วาระการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ รอง ผบก.-สว. เรียบร้อยสะเด็ดน้ำทุกตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายต่างไปรายงานตัวเข้ารับตำแหน่งใหม่กันหมดแล้ว หลังจากที่มีเหตุต้องเลื่อนวันมา ทำให้ล่าช้านิดหน่อย เดิมทีโผการแต่งตั้งต้องเสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 พ.ย. และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปรายงานตัวเข้ารับตำแหน่งวันที่ 16 ธ.ค. แต่การแต่งตั้งครั้งนี้ประจวบกับมีการเลือกตั้งท้องถิ่น วันที่ 20 ธ.ค. จำเป็นต้องขยายเวลาการแต่งตั้ง ซึ่งการแต่งตั้งระดับรอง ผบก.- ผกก. แต่งตั้งเสร็จไปก่อนกำหนดเมื่อวันที่ 30 พ.ย.แล้ว
การแต่งตั้งระดับรอง ผกก.-สว.ต้องขยายเวลาด้วยเหตุจำเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดูแลพื้นที่การเลือกตั้งให้เสร็จเสียก่อน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติรู้ดีว่าการแข่งขันในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร ต้องรักษาความเรียบร้อยให้การเลือกตั้งลุล่วงไปก่อน “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้ขยายเวลาการแต่งตั้งออกไป ยืนยันเสร็จตามกำหนด หลังปิดหีบการเลือกตั้งเที่ยงคืนวันที่ 20 ธ.ค. กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้เผยแพร่คำสั่งการแต่งตั้งเสร็จทั้งหมดทุกตำแหน่ง
การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้เสร็จทันในกรอบกำหนดระยะเวลาเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โดยเฉพาะตำแหน่ง “ผกก.” ซึ่งเป็นหัวใจหลักของแต่ละพื้นที่ ซึ่งเกณฑ์การแต่งตั้งระดับโรงพักจะมีการพูดถึง “เกรด” โรงพักเกรดเอ โรงพักเกรดบี พื้นที่ทองคำ ใครมีเส้นสายหรือเด็กนายก็จะได้นั่งเก้าอี้ทองคำแหล่งเศรษฐกิจ ทั้งธุรกิจบันเทิง สถานบริการต่างๆ ทั้งสีเทาและสีดำ
พื้นที่แหล่งท่องเที่ยว แหล่งอบายมุข ซึ่งเป็นแหล่งเงินที่จะต้องจ่ายให้กับตำรวจ อย่างหลายปีที่ผ่านมา การแต่งตั้ง ผกก.ต้องเจอโรคเลื่อน สะพัดมีการซื้อขายเก้าอี้ สอดใส่แย่งชิงตำแหน่ง ราคาอยู่ที่ 5-10 ล้านบาท โดยมีข้าราชการตำรวจระดับสูงและนักการเมืองผู้มีอิทธิพลเป็นผู้ตักตวงผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองแบบไม่มีใบเสร็จ
กลุ่มม็อบประกาศพักยก เข้าสู่โหมดการบริหารงาน หลังการแต่งตั้ง “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร.ได้มอบนโยบายและรับรายงานตัวข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.-ผกก. ที่ได้รับตำแหน่งใหม่ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยมี พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ผู้บังคับบัญชาในสังกัด บช.น. พร้อมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยัง 23 หน่วยทั่วประเทศ โดยเน้นย้ำถึงการทำงานเพื่อดูแลประชาชนอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ในการมอบนโยบายครั้งนี้ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวตอนหนึ่งกับข้าราชการตำรวจที่ได้รับตำแหน่งใหม่ โดยเฉพาะตำแหน่ง “ผกก.” ว่า เป็นโอกาสดีที่ได้พูดคุยกับเพื่อนข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ แต่ละปีจะเปลี่ยนถ่ายหน้าที่การงาน โอกาสจะพูดคุยคงไม่บ่อยครั้งนัก “เก้าอี้ที่เราได้มา เก้าอี้ที่เราจากไปไม่เคยเป็นของเรา เราแค่มารักษาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จะเป็นเดือนเป็นปีตอบไม่ได้ ต้องรักษาให้ดีอย่าให้แปดเปื้อน ให้เป็นที่พึ่งของคน รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชา”
ขณะนี้ปัญหาหลักคือการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ให้สำรวจความพร้อมอุปกรณ์ อาทิ หน้ากาก เจลล้างมือ เครื่องวัดอุณหภูมิ ชุด PPE ป้องกันโควิด-19 สิ่งของจำเป็นต้องอยู่ในมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของสถานีตำรวจ หากไม่มีให้ทำเรื่องขึ้นมาถึงกองบังคับการ กองบัญชาการ เพื่อเสนอเรื่องมาถึง ตร.ให้ดำเนินการจัดส่งให้ ส่วนเรื่องสถานีจุดบริการประชาชนนั้น ต้องมีระบบการป้องกันการแพร่ระบาด ไม่ว่าจะเป็นพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่มีคนติดต่อขอวีซ่า ฝ่ายสืบสวนในการควบคุมตัวผู้ต้องหา สายตรวจพบปะประชาชน ตำรวจจราจรพบเจอประชาชน ผู้กำกับการต้องลงไปตรวจสอบที่พักผู้ใต้บังคับบัญชา
ปัญหาท้าทายของ ผกก.อีกอย่างคือ สังคมออนไลน์ เป็นแหล่งรวมการกระทำความผิดจำนวนมาก โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจ จะต้องชี้แจงข้อเท็จจริงโดยเร็ว ถ้าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริงก็ต้องรีบไปแก้ไข หากไม่จริงก็ต้องแก้ไข รีบชี้แจงทำความเข้าใจ ก่อนที่ความเข้าใจผิดจะลุกลามไป
ผู้ใต้บังคับบัญชา หากลูกน้องทำอะไรไม่ดีต้องหามาตรการในการดูแล ระวังการฝ่าฝืนเรื่องอบายมุข แรงงานต่างด้าว ยาเสพติด ความเสี่ยงในตำแหน่งจะมีไม่ได้ ต้องหาวิธีป้องกันการเกิดเหตุ ควบคุมดูแล หากฝ่าฝืนนโยบายสำคัญเหล่านี้ ผบ.ตร.เตือนจะส่งจเรตำรวจแห่งชาติลงไปตรวจสอบ ซึ่งจะมีผลตามมาแน่นอน หากพบว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องสมรู้ร่วมคิดจะต้องรับผิดชอบ คนดีต้องได้รับการส่งเสริมยกย่อง คนที่ทำผิดก็จะต้องถูกลงโทษ
การมอบนโยบายครั้งนี้ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ยังได้เน้นย้ำ “ผกก.ต้องทำตัวเป็นที่พึ่งของลูกน้องเพื่อนร่วมงานผู้บังคับบัญชา สำคัญที่สุดเป็นที่พึ่งของประชาชน เราเป็นอาชีพที่คอลัมนิสต์สนใจ ชาวบ้านสนใจรู้หมดว่าเราย้ายไปไหน เป็นอาชีพที่คนยากดีมีจนสนใจว่าเราจะทำอะไร เราเป็นอาชีพที่ถูกด่าทุกวัน เพราะเขาสนใจเรา และลึกๆ ก็หวังพึ่งเรา ยามเขาเดือดร้อน สิ่งที่เขาคิดได้คือหมอ ตำรวจ ขอให้ตระหนักความสำคัญของเก้าอี้ที่ท่านนั่ง รักษาเกียรติยศศักดิ์ศรี ต้องแยกให้ออก เขาวิจารณ์ความเป็นตำรวจของท่านที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้ ต้องครองตนรักษาให้สมกับตำแหน่งที่ท่านครองอยู่ให้ได้ เป็นตัวแบบนอกจากเป็นที่พึ่ง ท่านอาจจะคิดว่าผมคาดหวังว่าท่านเป็นผู้วิเศษ ไม่ใช่ผมคาดหวังคนเดียว ทุกคนก็คาดหวัง คนในประเทศนี้ก็คาดหวัง ท่านสำคัญมาก อย่าทำลาย”
ตั้งแต่รับตำแหน่ง “ผบ.ตร.” ได้มอบนโยบายให้กับรอง ผบ.ตร. โดยสายงานบริหารเป็นของ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย งานป้องกันปราบปรามเป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ดูงานสืบสวน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ กำกับงานด้านความมั่นคง พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร รับผิดชอบงานกฎหมายและคดี ส่วน พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจ ดูนโยบายและการพัฒนา ต่อด้วยมอบนโยบายให้กับผู้บัญชาการแต่ละหน่วย เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปในทิศทางเดียวกันในการทำงานอีก 5 ปีข้างหน้า
ตำแหน่ง “ผกก.” เป็นอีกตำแหน่งที่สำคัญ เป็นหัวใจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาชนต้องสัมผัสกับข้าราชการตำรวจ 24 ชั่วโมง ความเดือดร้อนของประชาชน คดีความต่างๆ ต้องผ่านสถานีตำรวจ ผกก. โรงพักจึงเป็นหน้าเป็นตาองค์กรตำรวจ ช่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชน ถึงแม้ตำรวจจะต้นทุนต่ำในสายตาประชาชน แต่ประชาชนยังต้องพึ่งตำรวจด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบ ตำรวจเองก็ต้องพึ่งความร่วมมือกับประชาชนในการทำงาน “ผกก.” จึงเป็นหัวใจหลักขับเคลื่อนองค์กรสีกากี ฉะนั้นคนดีย่อมได้รับการยกย่อง ส่วนเนื้อร้ายต้องถูกตัดทิ้ง เดือน เม.ย.นี้จับตา ผบ.ตร.ตรวจการบ้านอีกครั้ง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |