งหลายที่แยกกันอยู่คนละทาง ไม่ได้เดินสายเพื่อยุบ นปช.ไปร่วมกับเผด็จการตามข้อกล่าวหาใส่ร้าย การต่อสู้ที่ผ่านมาไม่มีใครมาตำหนิได้ว่าใครสู้หรือไม่สู้อย่างไร เพียงแต่อยู่กับโลกความจริงและศึกษาประวัติศาสตร์การต่อสู้ว่า เวลาไหนควรทำอะไร อย่างไร
“การเรียกร้องของคนหนุ่มสาวทะลุเพดานกว่าข้อเรียกร้องของนปช. รวมทั้งแกนนำ นปช.ทั้งสองซีกจะได้คิดอ่านกันอย่างไร ตลอดจนพี่น้องที่อยู่ในเรือนจำได้พูดคุยกันมาบ้างแล้ว เห็นควรให้ยืนอยู่ที่ข้อเรียกร้องของ นปช.เหมือนเดิม ต้องยอมรับกันว่าข้อเรียกร้อง นปช.ล้าหลังกว่ากลุ่มราษฎรที่ก้าวหน้ามากกว่า และมวลชนได้ไปกับราษฎรเต็มที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อการต่อสู้นี้ไม่ได้เป็นสมบัติส่วนตัวของใคร ผมจึงเสนอเป็นความเห็นส่วนตัวว่าควรยุติบทบาท เพื่อส่งมอบภารกิจให้คนหนุ่มสาวซึ่งยกย่องการต่อสู้ของคนเสื้อแดงเป็นแบบอย่างอยู่แล้ว”
นายจตุพรกล่าวว่า เมื่อมีคนรุ่นใหม่ยกย่องคุณูปการของคนเสื้อแดงแล้ว คิดด้วยเจตนาบริสุทธิ์ว่า ให้คนหนุ่มสาวสานงานต่อ ในบรรดาแกนนำเสื้อแดงนั้น พูดได้อย่างมากแค่สนับสนุนการต่อสู้ ซึ่งถือเป็นคำมักง่าย เพราะคนที่อยู่ในสนามต่อสู้ฟังแล้วเจ็บปวด เพราะถ้าสนับสนุนต้องไปร่วมเป็นร่วมตายกับเขา เมื่อคนหนุ่มสาวยกย่องคนเสื้อแดง เห็นว่าเมื่อมวลชนเสื้อแดงก้าวหน้ากว่าบรรดาแกนนำ จึงคิดอย่างบริสุทธิ์ว่าทำไมไม่ส่งมอบภารกิจให้คนหนุ่มสาวต่อสู้สานต่อภารกิจ ในบรรดาแกนนำทั้ง 2 ซีกนั้น ไม่มีคนใดจะไปยืนหยัดต่อสู้ตามข้อเรียกร้องข้อที่ 3 ของกลุ่มราษฎร คนหนุ่มสาวเลย เมื่อเราเดินมาได้สูงแค่การต่อสู้ของไพร่กับอำมาตย์ แต่คนหนุ่มสาววันนี้เดินทะลุเพดานไปแล้ว แน่นอนข้อเรียกร้องของ นปช.จึงล้าสมัย ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์
ประธาน นปช.กล่าวว่า หลายคนพยายามเสนอว่าทำไมไม่ตั้งเวทีคู่ขนาน ซึ่งเราไปแย่งชิงแข่งขันกันด้วยเรื่องอะไร และทำไมไม่ยกผลพวงการต่อสู้ทั้งหมดที่แลกด้วยชีวิต อิสรภาพ ส่งมอบให้คนหนุ่มสาวแทน อย่างน้อยเรายังช่วยประคับประคอง และสามารถไปยืนหยัดเคียงข้างได้ เราเป็นคนเสื้อแดงติดตัวไปจนวันตาย
การพยายามอธิบายว่าตนรับงานมานั้นเป็นการกล่าวหาที่ทุเรศ
นายจตุพรยังกล่าวถึงกรณีนายก่อแก้ว พิกุลทอง บอก นปช.แตกเป็น 2 ส่วน เนื่องจากตนจับมือตั้งพรรคเพื่อชาติ แต่แกนนำไม่เห็นด้วยจึงอยู่พรรคเพื่อไทย แล้วแยกการทำงานการเมืองกันว่า เมื่ออยู่ในคุกคนของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ชวนให้มาช่วยพรรคเพื่อชาติ เพื่อนำคะแนนไปเทรวมให้ฝ่ายประชาธิปไตย ส่วนฝ่ายนายก่อแก้วพร้อมหมู่มิตรไปตั้งพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งในช่วงนั้นอาจเป็นการตัดสินผิดพลาดก็ได้ หลังจากหาเสียงเสร็จตนไม่ได้เหยียบพรรคเพื่อชาติแม้แต่วันเดียว เกี่ยวกับการตัดสินใจกรณี พ.ร.บ.สุดซอย นพ.เหวง โตจิราการ เคยบอกให้ตัดสินใจดีๆ ในเจตนารมณ์ของการต่อสู้ที่ผ่านมา แต่นายก่อแก้วก็ตัดสินใจไปโหวตเลือกสนับสนุนตามคำบอกของคนที่นายก่อแก้วออกมาปกป้อง แล้วนำไปสู่การยึดอำนาจในปี 2557 ซึ่งมาจากเรื่องสุดซอยกันทั้งสิ้น
“กรณี พล.อ.ประยุทธ์ ผมยังบอกตามเดิมว่าไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า ไม่มีวันไปร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกคนต่างก็รู้ว่าผมไม่มีทางไปอยู่ฝ่ายอื่นที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ถามก่อแก้ว 7 ปีคุณทำอะไรบ้าง ยกเว้นปกป้องเจ๊ แล้วมาถล่มผมอีกครั้ง เหตุผลไม่มีใครยกเลิกคนเสื้อแดงได้ เรามาติดยึดอะไรกับสมบัติบ้าบอ เราควรเอาเป้าหมายเป็นภารกิจที่ดีงามให้เขา" นายจตุพรกล่าว
ด้านนายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ที่ลี้ภัยหนีคดีความมั่นคงในประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เห็นด้วยว่าควรจะยุบ ‘นปช.’ เพราะบริบททางการเมืองไทยเปลี่ยนไปแล้ว แต่กลุ่มการเมือง นักการเมือง พรรคการเมือง ส่วนใหญ่ที่ต่อสู้กันมาหลายสิบปีกลับไม่ยอมรับความจริงว่าวิธีการต่อสู้ที่เป็นมาไม่มีวันคว้าชัยชนะมาเป็นของประชาชนได้ เพราะไม่กล้าที่จะทะลุเพดานไปถึงหัวใจของปัญหาของประเทศ การดำรงอยู่ของ นปช.จึงไร้ความหมาย ตัวบุคคลที่ถูกกำหนดให้เป็นประธาน เป็นผู้นำกลุ่มการเมืองทั้งหลาย จึงถูกลดทอนความหมายลงไปอย่างมาก
กล่าวสำหรับ “จตุพร พรหมพันธุ์” ต้องยอมรับนับถือในผลงานการต่อสู้กับอำนาจเผด็จการในอดีต และด้วยความเป็นมนุษย์ปุถุชนที่ชีวิตเต็มไปด้วยบาดแผลจากการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า ประกอบกับช่วงวัยที่ร่วงโรย ย่อมไม่อาจจะดำรงความหนักแน่นมั่นคง หรือทำใจให้ยอมรับกับแนวทางแนวคิดการต่อสู้แบบใหม่ๆ ได้ พรรคการเมืองเก่าแก่ที่อ้างตัวเป็นฝ่ายประชาธิปไตยทั้งหลาย ก็ควรทบทวนตัวเองว่ายังมีกระดูกสันหลังที่แข็งแกร่งพอที่จะยืนเผชิญหน้าสู้กับเผด็จการอำนาจนิยมตัวจริงในประเทศไทยได้จริงหรือไม่ เพราะหากไม่เช่นนั้นแล้วประชาชนจะเป็นฝ่ายลบตำนานการต่อสู้ของพวกคุณเอง
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำ นปช.ภาคตะวันออก และ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นว่า “ถ้าประธาน นปช.ประกาศยุบ นปช. คุณคิดว่าควรตรวจสอบทรัพย์สินของ นปช.หรือไม่?”
ขณะที่นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือฟอร์ด เส้นทางสีแดง แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ก็ได้แชร์สเตตัสดังกล่าวของนายชินวัฒน์ ผ่านเฟซบุ๊กพร้อมระบุว่า “ความเห็นของคุณชินวัฒน์ หาบุญพาด หนึ่งในแกนนำ นปช.เกี่ยวกับท่าทีของจตุพรที่ประกาศจะยุบ นปช. (อ่านความเห็นและเกร็ด นปช.ที่คุณไม่เคยรู้ที่โพสต์)”
ทั้งนี้ นายอนุรักษ์ได้แสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวผ่านช่องทางคอมเมนต์โพสต์ของตนว่า “นปช.ตั้งขึ้นประมาณเดือนกรกฎา 52 มีคุณวีระกานต์ มุสิกพงศ์ เป็นประธานคนแรก คุณธิดา ถาวรเศรษฐ, คุณจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นประธานมาตามลำดับ จนถึงทุกวันนี้มีพี่น้องเสื้อแดงและเจ้าภาพใหญ่บริจาคมาตลอด ทุกเวที และรวมทั้งที่สำนักงาน นปช. ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว รายรับรายจ่าย รวมทรัพย์สินอื่นๆ ที่เป็นสิ่งของต้องตรวจสอบหรือไม่? หากทรัพย์สินมีเหลือ เราจะต้องมอบให้กับสำนักงาน นปช.ไว้หรือไม่?
ทั้งนี้ อีกหนึ่งความเห็น นายอนุรักษ์ได้โพสต์ภาพข่าวพร้อมระบุว่า “เหมือนกันไหมครับ ลองอ่านดู โดยภาพดังกล่าวเป็นโพสต์ของนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ที่ระบุว่า จตุพร พรหมพันธุ์ คิดจะเดินสายพบแกนนำเสื้อแดงเพื่อยุบ นปช. ช่างเหมือนกับแรมโบ้อีสาน เคยเดินสายปลดป้ายหมู่บ้านเสื้อแดงเปี๊ยบเลยเนาะ?”
ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถ.กำแพงเพชร พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้นำตัวเยาวชน 3 คน ได้แก่ มิน-ลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ อายุ 18 ปี, พลอย อายุ 16 ปี และภูมิ อายุ 16 ปี สมาชิกกลุ่มนักเรียนเลวและกลุ่มนักเรียนไท ในคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการขึ้นปราศรัยในการชุมนุมเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมาบริเวณแยกราชประสงค์ มายื่นขอผัดฟ้อง โดยแจ้งต่อศาลไม่ประสงค์ให้ควบคุม ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตผัดฟ้องและให้ผู้ปกครองมารับ ให้มารายงานตัวครบกำหนดผัดฟ้องอีกครั้งในระยะเวลา 15 วัน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. พนักงานสอบสวนได้นำตัวเยาวชนมายื่นสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็น เพื่อให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีเยาวชนพิจารณามีคำสั่งในคดีความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 9 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท โดยยังสามารถผัดฟ้องได้อีก 30 วันนับจากวันนี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |