28 ธ.ค. 2563 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมม.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ว่า ได้มอบหมายให้นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ประสานกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อทราบว่า สิ่งที่กระทรวงคมนาคมดำเนินการอยู่มีอะไรบ้าง พร้อมทั้งชี้แจงรายละเอียด ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ได้ตั้งคำถามไว้ ก่อนที่กระทรวงคมนาคม จะสรุปข้อมูล เสนอแผนลงทุนไปยังคณะกรรมการ (บอร์ด) สภาพัฒน์ฯ ภายใน ม.ค. 2564

สำหรับแผนฟื้นฟู ขสมก. ฉบับปรับปรุงนี้ มีรายละเอียดเปลี่ยนแปลงจากแผนฟื้นฟูเดิมที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เคยมีมติเห็นชอบไปเมื่อ 25 มิ.ย. 2562 โดยรัฐบาลยุคที่แล้ว ประมาณ 3 เรื่อง คือ 1.การปรับเปลี่ยนวิธีจัดหารถ โดยใช้วิธีการเช่าและจ้างเอกชนวิ่งตามระยะทาง 2.การเก็บค่าโดยสารจากการเก็บ 15-20-25 บาทตามระยะทาง เปลี่ยนเป็น 30 บาท/วัน ไม่จำกัดเที่ยว และ 3.การเสนอปรับช่องทางวิ่งอยู่บริเวณเกาะกลางถนน (บัสเลน) ต้นแบบจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเรื่องนี้ ยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากได้ดำเนินการแล้ว บนถนนนราธิวาส ในส่วนของเรื่องการบริหารหนี้สิน, การนำระบบ Common Ticket มาใช้นั้น ได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูเดิมทั้งหมด
ทั้งนี้ การดำเนินการตามแผนฟื้นฟูฉบับปรับปรุงใหม่นั้น ถือเป็นการหยุดภาวะเลือดไหล ในเรื่องของการขาดทุน หรือภาระหนี้สินที่ ขสมก. มีอยู่ และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในขณะนี้ ขสมก. มีหนี้สินอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี โดยหากแผนฟื้นฟู ขสมก. ยังมีความล่าช้า จะยิ่งทำให้ ขสมก. มีหนี้สินเพิ่มขึ้น จากที่ในปัจจุบันมีหนี้สินมูลค่า 1.27 แสนล้านบาท

ขณะเดียวกัน ต้องขออภัยประชาชนที่ใช้บริการรถเมล์ ขสมก. ที่จะต้องทนใช้บริการนถที่มีสภาพเก่า และเป็นรถเมล์ไม่ปรับอากาศ (รถร้อน) ในส่วนของการปรับปรุงเส้นทางเดินรถ เพื่อไม่ให้เกิดความทับซ้อน และจัดเดินรถในลักษณะ Feeder Liner (ป้อนผู้ใช้บริการเข้าสู่ระบบราง) และ Circle (วิ่งเป็นวงกลม) ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนหลักได้อย่างเป็นระบบการปรับปรุงนั้น เตรียมเสนอให้คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณาต่อไป

“ผมไม่อยากให้ ขสมก. หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่บริหารโดยกระทรวงคมนาคม ต้องล้มหายตายจากไปอย่างบริษัท การบินไทยฯ ซึ่งไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น เพราะเรามีวิธีการที่ดำเนินการได้ และตอนนี้ ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้ประสานงานและทำการบ้าน ก่อนสรุปแผนการลงทุนให้บอกสภาพัฒน์ฯ พิจารณา ซึ่งเดิมเราเข้าใจว่า จะผ่านมติ ครม. ก่อน แล้วทำเรื่องส่งแผนการลงทุนนี้คู่ขนานไป แต่ต้องเอาไปเข้าบอร์ดฯ ก่อนตามกระบวนการ ซึ่งต้องขออภัยที่ประชาชนต้องใช้บริการรถร้อนต่อไป โดยไม่ถือว่าเป็นการนับหนึ่งใหม่ แต่ต้องดำเนินการตามระเบียบ ก็แล้วแต่สภาพัฒน์ฯ อยากให้ทำแบบไหน เราก็ทำแบบนั้น และให้ปลัดกระทรวงคมนาคมไปสอบถามว่า ทั้งหมดที่ทำนี้ คือ ทั้งหมดจริงๆ หรือไม่ ไม่ใช่พอทำแบบนี้หมดแล้ว ก็ผุดขึ้นมาอีก ซึ่งนั่นก็จะเป็นเวรเป็นกรรมของพี่น้องประชาชน กทม. และปริมณฑล ถ้าสภาพัฒน์ฯ ยังคิดแบบนี้” นายศักดิ์สยาม กล่าว