สตช.จับมือแก้หนี้ 2 แสนล้าน หาทางออกก่อนฟ้องล้มละลาย


เพิ่มเพื่อน    

 

           องค์กรตำรวจเป็นอีกหน่วยงานที่มีบุคลากรกว่า 2 แสนคน ซึ่งโครงสร้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะคล้ายพีระมิด การบริหารแบบเบ็ดเสร็จจากส่วนกลาง ศูนย์รวมอำนาจจึงอยู่ที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพียงไม่กี่คน การปฏิบัติหน้าที่ต้องสนองนโยบายจากเบื้องบนตามสายงานบังคับบัญชา

            กำลังพลส่วนใหญ่ ผู้ปฏิบัติเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย การบริหารงานของแต่ละหน่วยงานย่อมมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป อีกหนึ่งปัญหาขององค์กรตำรวจคือ “ปัญหาหนี้สิน” ตำรวจหลายคนเงินเดือนถูกหักจากบัญชีจนหมด หลายคนต้องถูกให้ออกจากราชการเนื่องจากถูกศาลฟ้องจนเป็นบุคคลล้มละลาย เป็นปัญหาเรื้อรัง ตำรวจหลายนายต้องจบชีวิตด้วยการ “อัตวินิบาตกรรม” ตัวเอง ทิ้งครอบครัวให้เผชิญชะตากรรม ซึ่งจากการสำรวจพบว่า กำลังพลของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมด 209,033 นาย สัญญาบัตร 81,661 นาย ชั้นประทวน 127,372 นาย ยอดหนี้ในภาพรวมของข้าราชการตำรวจ จำนวน 270,048,470,106 ล้านบาท

            สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พยายามแก้ไขปัญหามาตลอด ตั้งแต่สมัย “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ที่กุมบังเหียนสำนักงานตำรวจแห่งชาตินานที่สุด 5 ปี ได้รับรู้ปัญหาของผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ทุกหน่วยงานให้การช่วยเหลือข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำ ตร.ที่มีปัญหาในการชำระหนี้ให้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ และป้องกันการมีภาระหนี้สินจนเกินกำลังความสามารถ ให้การชำระหนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จัดทำโครงการแก้ไขบัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำ ตร. สำหรับผู้ที่มีหนี้วิกฤติ หรือมีปัญหาในการชำระหนี้ โดยให้เชิญเจ้าหนี้ทุกรายเข้าร่วมเจรจาตกลงแก้ไขปัญหาการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย พร้อมทั้งขอความร่วมมือสหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยงานที่ลูกหนี้เป็นสมาชิก เข้าร่วมเจรจาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา โดยให้พิจารณาช่วยเหลือกลุ่มผู้ที่ถูกฟ้องล้มละลายเป็นลำดับแรก

            ยิ่งสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด เศรษฐกิจหยุดชะงักทั้งประเทศ สร้างความเดือดร้อน ส่งผลกระทบต่อข้าราชการตำรวจและครอบครัว สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน แบ่งเบาภาระทางด้านการเงินให้แก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มียอดเงินเดือนคงเหลือต่ำกว่า 5,000 บาท ให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนทางด้านการเงินแก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัว จัดหาอาชีพเสริมให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน เพื่อเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายในครัวเรือน บรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น จัดโครงการอาหารกลางวันให้กับข้าราชการตำรวจ

            มาตรการช่วยเหลือข้าราชการตำรวจยุค “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ สู่ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้ดำเนินโครงการต่อ เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถดำเนินชีวิตไปได้ โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นแม่งานในการหาทางออกร่วมกันทั้งของเจ้าหนี้และลูกหนี้ และเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการช่วยเหลือให้เป็นรูปธรรม เปิด “โครงการเสวนาการแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเป็นระบบ”

            โดยมีผู้แทนจากสหกรณ์ออมทรัพย์ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย, ธนาคารออมสิน และผู้แทนสถาบันการเงิน เข้าร่วมการเสวนาเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาหนี้สินของข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำที่มีปัญหาในการชำระหนี้ ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ อีกทั้งเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีภาระหนี้สินจนเกินกำลังความสามารถในการชำระหนี้ได้

            การเสวนาหาโครงการแก้หนี้สินตำรวจมีการบรรยายพิเศษโดย อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม ผู้ตรวจการอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้บรรยาย “กฎหมายและกฎกระทรวงที่สำคัญสำหรับการบริหารงานสหกรณ์” และ (ร่าง) กฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562

            พล.ต.ท.เพิ่มพูนระบุ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติ จำกัด จัดโครงการเสวนาแก้ปัญหาหนี้สินของข้าราชการตำรวจ และลูกจ้างประจำในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเป็นระบบ เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และพัฒนาคุณภาพชีวิตของข้าราชการและบุคลากรในสังกัด จากสภาพปัญหาหนี้สินของข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของบุคลากรในสังกัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำ เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และร่วมกันกำหนดแนวทางช่วยเหลือให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด

            อย่างเคสกรณีศึกษาที่สะท้อนปัญหาหนี้สินของตำรวจ นำไปสู่มหากาพย์การฉ้อโกงสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย ตำรวจชั้นผู้น้อยหลายชีวิตถูกฟ้องร้องแทบล้มละลาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงต้องลงไปเร่งแก้ปัญหาเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยกำหนด 5 ยุทธศาสตร์ หรือ ยา 5 เม็ด 1.ผู้กู้เงินรายใหม่ที่จะต้องผ่านการตรวจคัดกรองจากระดับสถานีฯ อย่างเข้มข้น มีแผนการชำระที่ชัดเจน แล้วเข้าสู่กรรมการระดับจังหวัด จะทำให้สหกรณ์ลดความเสี่ยงและลดภาระของผู้ค้ำประกัน ทั้งยังคงมีการทำประกันวงเงินในรูปแบบของสถาบันการเงินทั่วไปเพื่อลดความเสี่ยงในกลุ่มผู้กู้รายใหม่ ขณะที่ยาเม็ดที่ 2.การรีไฟแนนซ์ คือ ข้าราชการตำรวจที่เป็นหนี้ทั้งหมดเอามารวมกันทั้งระบบ โดยสหกรณ์จะทำการตรวจสอบและตรวจคัดกรองอย่างละเอียดและเข้มข้น และครอบครัวต้องรับรู้

            3.คือ การปรับโครงสร้างหนี้ และลดดอกเบี้ยเงินกู้ ยอดเงินกู้ไม่เกิน 1,500,000 บาท จากเดิมร้อยละ 7.5 ให้เหลือร้อยละ 7 ซึ่งจะทำให้สมาชิกนั้น ส่งงวดน้อยลงเหลือเพียงเดือนละ 1,150 บาท รวมทั้งการตั้งกองทุนเพื่อการศึกษาให้กับข้าราชการตำรวจที่ต้องใช้เงินเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร โดยสามารถกู้ไม่เกินรายละ 10,000 บาทโดยไม่มีดอกเบี้ย และให้ส่งเดือนละ 1,000 บาท 4.คือ การน้อมนำศาสตร์พระราชา โคก-หนอง-นา-โมเดล มาใช้ โดยให้ข้าราชการตำรวจที่ประสบปัญหาและเข้าข่ายต้องพออยู่ พอกิน พอมี พอใช้ ให้มีอยู่ มีกิน จับจอบ จับเสียม อยู่อย่างพอเพียง ควบคู่ไปกับการทำงานประจำและบริการประชาชน 5.คือ สหกรณ์ตำรวจภูธรจังหวัดเลยจะต้องโปร่งใส

            ปัญหาหนี้สินไม่ใช่เรื่องเล็ก สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องเข้ามาดูแลกำลังพลอย่างจริงจัง แก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม สามารถจับต้องได้ เมื่อตำรวจกินอิ่มนอนหลับ ไม่มีเรื่องต้องกังวล การทำงานเพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนก็จะมีประสิทธิภาพไปด้วย ก่อนที่จะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปดูแลคนอื่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดูแลความเป็นอยู่ของกำลังพลให้ดีที่สุด.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"