หากเอ่ยชื่อ “เทพไท เสนพงศ์” ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ส่วนใหญ่รู้จัก นอกจากเป็น ส.ส.ติดต่อกันหลายสมัยแล้ว ฝีปากยังไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน เล่นเอารัฐบาลสมัยนั้นปวดหัว
หรือแม้กระทั่งบทบาทในสภาผู้แทนราษฎรก็อภิปรายเรื่องต่างๆ เป็นภาษาชาวบ้าน เข้าใจง่าย และที่สำคัญมีประเด็น
นอกจาก “เทพไท” จะเล่นการเมืองระดับชาติแล้ว ยังส่งพี่น้องประลองกำลังในสนามเลือกตั้งเล็กระดับท้องถิ่นด้วย ซึ่งในจังหวัดทราบดีว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับตระกูล “บุณยเกียรติ”
กระทั่งเมื่อปี 57 เกิดเรื่องขึ้นในช่วงระหว่างหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช ถือเป็นศึกสายเลือดของค่ายสีฟ้า ระหว่าง “พิชัย บุณยเกียรติ” น้องชายของนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ กับ “มาโนช เสนพงศ์” น้องชายของนายเทพไท เสนพงศ์
ในการแข่งขันครั้งนั้น “มาโนช” เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่ต่อมา “พิชัย” เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “มาโนช” ต่อศาลนครศรีธรรมราช ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 ในความผิดฐาน “เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงแก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครอื่น ในคดีอาญา ฐานร่วมกันกระทำความผิดทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.
ต่อมาวันที่ 28 ส.ค.63 ศาลนครศรีธรรมราชพิพากษาสั่งจำคุกสองพี่น้อง ทั้งเทพไทและมาโนช รายละ 2 ปี และตัดสิทธิเลือกตั้ง 10 ปีจากคดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ. โดยทั้งสองคนได้ขอประกันตัวต่อศาลอุทธรณ์
จากนั้นวันที่ 31 ส.ค.63 มีรายงานจากที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ ว่าคำพิพากษาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งดังกล่าว แม้ยังไม่เป็นที่สุดจะมีผลให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายเทพไทสิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (4) และมาตรา 96 (2) หรือไม่
ล่าสุดวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคดีที่ กกต.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายเทพไทสิ้นสุด ลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (4) มาตรา 96 (2) หรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือลงมติ ในวันที่ 27 ม.ค.64 เวลา 09.30 น. และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังเวลา 15.00 น.
ด้วยเหตุนี้ หลายคนวิเคราะห์ว่ามีเปอร์เซ็นต์สูงที่ “เทพไท” จะหลุดจากเก้าอี้ ส.ส. เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจนว่าห้ามอยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่
เหลืออีกเดือนเศษผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็จะออกแล้ว หากเป็นไปตามที่หลายคนว่าไว้ พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องจัดเตรียมบุคคลเพื่อส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เมืองคอนอีกครั้ง ซึ่งน่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากทุกครั้งที่พรรคมีการคัดเลือกตัวบุคคลในจังหวัดนี้ มักมีเรื่องให้หัวหน้าพรรคไม่สบายใจอยู่เสมอ เพราะในค่ายเดียวกัน แบ่งกันเป็นซุ้มต่างๆ
คนเก่าหวงพื้นที่ที่เคยทำมา ลงทุนลงแรงไปเยอะ ไม่ยอมให้ใครปาดหน้าเค้กง่ายๆ ส่วนก๊กอื่นๆ ก็ต้องการขยายอำนาจ ส่งคนของตัวเองลง โดยอ้างว่าในเมื่อคนเก่าปลิวไปแล้ว ต้องเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆ ได้ลงสนามแทน
ฉะนั้น ผู้บริหารพรรคจะตัดสินใจอย่างไร ไม่ทราบ แต่ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.63 พอจะเป็นไกด์ไลน์หรือวัดกำลังได้หรือไม่ แม้บางคนจะบอกว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นคนละแบบกับการเลือกตั้งใหญ่ระดับประเทศ แต่ความจริงมีส่วนที่เกี่ยวข้องกันอยู่ไม่น้อย
กางผลการนับคะแนน พบว่าตระกูลเดชเดโช ส่ง “กนกพร” ผู้เป็นมารดาของชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับคะแนนโหวตจากคนคอนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งถึง 263,743 คะแนน สำหรับครอบครัว “บุณยเกียรติ” ส่งนายพิชัย ได้เสียงมาเป็นอันดับที่สี่ 62,159 คะแนน ส่วนซุ้ม “เสนพงศ์” ไม่ได้ส่ง เพราะเจอพิษคำตัดสินของศาลนครศรีฯ
เรื่องนี้ต้องเกาะติดต่อไป ถ้า 27 ม.ค.64 “เทพไท” พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ความวุ่นวายภายในพรรคประชาธิปัตย์ในการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.คนใหม่เกิดขึ้นแน่.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |