แม้ว่าก่อนหน้านี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของไทยจะสามารถควบคุมได้เป็นอย่างดี แต่วงการแพทย์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าระลอกใหม่อาจจะเกิดขึ้น และแล้วก็เป็นความจริงที่ ณ ขณะนี้มีการแพร่ระบาดใหม่จากแรงงานต่างด้าวและคนไทยที่หนีลักลอบเข้าประเทศจนส่งผลให้การระบาดของโควิด-19 กลับมาอีกครั้ง โดยการระบาดของโรคเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันที่พบหญิงไทยวัย 67 ปี อาชีพค้าขายที่ตลาดกลางกุ้งใน ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร ติดเชื้อโดยไม่มีประวัติการเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งหมายความว่าผู้ติดเชื้อรายนี้ไม่ได้เป็นต้นเชื้อ ทางกรมควบคุมโรคจึงได้พยายามค้นหาต้นเชื้อหรือสาเหตุการติดเชื้อของหญิงรายนี้ ซึ่งคาดว่าเป็นการติดเชื้อจากแรงงานชาวเมียนมาในตลาดกลางกุ้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานเมียนมาอยู่อย่างหนาแน่น
ซึ่งการที่คนเมียนมาจะเข้ามาทำงานในไทยได้จะต้องประสานกับผู้ประกอบการในไทยในการรับตัวเข้ามาทำงาน บางเจ้ารับแรงงานต่าวด้าวเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย แต่อีกกลุ่มหนึ่งพยายามลักลอบนำแรงงานเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย เพื่อให้ธุรกิจตัวเองเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร้จิตสำนึกต่อสังคมส่วนรวม จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการนำเชื้อเข้ามาใน จ.สมุทรสาคร
นอกจากนี้ จ.สมุทรสาคร ที่เป็นเมืองท่าอันดับต้นๆ ของไทย และตลาดสดขายกุ้งซึ่งเป็นแหล่งแพร่กระจายขยายจำนวนของเชื้อได้เป็นอย่างดี จึงเป็นบทเรียนสำคัญที่สอนเรื่องการค้าขายในตลาด โดยเฉพาะตลาดสด ในเรื่องสุขอนามัยที่ผู้ซื้อมักใช้มือเปล่าไปจับของสดเพื่อเลือกอาหารทะเล จึงทำให้เชื้อกระจายไปหลายจังหวัดอย่างรวดเร็ว โดยเพียงสามวันหลังจากมีการพบผู้ติดเชื้อใน จ.สมุทรสาคร จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในจังหวัดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นเกือบ 700 ราย ส่วนมากเป็นแรงงานชาวเมียนมาที่ทำงานในอุตสาหกรรมประมง นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อจากสมุทรสาครกระจายอยู่ในหลายจังหวัดแล้ว
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดในครั้งนี้ไทยได้คัดลอกบทเรียนจากจีนและสิงคโปร์ ในการระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะบทเรียนจากจีน ตั้งแต่อู่ฮั่น ปักกิ่ง ต้าเหลียน ชิงเต่า ซึ่งตลาดเป็นสถานที่แพร่กระจายของโรค เริ่มตั้งแต่ตลาดหัวหนานในเมืองอู่ฮั่น ที่เป็นตลาดสด เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ในประเทศจีน และส่งต่อไปเรื่อยๆ จึงเข้าไปขยายในตลาด และทำให้ระบาดทั้งเมืองอู่ฮั่น
เมื่อจีนได้รับบทเรียนทันทีที่เกิดการระบาดที่ตลาดขนาดใหญ่ซินฟาตี้ในกรุงปักกิ่ง ที่มีการตรวจพบเชื้อไวรัสที่เขียงปลาแซลมอน ทางเจ้าหน้าที่ก็ระดมปิดล้อมด้วยการตรวจหาเชื้อหลายล้านคน และสามารถควบคุมโรคในที่สุด ต่อมาก็เกิดมีการระบาดที่ต้าเหลียน ตรวจพบไวรัสที่กุ้งแช่แข็งที่ส่งมาจากประเทศเอกวาดอร์ รวมถึงการระบาดที่เมืองชิงเต่า ที่เป็นเมืองท่าขนส่งสินค้าก็เกิดคล้ายๆ กัน โดยที่ไวรัสจะโจมตีที่ตลาดสดหรือเมืองท่า
ส่วนบทเรียนจากสิงคโปร์เกิดกับแรงงานต่างด้าวที่อยู่รวมกันหนาแน่นและยากจะควบคุมระยะห่าง เมื่อมีการนำเชื้อเข้ามา เชื้อจึงได้แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่แปลกที่จะมีผู้ป่วยเป็นหลักร้อย และถ้าตรวจมากก็จะเป็นหลักพัน มาตรการในการควบคุมโรค รูปแบบของสิงคโปร์จะต้องรีบเอาเข้ามาจัดการ โดยเฉพาะจำนวนผู้ป่วยของสิงคโปร์จะอยู่ในแรงงานต่างด้าวเหมือนกับไทยใน ณ ขณะนี้ เมื่อไวรัสได้ระบาดไปในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ทางการสิงคโปร์ก็ประสบกับความยากลำบากทั้งในการตามตัวและกักบริเวณผู้ติดเชื้อ ส่งผลทำให้ผู้ติดเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างชาตินั้นพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยจากการตรวจทั่วประเทศสิงคโปร์ พบว่าในจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด กว่า 93% ของจำนวนดังกล่าวนั้นอยู่ในชุมชนแรงงานข้ามชาติ โดยรัฐบาลสิงคโปร์ได้มีความพยายามจะตอบสนองต่อจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงนับพันรายในหอพักแรงงานข้ามชาติต่างๆ ด้วยการออกมาตรการกำหนดเขตกักกันโรคในพื้นที่หอพักเหล่านี้ ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และจนถึงบัดนี้ก็มีแค่แรงงานที่แข็งแรงเท่านั้นที่ถูกพาไปทำงานที่ไซต์งาน และได้รับอนุญาตให้ออกมาซื้อของในร้านค้าที่ถูกกำหนดไว้ใกล้กับหอพักที่อยู่อาศัยได้เป็นบางครั้ง รวมถึงมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม โดยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางการสิงคโปร์ได้ยืนยันว่าการระบาดในหอพักแรงงานต่างชาตินั้นอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว ซึ่งจะนำไปสู่การผ่อนปรนมาตรการจำกัดสิทธิแรงงานต่างชาติตามลำดับในอนาคตต่อไป
ในส่วนของไทยมีความพยายามที่จะนำโมเดลของประเทศสิงคโปร์ ที่แก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวมาปรับใช้กับไทย โดยจะขีดวงผู้ติดเชื้อเป็นไข่แดงในพื้นที่ตลาดกลางกุ้งและหอพักของแรงงาน และจัดตั้งโรงพยาบาลสนามใกล้กับตลาดกลางกุ้ง จำนวน 100 เตียง สำหรับผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ มีผู้ป่วยรายใดมีอาการหนักจะนำตัวมาดูแลรักษาในโรงพยาบาลสนาม เพื่อไม่ให้แรงงานออกนอกพื้นที่ มีเพียงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่แต่งชุดป้องกันที่จะเข้าไปภายในได้เท่านั้น
แต่มีปัญหาอยู่ เนื่องจากชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนรอบมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสมุทรสาคร กว่า 100 คน คัดค้านการทำพื้นที่ให้เป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากชุมชนที่อยู่โดยรอบมีประชากรไม่ต่ำกว่า 10,000 คน ไม่รวมแรงงานข้ามชาติ อีกทั้งมีสถานศึกษาและสถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมทั้งไม่มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมดูแลได้ ทำให้การดูแลป้องกันโรคเป็นไปด้วยความยากลำบากจากความไม่ร่วมมือของชาวบ้านในพื้นที่
ดังนั้นสิ่งสำคัญคือประชาชนต้องร่วมมือกับรัฐบาลในการกำจัดเชื้อโรคเหล่านี้ออกจากประเทศไทย เพราะต่อให้รัฐบาลซึ่งมีอำนาจสูงสุดคอยจัดการ แต่ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน งานหนักจะตกอยู่ที่บุคลากรทางการแพทย์ที่พยายามทำงานอย่างหนักมากขึ้นเหมือนครั้งการระบาดในรอบแรก สิ่งที่ประชาชนต้องทำคือการไม่ไปสถานที่ที่เสี่ยงกับการติดเชื้อ หรือถ้าไปควรป้องกันตัวเองอย่างดีที่สุด เพราะนับวันจำนวนผู้ติดเชื้อในไทยก็มีมากขึ้น แม้ว่าเชื้อโควิด-19 ที่ระบาดไทยในครั้งนี้จะเป็นสายพันธุ์ GH ซึ่งเป็นเชื้อที่มีความรุนแรงน้อยกว่าครั้งที่ผ่านมา แต่ก็มีการกระจายของโรคได้เร็วเป็นอย่างมาก ครั้งนี้การหยุดการกระจายของเชื้อจะยากลำบากมากขึ้น แต่ถ้าคนไทยช่วยกัน เชื่อว่าจะสามารถหยุดการระบาดครั้งนี้ได้. ซึ่งเป็นวันที่พบหญิงไทยวัย 67 ปี อาชีพค้าขายที่ตลาดกลางกุ้งใน ต.มหาชัย อ.เมืองสมุทรสาคร ติดเชื้อโดยไม่มีประวัติการเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งหมายความว่าผู้ติดเชื้อรายนี้ไม่ได้เป็นต้นเชื้อ ทางกรมควบคุมโรคจึงได้พยายามค้นหาต้นเชื้อหรือสาเหตุการติดเชื้อของหญิงรายนี้ ซึ่งคาดว่าเป็นการติดเชื้อจากแรงงานชาวเมียนมาในตลาดกลางกุ้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานเมียนมาอยู่อย่างหนาแน่น
ซึ่งการที่คนเมียนมาจะเข้ามาทำงานในไทยได้จะต้องประสานกับผู้ประกอบการในไทยในการรับตัวเข้ามาทำงาน บางเจ้ารับแรงงานต่าวด้าวเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย แต่อีกกลุ่มหนึ่งพยายามลักลอบนำแรงงานเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย เพื่อให้ธุรกิจตัวเองเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร้จิตสำนึกต่อสังคมส่วนรวม จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการนำเชื้อเข้ามาใน จ.สมุทรสาคร
นอกจากนี้ จ.สมุทรสาคร ที่เป็นเมืองท่าอันดับต้นๆ ของไทย และตลาดสดขายกุ้งซึ่งเป็นแหล่งแพร่กระจายขยายจำนวนของเชื้อได้เป็นอย่างดี จึงเป็นบทเรียนสำคัญที่สอนเรื่องการค้าขายในตลาด โดยเฉพาะตลาดสด ในเรื่องสุขอนามัยที่ผู้ซื้อมักใช้มือเปล่าไปจับของสดเพื่อเลือกอาหารทะเล จึงทำให้เชื้อกระจายไปหลายจังหวัดอย่างรวดเร็ว โดยเพียงสามวันหลังจากมีการพบผู้ติดเชื้อใน จ.สมุทรสาคร จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในจังหวัดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นเกือบ 700 ราย ส่วนมากเป็นแรงงานชาวเมียนมาที่ทำงานในอุตสาหกรรมประมง นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อจากสมุทรสาครกระจายอยู่ในหลายจังหวัดแล้ว
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดในครั้งนี้ไทยได้คัดลอกบทเรียนจากจีนและสิงคโปร์ ในการระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะบทเรียนจากจีน ตั้งแต่อู่ฮั่น ปักกิ่ง ต้าเหลียน ชิงเต่า ซึ่งตลาดเป็นสถานที่แพร่กระจายของโรค เริ่มตั้งแต่ตลาดหัวหนานในเมืองอู่ฮั่น ที่เป็นตลาดสด เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ในประเทศจีน และส่งต่อไปเรื่อยๆ จึงเข้าไปขยายในตลาด และทำให้ระบาดทั้งเมืองอู่ฮั่น
เมื่อจีนได้รับบทเรียนทันทีที่เกิดการระบาดที่ตลาดขนาดใหญ่ซินฟาตี้ในกรุงปักกิ่ง ที่มีการตรวจพบเชื้อไวรัสที่เขียงปลาแซลมอน ทางเจ้าหน้าที่ก็ระดมปิดล้อมด้วยการตรวจหาเชื้อหลายล้านคน และสามารถควบคุมโรคในที่สุด ต่อมาก็เกิดมีการระบาดที่ต้าเหลียน ตรวจพบไวรัสที่กุ้งแช่แข็งที่ส่งมาจากประเทศเอกวาดอร์ รวมถึงการระบาดที่เมืองชิงเต่า ที่เป็นเมืองท่าขนส่งสินค้าก็เกิดคล้ายๆ กัน โดยที่ไวรัสจะโจมตีที่ตลาดสดหรือเมืองท่า
ส่วนบทเรียนจากสิงคโปร์เกิดกับแรงงานต่างด้าวที่อยู่รวมกันหนาแน่นและยากจะควบคุมระยะห่าง เมื่อมีการนำเชื้อเข้ามา เชื้อจึงได้แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่แปลกที่จะมีผู้ป่วยเป็นหลักร้อย และถ้าตรวจมากก็จะเป็นหลักพัน มาตรการในการควบคุมโรค รูปแบบของสิงคโปร์จะต้องรีบเอาเข้ามาจัดการ โดยเฉพาะจำนวนผู้ป่วยของสิงคโปร์จะอยู่ในแรงงานต่างด้าวเหมือนกับไทยใน ณ ขณะนี้ เมื่อไวรัสได้ระบาดไปในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ทางการสิงคโปร์ก็ประสบกับความยากลำบากทั้งในการตามตัวและกักบริเวณผู้ติดเชื้อ ส่งผลทำให้ผู้ติดเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างชาตินั้นพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยจากการตรวจทั่วประเทศสิงคโปร์ พบว่าในจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด กว่า 93% ของจำนวนดังกล่าวนั้นอยู่ในชุมชนแรงงานข้ามชาติ โดยรัฐบาลสิงคโปร์ได้มีความพยายามจะตอบสนองต่อจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงนับพันรายในหอพักแรงงานข้ามชาติต่างๆ ด้วยการออกมาตรการกำหนดเขตกักกันโรคในพื้นที่หอพักเหล่านี้ ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และจนถึงบัดนี้ก็มีแค่แรงงานที่แข็งแรงเท่านั้นที่ถูกพาไปทำงานที่ไซต์งาน และได้รับอนุญาตให้ออกมาซื้อของในร้านค้าที่ถูกกำหนดไว้ใกล้กับหอพักที่อยู่อาศัยได้เป็นบางครั้ง รวมถึงมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม โดยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางการสิงคโปร์ได้ยืนยันว่าการระบาดในหอพักแรงงานต่างชาตินั้นอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว ซึ่งจะนำไปสู่การผ่อนปรนมาตรการจำกัดสิทธิแรงงานต่างชาติตามลำดับในอนาคตต่อไป
ในส่วนของไทยมีความพยายามที่จะนำโมเดลของประเทศสิงคโปร์ ที่แก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวมาปรับใช้กับไทย โดยจะขีดวงผู้ติดเชื้อเป็นไข่แดงในพื้นที่ตลาดกลางกุ้งและหอพักของแรงงาน และจัดตั้งโรงพยาบาลสนามใกล้กับตลาดกลางกุ้ง จำนวน 100 เตียง สำหรับผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ มีผู้ป่วยรายใดมีอาการหนักจะนำตัวมาดูแลรักษาในโรงพยาบาลสนาม เพื่อไม่ให้แรงงานออกนอกพื้นที่ มีเพียงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่แต่งชุดป้องกันที่จะเข้าไปภายในได้เท่านั้น
แต่มีปัญหาอยู่ เนื่องจากชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนรอบมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสมุทรสาคร กว่า 100 คน คัดค้านการทำพื้นที่ให้เป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากชุมชนที่อยู่โดยรอบมีประชากรไม่ต่ำกว่า 10,000 คน ไม่รวมแรงงานข้ามชาติ อีกทั้งมีสถานศึกษาและสถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมทั้งไม่มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมดูแลได้ ทำให้การดูแลป้องกันโรคเป็นไปด้วยความยากลำบากจากความไม่ร่วมมือของชาวบ้านในพื้นที่
ดังนั้นสิ่งสำคัญคือประชาชนต้องร่วมมือกับรัฐบาลในการกำจัดเชื้อโรคเหล่านี้ออกจากประเทศไทย เพราะต่อให้รัฐบาลซึ่งมีอำนาจสูงสุดคอยจัดการ แต่ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน งานหนักจะตกอยู่ที่บุคลากรทางการแพทย์ที่พยายามทำงานอย่างหนักมากขึ้นเหมือนครั้งการระบาดในรอบแรก สิ่งที่ประชาชนต้องทำคือการไม่ไปสถานที่ที่เสี่ยงกับการติดเชื้อ หรือถ้าไปควรป้องกันตัวเองอย่างดีที่สุด เพราะนับวันจำนวนผู้ติดเชื้อในไทยก็มีมากขึ้น แม้ว่าเชื้อโควิด-19 ที่ระบาดไทยในครั้งนี้จะเป็นสายพันธุ์ GH ซึ่งเป็นเชื้อที่มีความรุนแรงน้อยกว่าครั้งที่ผ่านมา แต่ก็มีการกระจายของโรคได้เร็วเป็นอย่างมาก ครั้งนี้การหยุดการกระจายของเชื้อจะยากลำบากมากขึ้น แต่ถ้าคนไทยช่วยกัน เชื่อว่าจะสามารถหยุดการระบาดครั้งนี้ได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |