25 ธ.ค.63 - รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความรายงานสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกวันคริสตมาส 25 ธันวาคม 2563 มีรายละเอียดดังนี้
พรุ่งนี้จะเกิน 80 ล้าน...
ตอนนี้อิตาลีเป็นประเทศที่ 8 ของโลกที่เกิน 2 ล้านคน ในขณะที่ยูเครนก็เป็นประเทศที่ 17 ที่เกิน 1 ล้านคน
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 696,415 คน รวมแล้วตอนนี้ 79,617,135 คน ตายเพิ่มอีก 12,227 คน ยอดตายรวม 1,746,899 คน
อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 207,960 คน รวม 19,049,523 คน ตายเพิ่มอีกถึง 3,034 คน ยอดตายรวม 336,144 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 23,924 คน รวม 10,147,468 คน
บราซิล ติดเพิ่มถึง 58,428 คน รวม 7,423,945 คน
รัสเซีย ติดเพิ่ม 29,935 คน รวม 2,963,688 คน
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 21,634 คน รวม 2,527,509 คน
อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ติดกันหลักหมื่นต่อวัน
ที่ดูแล้วหนักหน่วงมากคือสหราชอาณาจักร และเยอรมัน การระบาดยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์ใหม่ของไวรัสในสหราชอาณาจักรที่มีแนวโน้มจะทำให้แพร่กระจายเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม ถือเป็นช่วงคริสตมาสและปีใหม่ที่น่าเห็นใจมาก
ฝั่งอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างอาร์เจนตินา โคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น
แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
อีกประเทศที่กำลังเผชิญกับการระบาดซ้ำคือ แอฟริกาใต้ ตอนนี้ยอดติดเชื้อสูงสุดต่อวันนั้นสูงกว่าระลอกแรกแล้ว ล่าสุดปาเข้าไป 14,305 คนในวันเดียว
เมียนมาร์ และเกาหลีใต้ ติดเพิ่มเฉียดพัน ส่วนจีน สิงคโปร์ ฮ่องกง เวียดนาม และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักสิบ
...สถานการณ์ในเมียนมาร์ เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 919 คน ตายเพิ่มอีก 25 คน ตอนนี้ยอดรวม 119,788 คน ตายไป 2,532 คน อัตราตายตอนนี้ 2.1%
หากเราติดตามสถานการณ์ระบาดกันอย่างใกล้ชิด จะเห็นข้อมูลชัดเจนว่าประเทศที่เกิดการระบาด"ซ้ำ" ระบาด"ระลอกสองสามสี่" ระบาด"ใหม่" หรือระบาด"อีกครั้ง"นั้น มีโอกาสสูงมากที่จะรุนแรงกว่าเดิม และนานกว่าเดิม โดยมีถึงเกือบ 90%
วงพนันคงไม่กล้ามีคนมารอง เพราะโอกาสพลิกมีน้อยจริงๆ
ไทยเรา...ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เรากำลังอยู่ในช่วงระบาดซ้ำแน่นอน
หนึ่งในสาเหตุหลักของการระบาดซ้ำ หากพิจารณาด้วยใจเป็นธรรมคือ เกิดจากคนไทยเราด้วยกันเอง
ตั้งแต่การลักลอบเข้าเมืองกลับมาอย่างผิดกฏหมาย ตามด้วยการมีขบวนการที่ลักลอบนำเอาคนต่างด้าวเข้ามาในประเทศ ดังที่เป็นข่าวให้รับทราบกันในช่วงที่ผ่านมา
การระบาดซ้ำ จะมียอดติดเชื้อสูงสุดต่อวันมากกว่าระลอกแรกราว 5 เท่า และใช้เวลาคุมยาวนานกว่าเดิม 2 เท่า โอกาสพลิกมีเพียงการทุ่มสรรพกำลังเพื่อต่อสู้ให้ลุล่วงภายใน 4 สัปดาห์แรกของการระบาดซ้ำ
เรามีเวลานับจากวันนี้ไปถึงกลางมกราคม 2564
หลักการต่อสู้ในการระบาดซ้ำสำหรับประเทศไทยคือ
1. ป้องกันตัวเองอย่างให้ติดเชื้อ
2. เร่งตรวจหาคนติดเชื้อที่แฝงอยู่ในชุมชนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อนำไปรักษาและป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อต่อ
3. ประคับประคองให้พอหายใจหายคอได้ยามวิกฤติ ไม่รนหาที่ ไม่หาความเสี่ยงเข้ามาเพิ่ม
ตรรกะในการใช้ชีวิตที่จำเป็นต้องทำให้พวกเราทุกคนเข้าใจให้ถูกต้องคือ
หนึ่ง วาทกรรม"ติดเชื้อมา มียา ยังไงก็ไม่ตาย" นั้นเป็นข้อความที่ไม่ถูกต้อง
ติดเชื้อมา มีโอกาสตายได้ แม้จะมียา ยาที่ได้รับการรับรองในการใช้รักษามีน้อยชนิดมาก และมีจำกัด
การติดเชื้อในยามระบาดซ้ำซึ่งจะมีคนติดเป็นจำนวนมากนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะทรัพยากรจะไม่เพียงพอ ไม่ใช่แค่ยา แต่เป็นเรื่องบุคลากรทางการแพทย์ที่จะดูแล รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือ ดังนั้นต้องไม่ประมาท เพราะคนพล่ามวาทกรรมมักไม่ติด แต่คนติดมักเป็นคนหลงเชื่อวาทกรรมและนำไปใช้ดำรงชีวิตบนความประมาทอย่าลืมว่าตอนนี้ทั่วโลกติดไปจะ 80 ล้านในวันพรุ่งนี้ และตายไปแล้วกว่า 1,600,000 คน ประเทศที่ตายเยอะ ใช่ว่าเค้าจะไม่มียา เค้าเป็นผู้ผลิตเองด้วยซ้ำ แล้วทำไมถึงตาย??? ลองคิดดู
สอง "ใส่หน้ากากเพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ" นั้นเป็นตรรกะที่ถูกต้องส่วนเดียว
ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่า ในยามระบาดซ้ำ ระบาดใหม่ ระบาดระลอกสองสามสี่ หรือระบาดอีกครั้งนั้น มันเกิดขึ้นไวมาก แพร่ไปวงกว้าง กว่าจะตรวจพบหรือรู้ว่าเกิดขึ้น ก็มักมีการติดเชื้อกันไปมากมาย ดังที่เราเห็นในเหตุการณ์ปัจจุบัน
ณ วันที่เราตรวจพบเหตุการณ์ จริงๆ แล้วคนที่ติดเชื้อเหล่านั้นได้รับเชื้อกันมาจากการดำรงชีวิตต่างวาระต่างโอกาสกันมานานพอสมควร เช่น ราว 2 สัปดาห์ และมีโอกาสแพร่กระจายไปต่างพื้นที่ จากการเดินทางในชีวิตประจำวัน
ดังนั้นการระบาดซ้ำนี้ จึงมีโอกาสสูงที่เราทุกคนจะได้รับเชื้อและแพร่เชื้อกันไปโดยไม่รู้ตัว เพราะคนติดเชื้อราว 20% จะไม่มีอาการ 65% จะมีอาการน้อยเหมือนไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเหล่านี้แหละที่สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้ในจำนวนมาก หากไม่ป้องกันตนเอง
ด้วยเหตุผลข้างต้น การที่เราควรใส่หน้ากากกัน 100% อย่างสม่ำเสมอนั้น จึงทำเพื่อทั้ง "ป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อจากผู้อื่น" และเพื่อ "ป้องกันไม่ให้ตัวเองไปแพร่เชื้อให้ผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว'
ที่เล่ามานี้ ต้องการจะบอกว่า ตัวผมเองก็เช่นกัน ย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ต้องใส่หน้ากาก เพราะเรามีโอกาสติดเชื้อจากการทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวัน จึงไม่อยากที่จะไปแพร่ให้สมาชิกในครอบครัว เพื่อนฝูงที่ทำงาน หรือคนอื่นในสังคม
เพราะส่วนตัวแล้วมองว่า หากไม่ใส่หน้ากาก ตัวเรานั้นก็ถือเป็นภัยคุกคามต่อสวัสดิภาพความปลอดภัยในชีวิตของคนอื่น
หากเราทุกคนช่วยกัน โอกาสทำให้ระบาดซ้ำครั้งนี้รุนแรงน้อยกว่าระลอกแรก เสียหายน้อยกว่าระลอกแรกก็มีทางสำเร็จครับ
#ใส่หน้ากากเสมอ
#ลดละเลี่ยงไปพื้นที่เสี่ยง...
#ฉลองคริสตมาสและปีใหม่ที่บ้าน...
#อยู่บ้านกันนะครับ
#เรามีเวลาสู้สุดใจถึงกลางมกราคม
ด้วยรักต่อทุกคน
สุขสันต์วันคริสตมาสครับ ภาวนาขอของขวัญเป็นความปลอดภัยปลอดการติดเชื้อของทุกคน
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |