ประเมินโควิดก่อนเยียวยา คลังโวกู้เพิ่มได้อีก7แสนล.


เพิ่มเพื่อน    

  นายกฯ ถกกุนซือเศรษฐกิจ วางแนวทางบริหาร ศก.แนวใหม่หลังสถานการณ์โควิด คลังขอประเมินโควิดรอบใหม่ 1สัปดาห์ ก่อนคลอดมาตรการเยียวยา ยันไร้ปัญหาเรื่องงบ ชี้ยังกู้เพิ่มได้อีก 7 แสนล้าน

    เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha" ภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) หรือ ศบค. ว่า หลังจากประชุม ศบค.ได้นัดหารือต่อเนื่องกับคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ เพื่อกำหนดแนวทางการบริหารเศรษฐกิจแนวใหม่ หลังการแพร่ระบาดโควิด ซึ่งยังคงมีหลายประเด็นที่รัฐบาลเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อยู่ เช่น ปัญหาภัยแล้ง-น้ำท่วม การจ้างงาน การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมและบริการ ไปจนถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อนำพาประเทศไปสู่การปฏิรูปโครงสร้างด้านเศรษฐกิจ เป็นเศรษฐกิจดิจิทัล ตามนโยบายประเทศไทย 4.0
    ทั้งนี้ ต้องอาศัยการขับเคลื่อนการค้า-การลงทุน ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยต้องมีการพิจารณาปรับปรุงกฎ-ระเบียบต่างๆ ให้ทันสมัย ไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา เน้นการอำนวยความสะดวกในการประกอบการธุรกิจ เพิ่มมาตรการดูแลประชาชนทางเศรษฐกิจปากท้องในระยะต่อไป
    ด้านนางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงบ่าย ภายหลังการประชุม ศบค. นายกฯ ได้หารือกับคณะที่ปรึกษา โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมด้วย ซึ่งประเด็นการหารือเกี่ยวข้องกับแนวทางการบริหารเศรษฐกิจในช่วงหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ครอบคลุมในหลายมิติ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ติดตามการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และการได้รับฟังข้อมูลจากภาคเอกชนและภาคประชาชนซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้เห็นพื้นที่ของการทำงานภาครัฐให้เป็นเชิงรุกมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในปัจจุบันและโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหลังโควิด
    "มากไปกว่านั้น นายกฯ ยังได้ตั้งเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้อยู่แนวหน้าของอาเซียน เพราะปัจจุบันนี้เรามีความพร้อมมากขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ค้ารายย่อย หาบเร่แผงลอยจำนวนมาก ประมาณกว่า 8 แสนร้านค้า ได้เข้าสู่ระบบการโอนเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์หลังจากที่ร่วมโครงการคนละครึ่ง ส่วนการดำเนินการในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่" นางสาวรัชดากล่าว
    ที่กระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังขอติดตามการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 อีก 1 สัปดาห์ ว่าสถานการณ์จะมีทิศทางอย่างไร จะควบคุมได้ดีหรือไม่ ก่อนพิจารณาความจำเป็นในการออกมาตรการดูแลประชาชนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณามาตรการแจกเงิน หรือเราไม่ทิ้งกันอีกรอบ แม้จะมีบางพื้นที่ถูกสั่งล็อกดาวน์ เช่น สมุทรสาคร แต่ผู้ประกอบการโรงงานส่วนใหญ่ยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ
       นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หากถามว่าหากมีการล็อกดาวน์รอบ 2 มีเงินงบประมาณเพียงพอหรือไม่ ยอมรับว่าเป็นคำถามที่ยากมาก แต่เชื่อว่าไม่มีปัญหา โดยงบประมาณรายจ่ายปี 2564 อยู่ที่ 3.29 ล้านล้านบาท เป็นงบลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท รวมกับวงเงินที่เหลือจากการออกพระราชกำหนดการกู้เงินจากโควิด-19 ที่ยังเหลืออีกประมาณ 6 แสนล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
       นอกจากนี้ การจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2564 ถ้าหากรายได้ไม่พอไม่น่าเป็นห่วง สามารถบริหารจัดการได้ ไม่มีปัญหาฐานะการคลัง เพราะยังมีช่องว่างที่กระทรวงการคลังสามารถกู้ได้อีก 7 แสนล้านบาท ถึงจะชนเพดานที่ 60% ของจีดีพี รวมทั้งยังมีเงินคงคลังพร้อมใช้อีก 5.7 แสนล้านบาท ส่วนเสถียรภาพแข็งแกร่งมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงกว่า 2.55 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไม่เคยมีครั้งไหนมาก่อน
        "เศรษฐกิจไทยยังไม่น่าวิตก จากตัวเลขบ่งชี้ว่าการบริโภคในประเทศกลับมาเกือบเหมือนเดิม การเก็บภาษีมูลค่า (แวต) ยังดีอยู่ ช่วงนี้ต้องประเมินสถานการณ์ ถ้าควบคุมได้เร็ว ความมั่นใจของนักลงทุนก็กลับมา นักท่องเที่ยวก็กลับมาเร็ว" นายกฤษฎา ระบุ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"