ปีนี้เรื่องราวที่คนไทยให้ความสนใจนอกจากปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 และเรื่องโควิด-19 แล้วนั้น ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการเมือง ที่เรียกได้ว่าดุเดือดกันต่อเนื่องในช่วงท้ายปี แถมครั้งนี้เหล่าดาราคนดังที่ปกติแล้วไม่ค่อยเห็นคนในวงการบันเทิงมีการแสดงออกทางการเมืองมากมายนัก ก็กลับมีแอคชั่นและออกมา Call Out กันมากมาย โดยเฉพาะดาราวัยรุ่นยุคใหม่
เริ่มกันที่นักร้อง-นักแต่งเพลงหนุ่ม แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ (The bottom blues) หรือไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ สมาชิกวง เดอะบอตทอมบลูส์ ที่เป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากในเหตุการณ์ที่เจ้าตัวสาดสีน้ำเงินใส่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ระหว่างที่ผู้ต้องหาคดีเวทีชุมนุมเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มารายงานตัวตามหมายเรียก โดยนักร้องหนุ่มอ้างว่าเป็นการตอบโต้ที่ประชาชนถูกป้ายสีมามากแล้ว พร้อมประกาศ หากยังคุกคามประชาชนอยู่ จะคุกคามคืนด้วยศิลปะอีกเช่นนี้
หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เข้าร่วมชุมนุมกับม็อบคณะราษฎรมาโดยตลอด พร้อมกับมีการขึ้นเล่นเพลงฮิต 12345 I love you ของวงเดอะบอตทอมบลูส์ แต่มีการดัดแปลงเนื้อร้องท่อนฮุกเป็น “12345 I here too” ที่มีคำพ้องเสียงเหมือนเป็นการด่านายกฯ ตู่อีกด้วย
และเพราะไปร่วมม็อบบวกกับมีแอคชั่นทางการเมืองอยู่เนืองๆ ทำให้นักร้องหนุ่มถูกยกเลิกงานคอนเสิร์ต ซึ่งเจ้าตัวได้โพสต์เฟซบุ๊กผ่านเพจ The Bottom Blues ว่าหากใครอยากยกเลิกงานด้วยเหตุผลนี้อีก ตนยินดีคืนเงินมัดจำให้เต็มจำนวน "วันนี้ผมโดนยกเลิกงานคอนเสิร์ตไปงานนึงครับ ด้วยเหตุผลสั้นๆ ว่า "ผู้ใหญ่เขาไม่สบายใจ" ถ้าหากมีลูกค้าท่านใดอยากยกเลิกด้วยเหตุผลนี้ แจ้งผมได้เลยนะครับ ผมเข้าใจและไม่โกรธกัน ผมยินดีคืนเงินมัดจำให้เต็มจำนวนครับ #ให้มันจบที่รุ่นเรา"
ซึ่งต่อมาเจ้าตัวก็ได้เป็นที่พูดถึงอีกครั้งเมื่อไปเชียร์เพื่อนรุ่นพี่ร่วมโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน อย่าง ลีซอ-ธีรเทพ วิโนทัย ที่ต้องขึ้นชกกับเจ๋ง-เดชา โคนาโล นักร้องนำวงบิ๊กแอส ในรายการ 10 Fight 10 Season 2” ซึ่งนักร้องหนุ่มได้โพสต์ทวิตเตอร์ว่า ทางทีมงานรายการเข้ามาขอร้องไม่ให้แอมมี่แสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองในรายการ และจะไม่มีการสัมภาษณ์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือห้ามนักร้องหนุ่มมีซีนใดๆ ในรายการ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่ายินดีน้อมรับ เพราะตนมาในฐานะรุ่นน้องกรุงเทพคริสเตียนของหนุ่มลีซอ และตนก็ยอมรับว่าควรให้เกียรติเจ้าของรายการ ทำเอาชาวเน็ตวิจารณ์เรื่องดังกล่าวมากมาย
และล่าสุดหนุ่มแอมมี่ก็ทำเอาชาวทวิตเตอร์คึกคักอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวโพสต์ฝากไปถึงป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม ว่าอยากขึ้นเล่นคอนเสิร์ตใหญ่อย่าง บิ๊กเมาน์เท่น ซึ่งหลังจากที่นักร้องหนุ่มโพสต์ ก็มีแฟนเพลงเข้ามาคอมเมนต์มากมาย หลายคนถึงขั้นแท็กป๋าเต็ดให้มาอ่าน พร้อมกับโยงไปเรื่องการเมืองว่าการตัดสินใจจะให้นักร้องหนุ่มขึ้นเล่นคอนเสิร์ตใหญ่นี้หรือไม่ จะได้รู้กันไปเลยว่าป๋าเต็ดอยู่ฝ่ายใด แต่ป๋าเต็ดก็ไม่ปล่อยให้ชาวเน็ตต้องรอนาน โดยเข้ามาตอบทวิตเตอร์หนุ่มแอมมี่เพียงสั้นๆ ว่า "อย่าเอ็ดไป" พร้อมสัญลักษณ์รูปยิ้ม แล้วจากนั้นเพียงไม่นาน แอมมี่ก็ได้โพสต์ทวิตเตอร์อีกครั้งว่า "แล้วพบกันครับ บิ๊กเมาน์เท่น วัน เวลา และเวที โปรดรอติดตาม ขอบคุณสำหรับมิตรภาพครับ ...แอมมี่ The Bottom Blues" ซึ่งน่าจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าป๋าเต็ดรับคำขอของนักร้องหนุ่ม เพียงแค่ยังไม่เปิดเผยวันและเวลาที่จะขึ้นโชว์เท่านั้น
แต่ชาวสามนิ้วก็ดีใจได้เพียงไม่นานเมื่อหนุ่มแอมมี่ได้โพสต์ว่าตนเองจะไม่ไปขึ้นเวทีคอนเสิร์ตดังกล่าวแล้ว คาดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย พร้อมทั้งขอบคุณป๋าเต็ดสำหรับทุกโอกาส และขอโทษที่ทำให้ต้องเดือดร้อน แต่อย่างไรก็ตาม คอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่นก็เล่นได้เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น เพราะเกิดปัญหาในวันสุดท้ายเมื่อมีการสั่งให้ยุติการจัดคอนเสิร์ต เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่ไม่สามารถจำกัดจำนวนคน และควบคุมการสวมหน้ากากอนามัย รวมถึงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้
เป็นอีกคนที่ออกมา Call Out ไม่ขาดสาย พร้อมกับประกาศจุดยืนอย่างชัดเจน นั่นก็คือ “น้อยหน่า” แห่งภาพยนตร์ “แฟนฉัน” ที่เคยครองใจใครหลายๆ คนอย่าง โฟกัส จีระกุล โดยเจ้าตัวได้เริ่มโพสต์แสดงจุดยืนในการสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมที่แสดงออกทางการเมืองตามสิทธิระบอบของประชาธิปไตย พร้อมกับประณามความรุนแรงหลังมีการสลายการชุมชมของคณะราษฎรด้วยการฉีดน้ำแรงดันสูงใส่ผู้ชุมนุม ตั้งแต่เมื่อครั้งเริ่มมีม็อบเกิดขึ้นใหม่ๆ ทั้งยังประกาศกร้าวไม่หวั่นหากไม่มีงาน
หลังจากนั้นเจ้าตัวก็กลายเป็นขวัญใจคณะราษฎร ซึ่งก็มีทั้งชาวเน็ตที่เข้ามาชื่นชมและเข้ามาด่าทอต่างๆ นานา ซึ่งสาวโฟกัสก็ได้โพสต์เตือนทุกๆ คนที่คิดจะเข้ามาใช้ถ้อยคำหยาบคายและด่าทอเธอ ว่าให้เตรียมเงินไว้ได้เลย เพราะถ้าถึงที่สุดเธอจะฟ้องกลับทันที
และเมื่อเธอแสดงจุดยืนและเข้าร่วมม็อบอยู่เนืองๆ ทำให้ชื่อของสาวโฟกัสกลับมาเป็นที่พูดถึงแทบไม่เว้นวันในพื้นที่ข่าวทุกสำนัก จนมีรายการติดต่อเข้าให้เธอไปพูดถึงการแสดงจุดยืนครั้งนี้ หนึ่งในนั้นคือรายการ “แฉ” ซึ่งเธอได้เผยในรายการถึงวันที่เลือกจะออกมาแสดงจุดยืนทางการเมืองว่า “จริงๆ สนใจเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว ได้ยินข่าวมาเรื่อยๆ แต่เราเลือกที่จะไม่พูด แต่จุดที่ทำให้มันเปลี่ยนขึ้นมาจริงๆ ก็คือวันที่มีการสลายการชุมนุมที่หน้าพารากอน เพราะรู้สึกว่าเด็กไม่ผิดอะไรที่จะออกมาเรียกร้อง เราก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่เขาออกมาเรียกร้องอย่างสันติจริงๆ เลยทำให้รู้สึกว่าถ้าเราจะอยู่เฉยๆ แล้วรอดูความสำเร็จของน้องๆ เราจะรู้สึกอายที่เราอยู่เฉยๆ เราออกมาพูดดีกว่า ไม่สนใจแล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น วันนั้นตัดสินใจแล้วว่าจะออกมาเป็นแม่ค้า ไม่เป็นแล้วดารา เพราะคิดว่าไม่มีคนจ้างแน่นอน”
พร้อมกับเผยว่า วันที่บอกคุณแม่ว่าตนจะต้องออกมาพูด คุณแม่ก็รู้สึกเป็นห่วง และถามว่ายอมรับผลที่จะตามมาได้ไหม ซึ่งเธอก็ยืนยันว่าถ้าไม่มีงานในวงการบันเทิงก็จะออกไปเป็นแม่ค้าขายของ พร้อมทิ้งทวนประโยคเด็ดถึงนายกรัฐมนตรีไว้ว่า “ลุงตู่คะ ด้วยความเคารพ (ยกมือไหว้) ลุงตู่เป็นทหารดีแล้วค่ะ อย่าเป็นนายกฯ” เรียกได้ว่าถูกอกถูกใจชาวสามนิ้วไม่น้อย
และโลกโซเชียลก็เดือดอีกครั้งเมื่อสาวโฟกัสไปเชียร์แฟนหนุ่ม เจมส์-กิจเกษม แมคแฟดเดน ที่ต้องขึ้นชกกับเพื่อนสนิทของดาราสาวอย่าง แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ ในรายการ “10 Fight 10 Season 2” แต่กลับเกิดเหตุดรามาขึ้นเมื่อชาวเน็ตเห็นว่าพิธีกรและรายการไม่ให้ความสำคัญกับสาวโฟกัสเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เป็นแฟนและเพื่อนของคู่ชก แถมก่อนหน้านี้ยังมีการโปรโมตว่าเป็นศึกชิงน้อยหน่า และในช่วงท้ายรายการ สาวโฟกัสได้ขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับหิ้วถุงน้อยหน่าสองถุง โดยเป็นถุงสีแดงหนึ่งถุง และถุงสีเหลืองหนึ่งถุง อีกทั้งยังได้ผูก “โบสีขาว” ไว้ที่ข้อมือและผมของตนเอง ซึ่งหลายคนลงความเห็นว่าเหมือนเป็นการแสดงสัญลักษณ์ทางการเมือง ซึ่งชาวทวิตเตอร์ยังมีการแซวกันว่าเป็น “โฟกัสที่ไม่ถูกโฟกัส” เรื่องดังกล่าวจบลงที่พิธีกรหนุ่ม กันต์ กันตถาวร โดนทัวร์ลงยับ จนภรรยาสาวอย่าง พลอย อัยดา ออกมาโพสต์แก้ต่างให้สามีว่า พิธีกรหนุ่มไม่ได้มีเจตนาในทางคิดร้ายใดๆ กับใคร เพราะทุกคนคือน้องที่รักและรู้จักกันทั้งสิ้น ซึ่งหลังจบรายการ กันต์ก็พูดคุยกับน้องๆ ปกติ พร้อมให้กำลังใจสามี ซึ่งทางด้านสาวโฟกัสก็ได้โพสต์ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งเข้ามาถามไถ่ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว และย้ำว่าเธอโอเค สบายมาก
และล่าสุด เนื่องด้วยชื่อของโฟกัส จีระกุล กำลังมาแรงในเรื่องการมีบทบาทการเรียกร้องทางการเมือง บวกกับเป็นคนที่ชอบเล่นเกม ซึ่งเธอก็เป็นเกมเมอร์อีกคนหนึ่ง จึงได้ถูกแต่งตั้งเป็นอนุกรรมาธิการศึกษาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกม และอีสปอร์ต แต่ก็มีเสียงวิจารณ์มากมายว่าอาจจะไม่เหมาะสม เนื่องด้วยอายุและประสบการณ์ยังน้อย
ถ้าพูดถึงนักแสดงวัยรุ่นที่ออกมา Call Out และไปร่วมม็อบคณะราษฎรตั้งแต่ช่วงแรกๆ เลยนั้น ชื่อของ นักร้องนำวง mints และนักแสดง สังกัดจีดีเอช ห้าห้าเก้า อย่าง อัด-อวัช รัตนปิณฑะ ต้องติดโผแน่นอน เพราะเจ้าตัวทั้งโพสต์อินสตาแกรมและทวิตเตอร์อยู่ตลอด
โดยคลิปที่เป็นที่พูดถึงในโลกทวิตเตอร์ของหนุ่มอัด และมียอดวิวเกือบแสนวิวคงหนีไม่พ้นคลิปวิดีโอที่เจ้าตัวกำลังร้องเพลง แต่กลับดูดเสียงในคลิปออก เพื่อแสดงสัญญะถึงเสียงของประชาชนที่กําลังถูกปิด พร้อมกับเขียนข้อเรียกร้อง 3 ข้อว่า
“เสียงดนตรีของพวกเราถูกปิด เช่นเดียวกับหลายๆ เสียงของประชาชนที่กําลังถูกปิด #unmutepeople พวกเราขอสนับสนุนให้ประชาชนมีอิสระในการส่งเสียง ไม่ว่าความคิดเห็นของแต่ละเสียงจะเป็นเช่นไร ด้วยข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ดังต่อไปนี้
1.ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพในการพูดและแสดงออกทางความคิดอย่างเท่าเทียม โดยไม่ถูกแทรกแซง คุกคามจากอํานาจรัฐ ตามหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
2.ประชาชนทุกคนที่ถูกควบคุมตัวจากการแสดงออกทางความคิดด้วยเจตจํานงเสรี จะต้องได้รับการปลดปล่อยจากการจับกุม
3.รัฐต้องคืนอิสรภาพในการแสดงออกให้แก่สื่อมวลชนทุกแขนง ไม่ใช้อํานาจในการตั้งข้อจํากัด หรือปิดกั้นการนําเสนอข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชน ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร”
หลังจากเจ้าตัวโพสต์ข้อเรียกร้องดังกล่าวก็มีแฟนๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มแฟนคลับวัยรุ่น และต่อมาเจ้าตัวก็ยังมีการโพสต์ถึงประเด็นข้อเรียกร้องต่างๆ ของม็อบคณะราษฎรอยู่เรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและผู้ที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งศิลปินหนุ่มก็ได้ตอกกลับไปถึงผู้ใหญ่บางคนว่า
“เห็นผู้ใหญ่บางคนบอกให้เด็กๆ ระวังการกระทำวันนี้ อาจทำให้เสียใจวันหน้า แล้วอยากบอกว่า ถ้าไม่ทำวันนี้แล้วจะให้ทำวันไหนครับ? ในวันที่สังคมมีแต่ความอยุติธรรม เอื้ออำนาจให้คนแค่บางกลุ่ม ประชาชนถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพ คนเห็นต่างถูกจับ เราไม่อยากอยู่ในสังคมแบบนี้ เราเลยต้องออกมาไงครับ”
อีกทั้งต่อมาในวันที่มีการสลายการชุมนุมเมื่อ 17 พฤศจิกายน ด้วยแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ ทำให้ประชาชนในม็อบหลายคนมีอาการแสบตา หนุ่มอัดก็ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ชุมนุมพร้อมทั้งนำน้ำเกลือไปให้ และเจ้าตัวยังโพสต์ถามเผื่อมีประชาชนขาดเหลืออะไร ตนก็ยินดีช่วย พร้อมกับขนน้ำเกลือไปร่วมสมทบ
“ตอนนี้แนวหน้ายังขาดของอะไรบ้างครับ? …กำลังขนน้ำเกลือ 15 ขวดไปให้ครับ #ม็อบ17พฤศจิกา...พี่ๆ ทีมแพทย์อาสาบอกว่าคนส่งของมาให้เยอะมาก ตอนนี้กำลังทยอยเก็บของกันเตรียมสำหรับครั้งต่อๆ ไป (ถ้าพวกเขายังทำร้ายประชาชน) ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ช่วยกันส่งมานะครับ ใครอยาก support ทีมแพทย์อาสาก็ติดตามได้ทาง @VolunteerMedTH ครับ lll”
และศิลปินหนุ่มก็เป็นที่พูดถึงอีกครั้งในโลกโซเชียล เมื่อเจ้าตัวแชร์คลิปช่วงหนึ่งของรายการ “ถามตรงๆ กับจอมขวัญ” ซึ่งประเด็นการถกกันในรายการคือเรื่องของทรงผมเด็กนักเรียน และคลิปดังกล่าวที่ถูกแชร์คือตอนที่ ดร.วีระ แข็งกสิการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้พูดว่า “สมมุติถ้าน้องไว้ผมยาวสักศอกหนึ่ง คนที่เดือดร้อนคือพ่อแม่ ต้องซื้อยาสระผมมาสระให้นักเรียน เวลาในห้องเรียนผมเราที่ยาวเป็นศอกก็บังเพื่อนข้างหลัง นี่คือความรู้สึกของคนอื่น" ซึ่งเป็นคลิปที่เป็นกระแสและถูกแชร์ว่อนโซเชียล ด้านหนุ่มอัดก็ได้แชร์คลิปดังกล่าวพร้อมถามว่า “ทำไมคนที่มีความคิดแบบนี้ถึงได้มาทำหน้าที่และดำรงตำแหน่งนี้ได้.. สงสัยมากๆ ว่าเกณฑ์ในการตั้งคนมาดูแลหน่วยงานต่างๆ นี่มันใช้อะไรมาตัดสิน แต่มันชัดมากๆ ว่าสิ่งนี้คือปัญหาที่กำลังฉุดรั้งการพัฒนาในหลายๆ มิติ”
เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่ได้ออกมาแสดงจุดยืนในการแสดงออกทางความคิดเห็นและร่วมเรียกร้องในเรื่องของสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย สำหรับ มารีญา พูลเลิศลาภ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 โดยเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา กลุ่มเยาวชนปลดแอกได้นัดรวมตัวชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ครั้งนั้นมารีญาก็ได้เดินทางไปร่วมเช่นกัน จนถูกกล่าวถึงบนเวทีปราศรัยโดยแกนนำคณะประชาชนปลดแอก ว่าเธอคือนางงามคนเดียวที่เหมาะสมกับตำแหน่ง
แถมในช่วงดึกของวันที่ 19 กันยายน 2563 มารีญาก็ได้สวมเสื้อยืดสีดำไปปรากฏตัวในม็อบเพื่อร่วมชุมชนเคียงข้างเหล่านักศึกษาและมวลชนอีกครั้งหลังให้คำมั่น ซึ่งในครั้งนี้มารีญาก็ได้รับการชื่นชมอีกครั้ง เพราะเธอได้พูดไว้แล้วรักษาคำพูด แต่ที่ถูกจับตามองมากกว่าการมาม็อบของมารีญา คงเป็นเรื่องที่เจ้าตัว และหนุ่มสิงห์-วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล นักเขียนชื่อดัง ต่างโพสต์ภาพคู่กันระหว่างไปร่วมแสดงจุดยืนในการชุมนุมทางการเมืองในครั้งนี้
โดยมารีญาโพสต์ภาพลงอินสตาแกรมและเขียนข้อความว่า “ความเตี้ยคงจะดีนะ” #19กันยาทวงอํานาจคืนราษฎร” ด้านสิงห์ วรรณสิงห์ ก็โพสต์ภาพและเขียนข้อความลงในอินสตาแกรมว่า “ไปม็อบเจอสาว #19กันยาทวงอํานาจคืนราษฎร” พร้อมทั้งแท็กไปที่อินสตาแกรมมารีญาด้วย งานนี้เลยถูกจับตามองว่าทั้งคู่คนหากันในฐานะเพื่อนหรือแฟน ก่อนที่มารีญาและสิงห์ วรรณสิงห์ ได้พร้อมใจกันโพสต์รูปคู่และคำบรรยายภาพที่แสนหวาน โดยมารีญาใช้คำว่า "แฟนหวง" ถือเป็นการประกาศสถานะความสัมพันธ์ที่ชัดเจนที่สุดแล้ว และในเรื่องของการเรียกร้องในเรื่องของสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย มารีญาก็ยังชัดเจนอยู่เสมอเช่นกัน
ด้าน มาตัง-ระดับดาว ศรีระวงศ์ ผู้ที่เคยสร้างความฮือฮาเมื่อสามารถคว้าแชมป์ในรายการ เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 11 เพราะตอนนั้นมีอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น และถือเป็นผู้เข้าประกวดหญิงคนที่ 2 ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศต่อจากแก้ม-วิชญาณี เปียกลิ่น แต่ดูเหมือนว่าหลังจากพ้นตำแหน่ง เรื่องการทำงานในวงการบันเทิง สาวมาตังกลับดูเงียบเหงากว่าแชมป์เดอะสตาร์ในรุ่นอื่นๆ อยู่มากโข
แต่ล่าสุดกลับมาสร้างความฮือฮาและถูกพูดถึงในวงกว้างอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวได้ออกมาสนับสนุนกลุ่มคณะราษฎรที่ได้ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยได้เคลื่อนไหวลงถนน และไปปิดล้อมอยู่บริเวณทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมในช่วงเช้าวันที่ 15 ตุลาคม 2563 งานนี้ทำเอา มาตัง ระดับดาว ถึงกับออกมาเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ โดยใช้ทวิตเตอร์ส่วนตัวโพสต์ข้อความ แสดงจุดยืนชัดเจน ขอเป็นอีกคนหนึ่งร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย แบบไม่สนใจว่าใครจะเลิกติดตามหรือเลิกฟังเพลง
โดยข้อความที่มาตังได้โพสต์มีทั้ง “วันนี้ขอมาเรียกร้องประชาธิปไตยด้วยตัวเองค่ะ" และ “อยากจะบอกตรงนี้ว่าใครจะเลิกติดตาม เลิกฟังเพลง ไม่เป็นไรค่ะ เป็นสิทธิของทุกคนที่จะทำ และอยากขอบคุณที่ก่อนหน้านี้ติดตามกันมาตลอด อุดมการณ์เราต่างกันไม่เป็นอะไรค่ะ แต่เราเชื่อ เราทำถูกต้องแล้วค่ะ” อีกทั้งยังโพสต์ข้อความแสดงความรู้สึกที่มีต่อการสลายการชุมนุมว่า "เห็นภาพการสลายชุมนุมแล้วมันขึ้นค่ะ มันเกินไป ประชาชนมาตัวเปล่า แต่ทั้งตัวพวกคุณเต็มไปด้วยอาวุธ" และ "ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในชุมนุม มันไม่ได้เกิดจากพวกเราค่ะ มันเกิดจากพวกคุณล้วนๆ ที่บ้าอำนาจ ทำไมคะ ขึ้นหลังเสือแล้วมันลงยากใช่มั้ย" นอกจากนี้เจ้าตัวยังได้โพสต์ไอจีสตอรีในอินสตาแกรมส่วนตัวเป็นระยะๆ ในขณะที่กำลังร่วมชุมนุมพร้อมเพื่อนๆ ร่วมอุดมการณ์อีกด้วย
ด้านของนักแสดงหนุ่มขวัญใจสาววายทั้งไทยและต่างประเทศอย่าง ตุลย์-ภากร ธนศรีวนิชชัย หนึ่งในคู่จิ้นชื่อดัง "แม็กซ์-ตุลย์" จากซีรีส์ "พฤติการณ์ที่ตาย Manner of Death" ก็มีแอคชั่นอยู่เนืองๆ ไม่แพ้กัน โดยเจ้าตัวโพสต์อยากเห็นประเทศเจริญ ผู้นำที่มีประสิทธิภาพ ไม่มีใครชังชาติ มีแต่อยากเห็นชาติดีขึ้น
"สุดท้ายไม่ได้อยากได้อะไรไปมากกว่าอยากเห็นประเทศเจริญ เห็นภาษีที่ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นการศึกษาที่เท่าเทียมและทั่วถึง เห็นระบบขนส่งสาธารณะที่ส่งเสริมการใช้ชีวิต เห็นระบบที่ไม่เอื้อให้นักการเมืองโกงกิน เห็นกฎหมายที่แข็งแรง เท่าเทียมและไม่คุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน
เห็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ เห็นรัฐบาลที่มาจากเสียงเลือกตั้ง เห็นทหารและตำรวจที่ทำงานเพื่อความถูกต้องและมีประชาชนเป็นหัวใจ เห็นตุลาการที่ไม่เอนเอียง+สถาบันที่ปรับเปลี่ยนเพื่ออยู่ร่วมกับ ปชช. ไม่มีใครชังชาติ มีแต่อยากเห็นชาติดีขึ้น ตัวอย่างที่ทำได้มีเยอะแยะ เมื่อไหร่จะถึงวันของเรา"
ด้านพระเอกหนุ่มขวัญใจวัยรุ่นสาววายอีกคนที่เคยมีผลงานสร้างชื่อ คือซีรีส์ “Dark Blue Kiss จูบสุดท้ายเพื่อนายคนเดียว” อย่าง เต-ตะวัน วิหครัตน์ จากค่าย จีเอ็มเอ็ม ทีวี ที่มีการรีทวิตเตอร์และกดถูกใจข้อความทางการเมืองอยู่เนืองๆ เพียงแต่ยังไม่ออกมาเต็มตัว แต่ก็มีการเอ่ยถึงอยู่บ้างในทวิตเตอร์ ซึ่งเจ้าตัวได้เคยโพสต์ถามคนที่สนับสนุนความรุนแรงในช่วงที่มีการสลายการชุมนุมว่า “ตั้งโปรไฟล์ว่ารักศาสนา แต่สนับสนุนให้คนทำร้ายกัน ศาสดาคือใครอะ พระเทวทัตหรอ”
ซึ่งหลังจากที่หนุ่มเตโพสต์ทวิตเตอร์ไม่นานก็มีแฟนๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย รวมไปถึงนักแสดงสาวรุ่นพี่ ทราย-อินทิรา เจริญปุระ ที่ได้รีทวีตข้อความดังกล่าวพร้อมชมว่า “Da Best”
ทั้งเจ้าตัวยังเคยโพสต์แสดงความคิดเห็นถึงอาชีพที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศอย่างอาชีพครูและนักวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย ว่ามีค่าตอบแทนน้อย ไม่สอดคล้องกับสมองที่ต้องใช้
“อยากให้มีค่านิยมที่เด็กโตมาอยากเป็นครู เป็นนักวิทยาศาสตร์บ้าง เป็นอีกสองสิ่งที่จะทำให้ประเทศพัฒนาอีกมาก แต่น่าเสียดายที่ผลตอบแทนมันไม่สอดคล้องกับสมองที่ต้องใช้ สงสารคนไทยเก่งๆ จัง”
ในช่วงที่เหล่าดารานักแสดงออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยโดนยกเลิกงานกันเป็นแถว ด้านนักแสดงสาว ใบเฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย ก็เป็นอีกคนที่เป็นกระบอกเสียงและมีแอคชั่นด้านการเมืองอยู่เสมอ ก็ได้โพสต์ตัดพ้อผ่านทวิตเตอร์และให้กำลังใจคนดังที่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แต่กลับถูกยกเลิกงานจ้างว่า “มานั่งนึกๆ ประเทศนี้แปลกจริงๆ นะที่ให้โอกาส ให้งาน ให้สปอตไลต์กับคนแปลกๆ เช่น ผู้ต้องสงสัย ก็คือดังและรวยไปเลย ส่วนคนที่มีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างเปิดเผย (ซึ่งก็ตามหลักประชาธิปไตยเลยด้วยนะ) กลับโดนแคนเซิลงานกันโบ้มๆ งง ป.ล.เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่โดนแคนเซิลช่วงนี้ด้วยนะคะ”
อีกทั้งดาราสาวยังเป็นกระบอกเสียงเรื่องสิ่งแวดล้อม และเป็นไปทำจิตอาสาอยู่บ่อยๆ โดยสาวใบเฟิร์นเคยได้โพสต์ถึงเรื่องการบริจาคชุดนักเรียนให้น้องๆ ชาวเขาว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น เพราะเด็กๆ ต้องการอย่างอื่นมากกว่า ในช่วงที่มีการเรียกร้องขอให้ยกเลิกการบังคับเด็กนักเรียนให้ใส่ชุดนักเรียน และมีนักแสดงหนุ่ม อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม โพสต์ขอรับบริจาคชุดนักเรียนของผู้ที่ไม่ใช้แล้วเพื่อนำไปให้เด็กๆ บนดอย และโดนหลายเสียงไม่เห็นด้วย เช่น บ.ก.ลายจุด หรือสมบัติ บุญงามอนงค์ ที่ได้แชร์ข่าวของหนุ่มอาร์ต พร้อมโพสต์อธิบายถึงปัญหาและอุปสรรคในการบริจาคชุดนักเรียนมือสอง เช่นเดียวกับสาวใบเฟิร์น
และล่าสุดนักแสดงสาวยังได้พูดถึงโครงการคนละครึ่ง ว่าหลายๆ อย่างที่ควรได้รับเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐาน แต่สำหรับบางประเทศกลายเป็นเรื่องที่ต้องพึ่งบุญคุณและโชคช่วย ซึ่งตนก็อยากลงทะเบียนใช้สิทธิ เพราะเงินดังกล่าวก็มาจากภาษีของประชาชน แต่รู้สึกว่ามีคนต้องการมันมากกว่าจึงยอมเสียสละให้คนที่ไม่มีมากกว่า เพราะรู้ว่าโครงการดังกล่าวไม่ได้ได้กันทุกคน
ด้านนักแสดงหนุ่มในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อย่าง ท็อปแท็ป-ณภัทร โชคจินดาชัย ก็เป็นอีกคนที่มักจะมีรีแอคและวลีเด็ดๆ กับเหตุการณ์ต่างๆ อยู่บ่อยๆ อย่างในตอนที่มีการรื้อถอน "หมุดคณะราษฎร 2563" ที่แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมฝังไว้ที่พื้นท้องสนามหลวงนั้น นักแสดงหนุ่มก็ได้โพสต์แซะว่า “ถอนหมุด #คณะราษฎร2563 อย่างไว รบกวนช่วยทำถนนที่ยังไม่เสร็จให้เสร็จ ทำทางเท้าที่ดี และคำนึงถึงผู้ทุพพลภาพด้วยนะค้าบ”
อีกทั้งเจ้าตัวยังเคยพูดถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส หลังจากที่ในโลกทวิตเตอร์มีการแชร์ข่าวของสื่อต่างชาติอย่าง The Sydney Morning Herald และ The Age ที่พูดถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งข่าวดังกล่าวคว้ารางวัลข่าวยอดเยี่ยมประเภทรายงานข่าวคดีความในศาลที่ออสเตรเลีย โดยหนุ่มท็อปแท็ปได้รีทวีตข่าวของ BBC NEWS หัวข้อ "สื่อออสเตรเลียเปิดคำพิพากษา ชี้ "ธรรมนัส" รับสารภาพค้ายา-ต้องโทษจำคุก 4 ปีจริง" พร้อมเขียนบรรยายถึงข่าวดังกล่าวว่า "แล้วมีหน้ามาบอกว่า “มันคือแป้ง” หมดความชอบธรรมที่จะนั่งอยู่ในสภาแล้วมั้งครับ"
และล่าสุดนักแสดงหนุ่มยังมีการโพสต์ให้กำลังใจ ทราย-อินทิรา เจริญปุระ หลังดาราสาวโดนหมายเรียกจาก สน.บางเขน พร้อมลั่นอีกฝ่ายเป็นถึงพันตำรวจโท แทนที่จะรับใช้ประชาชน กลับใช้อำนาจในทางมิชอบรังแกข่มเหงประชาชน พร้อมใส่แฮชแท็ก #saveinthira #ยกเลิก112 อีกด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |