ข่าวจากฮานอยเมื่อวันอาทิตย์เรื่องอัตราโตของผลผลิตมวลรวม หรือ GDP ที่คาดว่าทั้งปี 2563 จะโต 2.9% มีหลายแง่มุมที่น่าวิเคราะห์
เพราะยังไม่ทันสิ้นปีเลย รัฐบาลเวียดนามก็ออกตัวเลขของเศรษฐกิจทั้งปีแล้ว
ปกติหลายๆ ประเทศจะรออย่างน้อย 2-3 เดือน จึงจะมีตัวเลขเศรษฐกิจของตนของปีที่ผ่านมา
แต่เมื่อเกิดโควิด วิถีปฏิบัติหลายอย่างเปลี่ยนไป
ผมเชื่อว่าที่เวียดนามรีบออกตัวเลขเศรษฐกิจก่อนจะสิ้นปีหนึ่งสัปดาห์อย่างนี้ มีเป้าประสงค์ที่น่าสนใจ
ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะเวียดนามต้องการจะออกข่าวไปทั่วโลกว่าสามารถตั้งรับภัยคุกคามโควิด-19 ได้ดีพอสมควร ใครจะทำมาค้าขายและลงทุนในประเทศในปีใหม่นี้ก็ควรจะตัดสินใจได้ตอนนี้เลย
เพราะมีเพียงจีนและเวียดนามกระมังที่ยังสามารถประคองให้จีดีพีของตนไม่ติดลบได้ ขณะที่ประเทศส่วนใหญ่ในโลกติดลบกันทั้งนั้น
เวียดนามออกข่าวว่าจีดีพีโตของเขาทั้งปีจะอยู่ที่บวก 2.9%
แม้จะเป็นตัวเลขการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 30 ปี แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เขาถือว่านี่เป็นสัญญาณทางบวกสำหรับภาพลักษณ์ของประเทศ จึงรีบออกข่าวตัดหน้าประเทศอื่นเสียเลย
ในถ้อยแถลงทางการนั้น รัฐบาลเวียดนามบอกแจ้งว่าเศรษฐกิจของตนในปี 2563 เกิดการชะลอตัวลงสู่ระดับอ่อนแอที่สุด อย่างน้อยในรอบ 3 ทศวรรษ
เหตุผลที่อ้างแน่นอนว่าคือผลกระทบจากโควิด-19 และเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา
แถลงการณ์นั้นมาจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (GSO) ที่บอกว่า เศรษฐกิจประเทศขยายตัว 2.91% ในปีนี้
โดยเปรียบเทียบให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของประเทศเติบโตก่อนหน้านี้เคยอยู่ในระดับสูงกว่า 7% เป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน
ตัวเลขดุลการค้าก็เป็นบวก อยู่ที่เกินดุลการค้า 19.06 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้
ที่สำคัญคืออำนาจซื้อของคนในประเทศยังมีอยู่ เพราะตัวเลขชุดนี้บอกว่ามูลค่าการบริโภคในประเทศ เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.23%
ภาษาทางการของแถลงการณ์นี้บอกว่า
"สถิติล่าสุดนี้คือระดับการเติบโตของจีดีพีที่ต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ท่ามกลางผลกระทบด้านลบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ถือเป็นความสำเร็จของเวียดนามที่ยังมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดในโลก"
เป็นการตอกย้ำว่าเวียดนามประสบความสำเร็จในสงครามสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19
แถลงการณ์ตอกย้ำว่า แม้จะเผชิญกับภัยโรคระบาด แต่เศรษฐกิจเวียดนามก็ยังเปิดกว้าง
เพราะมีความเชื่อมั่นในความสามารถที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดที่เป็นมาตรการของรัฐบาลและความร่วมมือของประชาชน
แต่ก็เป็นที่ยอมรับว่า เมื่อต้องเข้มงวดกับมาตรการการควบคุมโรคระบาดก็ย่อมจะต้องมีผลทางลบต่อเศรษฐกิจบ้าง
แต่อยู่ในระดับที่บริหารได้
เขาจึงบอกว่ามาตรการกักกันและติดตามการแพร่ระบาดอย่างจริงจังมีผล ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของเวียดนามฟื้นตัวเร็วกว่าประเทศส่วนใหญ่ในเอเชีย
ถึงวันนี้เวียดนามมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 1,440 ราย และเสียชีวิต 35 ราย
ซึ่งต้องถือว่าค่อนข้างต่ำและอยู่ในเกณฑ์ที่ทำได้ดีที่สุดประเทศหนึ่งในโลกทีเดียว
หนีไม่พ้นว่าจะต้องมีคนเปรียบเทียบตัวเลขชุดนี้ระหว่างเวียดนามกับไทยเรา
ทางการไทยประเมินว่าจีดีพีของไทยปีนี้น่าจะติดลบ 6.6% และปีหน้าจะโตเป็นบวก 3.2%
แสดงว่าเราเผชิญกับความท้าทายหนักกว่าเวียดนาม
และเมื่อต้องเจอกับการระบาดระลอกใหม่ขณะนี้ก็ทำให้เกิดคำถามว่าเราจะบริหารวิกฤติรอบใหม่นี้ให้ได้ดีเท่ากับรอบแรกหรือไม่
คนไทยจำนวนหนึ่งจะชื่นชมที่เวียดนามทำได้ดี
คนไทยอีกจำนวนหนึ่งจะยืนยันว่าไทยยังอยู่ในฐานะดีกว่า เพราะความสำเร็จของเวียดนามในแง่นี้มาจากการใช้มาตรการคำสั่งที่เข้มงวดแบบคอมมิวนิสต์มากกว่า เพราะฝีมือการบริหารจริงๆ
เราปลอบใจตัวเราเองได้ แต่ต้องไม่ลืมว่าท้ายที่สุดเราต้องปฏิรูปทุกอย่างเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จอันพึงประสงค์ของประชาชนให้ได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |