พาณิชย์ขู่ลงโทษเด็ดขาดผู้ค้าเก็งกำไร-กักตุนหน้ากากอนามัย


เพิ่มเพื่อน    

 

24 ธ.ค. 2563 นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ออกตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภายหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน จ.สมุทรสาครและจังหวัดอื่นๆ โดยให้ตรวจสอบว่าผู้ค้ามีการปฏิบัติที่ฝ่าฝืนพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการพ.ศ.2542 หรือไม่ ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคา การจำหน่ายในราคาสูงเกินกว่าที่กำหนด ขายเกินราคา และปฏิเสธการขาย รวมถึงติดตามสถานการณ์หน้ากากอนามัยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

โดยล่าสุดได้รับรายงานว่า ตั้งแต่เกิดการระบาดใหม่จนถึงวันที่ 22 ธ.ค.2563 ได้มีการตรวจสอบร้านขายยา ร้านค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ รวม 573 ราย พบว่า ร้านค้าต่างๆ ยังขายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ไม่เกินราคาควบคุมที่ชิ้นละ 2.50 บาท โดยราคาขายแบบกล่อง (50 ชิ้น) อยู่ที่กล่องละ 50-125 บาท หรือเฉลี่ยชิ้นละ 1.00-2.50 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และคุณภาพของสินค้า 

นอกจากนี้ ยังไม่พบการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่าย แต่ปริมาณการซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้นมาก ทำให้บางร้าน มีสินค้าไม่เพียงพอ เพราะช่วงก่อนหน้านี้ ประชาชนซื้อน้อยลง ทำให้ร้านไม่ได้สต๊อกสินค้าเอาไว้ แต่ได้สั่งสินค้าจากโรงงานผู้ผลิตแล้ว จะได้สินค้าภายใน 2-3 วัน ส่วนหน้ากากอนามัยที่นำเข้าจากต่างประเทศ อาจขายสูงเกินกว่าราคาควบคุม เพราะผู้นำเข้าต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆ จากการนำเข้า โดยกระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ตั้งราคาขายโดยบวกค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มได้ไม่เกิน 60% ของราคานำเข้า 

ทั้งนี้ ยืนยันว่า หน้ากากอนามัยทางการแพทย์มีเพียงพอกับความต้องการใช้ของบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยล่าสุดมีโรงงานผลิตเพิ่มเป็น 30 แห่ง กำลังการผลิตวันละ 5 ล้านชิ้น จากในช่วงแรกๆ มี 9 แห่ง ผลิตได้วันละ 1.2 ล้านชิ้น ส่วนประชาชนทั่วไป ก็มีจำหน่ายตามช่องทางต่างๆ ขออย่าตื่นตระหนกและซื้อครั้งละจำนวนมาก เพราะสินค้าผลิตเข้ามาต่อเนื่อง และยังมีหน้ากากทางเลือก อย่างหน้ากากผ้า ที่จะใช้ได้

นายบุณยฤทธิ์กล่าวว่า หากประชาชนพบเห็นผู้มีพฤติกรรมเอาเปรียบ ให้แจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ โดยต้องระบุรายละเอียดที่อยู่ ร้านค้า ให้ชัดเจน จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบทันที หากพบผิดจริง จะดำเนินการตามกฎหมาย โดยการขายสินค้าเกินราคาควบคุม มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ , ขายสินค้าราคาแพงเกินควร และปฏิเสธการขาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และไม่ปิดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท 

“ขอฝากไปถึงผู้ค้าด้วยว่าอย่าเอาเปรียบประชาชน เพราะกระทรวงพาณิชย์เอาจริง โดยการจับกุมดำเนินคดีผู้ค้าหน้ากากอนามัยที่กระทำผิดในช่วงก่อนหน้านี้ จำนวน 435 ราย มี 2 รายที่คดีถึงที่สุดแล้ว ได้แก่ จ.บึงกาฬ ขายแพงเกินสมควร ศาลสั่งจำคุก 1 ปีแต่รอลงอาญา และปรับ 50,000 บาท อีกรายที่เพชรบูรณ์ จงใจขายแพง และปฏิเสธการขาย ศาลสั่งจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา และปรับอีก 5,000 บาท ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล”นายบุณยฤทธิ์กล่าว

ส่วนการตรวจสอบที่ จ.ชลบุรี ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อโซเชียลว่ามีร้านค้าแถวบางแสนขายหน้ากากอนามัยกล่องละ 300 บาท สำนักงานพาณิชย์จังหวัดชลบุรี ได้ออกตรวจสอบร้านค้าแถวบางแสนและบริเวณใกล้เคียงรวม 10 ร้าน ได้แก่ ร้านดีฟาร์มาซี ร้านฟาซิโน ร้าน WHC วังยาเอลแคร์ ร้านบ้านยาบูรพา ร้านยาหยีเภสัช ร้านเฮลท์ อัพ สาขาห้างแหลมทอง ร้านบูทส์ สาขาห้างแหลมทอง ร้านวัตสัน สาขาห้างแหลมทอง ร้านบริบาลเภสัช และร้านคลังยา 51 พบว่า ร้านค้ายังขายหน้ากากอนามัยไม่เกินราคาควบคุม ส่วนใหญ่ราคาอยู่ที่กล่องละ 50-120 บาท และไม่พบร้านใด ขายเกินราคาอย่างที่เป็นข่าว และที่จ.สมุทรสาคร ที่มีปัญหาการระบาด ผลการตรวจสอบ พบว่า สินค้ามีเพียงพอ ไม่พบขายเกินราคา แต่ประชาชนซื้อเพิ่มขึ้นเท่าตัว   

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดพบผู้กระทำผิด 1 รายที่ จ.ตรัง โดยผู้ค้าไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย และขายราคาชิ้นละ 10 บาท สูงกว่าราคาควบคุม เจ้าหน้าที่ได้เปรียบเทียบปรับ และส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีแล้ว 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"