'แรงงาน' มอบของขวัญปีใหม่ ลดเงินสมทบ-เพิ่มสิทธิประโยชน์สงเคราะห์บุตร


เพิ่มเพื่อน    

24 ธ.ค.63 - นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ เปิดเผยว่า​ กระทรวงแรงงานได้นำเสนอแผนงาน/โครงการ เพื่อเป็นกำลังใจและมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ ดังนี้ 1.กองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้/ค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ร้อยละ 0 ต่อปี ในงวดที่ 1-12 และงวดที่ 13 เป็นต้นไปจนสิ้นสุดสัญญา โดยคิดอัตราร้อยละ 3 ต่อปี สำหรับผู้รับงานไปทำที่บ้านรายบุคคลยื่นคำขอกู้ไม่เกิน 50,000 บาท รายกลุ่มบุคคลกู้ไม่เกิน 300,000 บาท ระยะเวลายื่นคำขอกู้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 - 31 สิงหาคม 2564 และทำสัญญากับกรมการจัดหางานให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 กันยายน 2564 โดยมีกรอบวงเงิน 7 ล้านบาท 

2.ลดอัตราเงินสมทบให้กับนายจ้างและผู้ประกันตน โดยอัตรานำส่งเดิมฝ่ายละร้อยละ 5 ลดเหลือฝ่ายละร้อยละ 3 ของค่าจ้าง เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อเป็นการช่วยเหลือนายจ้างจำนวน 486,192 แห่ง และผู้ประกันตน จำนวน 12.7 ล้านคน แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของนายจ้างและผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบลดลงจำนวน 15,660 ล้านบาท 

3.สนับสนุนให้มีการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานผ่านระบบ Online ฟรี พร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีหลักสูตรที่น่าสนใจ เช่น การเขียนโปรแกรมประมวลผลภาพและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การออกแบบและตกแต่งภาพด้วยโปรแกรม Photoshop การประยุกต์ใช้ Excel Advance การบริหารสินค้าคงคลัง การประยุกต์ใช้งาน Internet of Things (IOT) สำหรับการเกษตรเทคนิคการใช้ Excel Advance เพื่อจัดการฐานข้อมูล การสร้างช่อง YouTube for Marketing การขายสินค้าออนไลน์ การเขียนคอนเทนต์เพื่อเพิ่มยอดขาย และการสร้างอินโฟกราฟิก เพื่อนำเสนองานอย่างมืออาชีพ เป็นต้น โดยจะฝึกอบรมผ่านระบบออนไลน์ (Application Zoom Meeting) 

4.จัดการฝึกอบรมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อให้การบริหารจัดการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการมีประสิทธิภาพ ลดอัตราการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจากการทำงาน โดยได้ประสานหน่วยงานฝึกอบรมด้านความปลอดภัยในการทำงานที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานให้จัดการฝึกอบรมหลักสูตรความปลอดภัยในการทำงานให้แก่นายจ้าง/ลูกจ้าง ฟรี ในช่วงเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2564 

5.เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร สำหรับผู้ประกันตน อันได้แก่ เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร จากเดิมเหมาจ่ายในอัตรา 600 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน เป็นเหมาจ่ายในอัตรา 800 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์จำนวน 1.362 ล้านคน เป็นเงิน 13,739 ล้านบาท/ปี และเพิ่มสิทธิกรณีคลอดบุตรและฝากครรภ์ โดยเพิ่มค่าคลอดบุตรจากเดิมอัตรา 13,000 บาทต่อครั้ง เป็นเหมาจ่ายในอัตรา 15,000 บาทต่อครั้ง และเพิ่มค่าฝากครรภ์จากเดิม 3 ครั้งในอัตรา 1,000 บาท เป็น จำนวน 5 ครั้งในอัตรา 1,500 บาท มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 คาดว่าจะมีผู้ประกันตนที่ได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตรจำนวน 293,073 คน/ปี เป็นเงิน 4,396 ล้านบาท และกรณีฝากครรภ์ 122,144 ครั้ง/ปี เป็นเงิน 36.6 ล้านบาท


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"