เปิดฉายาสีกากี น.1‘ตีนตุ๊กแก’


เพิ่มเพื่อน    

  สมาคมผู้สื่อข่าวอาชญากรรมมอบฉายา "ผบ.หลบฉาก" ให้ ผบ.ตร. เหตุไม่ชอบออกหน้าชี้แจงความคืบหน้าคดีสำคัญ ส่วน ผบช.น.ผู้ฝ่ากระแสกราดยิง 4 ศพในบ่อนพระราม 3 โดยยังกอดเก้าอี้ไว้อย่างเหนียวแน่น ได้ฉายา "นายพล (ตีน) ตุ๊กแก"

    เมื่อวันพุธ ที่ศูนย์ปฏิบัติการสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย เขตราชเทวี กทม. นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคม, นายสุชัยพงษ์ เพียรชอบ ประธานที่ปรึกษา, นายสมชาย จรรยา, นายสุรชัย นิโครธานนท์ รองนายกสมาคม, นายธนากร ริตุ เลขาธิการสมาคม พร้อมด้วยตัวแทนจากสื่อต่างๆ ร่วมกันคัดเลือกและพิจารณาตั้งฉายาตำรวจประจำปี 2563 จำนวน 11 นาย โดยนายไพโรจน์กล่าวว่า ผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรมได้ทำงานใกล้ชิดกับแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดปีที่ผ่านมาได้เฝ้าติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนที่จะนำเสนอผลงานสู่สายตาประชาชน จึงได้ร่วมกันตั้งฉายาตำรวจประจำปีขึ้นทุกปี ซึ่งเกณฑ์ในการตั้งฉายาได้มีการประชุมร่วมกับตัวแทนสื่อมวลชนจากสังกัดต่างๆ เสนอรายชื่อนายตำรวจเข้ามาและทำการคัดเลือกเหลือเพียง 11 นาย มีดังนี้
    1.พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฉายา “ผบ.หลบฉาก” ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์เป็นนายตำรวจมากฝีมือ การก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งสูงสุดขององค์กรตำรวจ ได้ตั้งความหวังให้กับพี่น้องประชาชนถึงการทำงานของตำรวจยุคใหม่ โดยเฉพาะการคลี่คลายคดีที่สังคมให้ความสนใจ เช่น คดีการหายตัวไปของ “น้องชมพู่” แต่จนแล้วจนรอดการแถลงข่าวของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ก็ยังสร้างความแคลงใจให้กับสังคมถึงการหายตัวไปของน้องชมพู่ จนทุกวันนี้ก็ยังไร้คำตอบ และบ่อยครั้งในห้วงที่ผ่านมายังไม่ค่อยเห็นการชี้แจงถึงความคืบหน้าในคดีต่างๆ และคอยหลบการให้สัมภาษณ์จากสื่อมวลชน มีเพียงการมอบหมายให้ทีมงานโฆษกชี้แจงเท่านั้น
    2.พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ฉายา “เด่น เป็นงาน” โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์มีชื่อเล่นว่า “เด่น” ได้รับมอบหมายให้ดูงานด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ (มค.) เป็นอีกหนึ่งนายพลตำรวจที่น่าจับตามอง ด้วยบุคลิกสุขุมนุ่มลึก บวกกับความสามารถจนเป็นที่ไว้วางใจทำให้ทำงานสำคัญ อาทิ การสอบเอาผิดโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร 514 แห่ง ต้องสงสัยทุจริตฉ้อโกงเงินของรัฐจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”, การบุกทลายเครือข่ายพนันออนไลน์ ตลอดจนการรับผิดชอบภาพรวมการดูแลรักษาความปลอดภัยในการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เรียกได้ว่ามอบหมายงานสิ่งใดไม่ผิดหวัง
    3.พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฉายา “นายพล (ตีน) ตุ๊กแก” จากเหตุการณ์กราดยิง 4 ศพในบ่อนพระราม 3 ซอย 66 สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับเก้าอี้ น.1 เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่จะมีการพิจารณาโยกย้ายข้าราชการตำรวจประจำปี ในที่เกิดเหตุมีนายตำรวจระดับสารวัตรถูกยิงเสียชีวิต หนำซ้ำมีการแชร์ภาพว่ามีการขนย้าย รื้อถอนอุปกรณ์เล่นการพนัน กล้องวงจรปิด เพื่ออำพรางสภาพของบ่อน ยิ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของตำรวจ โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และถูกขีดเส้นตาย 3 วันในการทำความจริงให้ปรากฏ ถึงแม้ภายหลังจะจับ “บอย บ้านครัว” มือปืนผู้ก่อเหตุได้ ก็ไม่ได้เป็นการการันตีต่อลมหายใจในเก้าอี้ “แม่ทัพนครบาล” แต่อย่างใด ท่ามกลางกระแสลือสะพัดในการปรับบัญชีใหม่เปลี่ยนตัว “ผบช.น.” แต่จนแล้วจนรอดก็พ้นมรสุมมาได้
    4.พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉายา “แจง 5 จี” โดย พล.ต.ท.กรไชยมีชื่อเล่นว่า “แจง” ถือเป็นนายตำรวจคนแรกขององค์กรที่ได้รับความไว้วางใจให้มากุมบังเหียน “บช.ไซเบอร์” ซึ่งเป็นหน่วยงานใหม่ถอดด้าม และเป็นที่คาดหวังของประชาชนในการปราบปรามอาชญากรรมในปัจจุบันที่ได้พัฒนาไปอยู่ในโลกโซเบอร์ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผลงานปรากฏต่อสังคม เนื่องจากขุมกำลังยังไม่เพียงพอ เปรียบเสมือนสัญญาณ 5 จี ที่รู้ว่ามีแต่ยังมาไม่ถึง
    5.พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายา “นายพลขาลุย” โดยก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนำกำลังหน่วย “นปพ.ภ.3” บุกเข้าไปในห้างเทอร์มินอลวัน เพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูก “พลทหารคลั่ง” จับเป็นตัวประกัน ทำการวิสามัญทหารคลั่งและช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้อย่างปลอดภัย และได้รับคำชมเชยจากผู้บังคับบัญชาหลายท่านถึงความเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ   
    6.พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ฉายา “ต่อ เหนือเมฆ” ซึ่ง พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นนายตำรวจที่ประชาชนรู้จักกันอย่างกว้างขวาง ภาพลักษณ์ทั้งนักบู๊และนักบุญ เดินทางสายบุญและสายบู๊คู่ขนานกันไป นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพหน่วยงาน ผลักดันการฝึกอบรมทั้งการ “ยิงปืน-โดดร่ม” เห็นได้จากภาพที่ปรากฏในโลกโซเชียลที่ “บิ๊กต่อ” ฝึกซ้อมโดดร่มกับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นประจำ ทำให้นักกีฬาโดดร่มของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีสีสันมากยิ่งขึ้น จนสามารถเข้าร่วมแข่งขันกีฬากองทัพไทยได้
    7.พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับฉายา “เปาบุ้นจิ้นหน้าขาว” ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปิยะได้รับความวางใจให้เป็นโฆษก บช.น. ในห้วงการชุมนุมทางการเมืองจะปรากฏภาพของ พล.ต.ต.ปิยะบ่อยครั้ง ในการเจรจาบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนการชุมนุม เปรียบเสมือน “เปาบุ้นจิ้น” แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นนายตำรวจรูปหล่อหน้าขาว จึงเป็นที่มาของฉายา “เปาบุ้นจิ้นหน้าขาว”
    8.พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ได้รับฉายา “กูรูทางเลี่ยง” มีผลงานการแก้ไขปัญหาการจราจรที่เข้าขั้นจลาจล ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจจราจร ทำให้เมื่อก้าวขึ้นมาเป็นรอง ผบช.น. ยังคงได้รับความไว้วางใจให้กำกับดูแลงานจราจร ซึ่งในห้วงการชุมนุมทางการเมือง ม็อบปิดถนนส่งผลให้การจราจรติดขัด รองจิรสันต์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำข้อมูลข่าวสารด้านการจราจรแก่พี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนในการสัญจร
    9.พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. ได้รับฉายา “มือปราบคดีดัง” โดยนายตำรวจหนุ่มไฟแรงผู้นี้ จบ นรต.รุ่นที่ 50 ฝากผลงานโดดเด่นต่อเนื่องตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองปราบปราม ทำคดีสำคัญมามากหมายหลายคดี อาทิ นำ “ชุดหนุมาน” เข้าคลี่คลายเหตุการณ์กราดยิงที่โคราช หรือแม้กระทั่งการสางคดีการเสียชีวิตของเสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง จับกุมอดีต ส.ส.คนดังแห่งเมืองนครสวรรค์ บรรยิน ตั้งภากรณ์ รวมทั้งการสางคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาจนเป็นผลสำเร็จ
    10. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับฉายา “มือปราบเฟกนิวส์” นอกจากภารกิจในการกุมบังเหียนงานสืบสวนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ขณะเดียวกันในช่วงโควิด-19 ระบาด พล.ต.ต.พันธนะก็สวมหมวกหัวหน้าชุดเทคนิคและสืบสวนที่ 2 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) และหัวหน้าชุดประสานความร่วมมือกับศูนย์ต่อต้าน “ข่าวปลอม” (Anti-Fake News Center) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และศูนย์ปราบปรามละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาออนไลน์ กสทช. ลุยปราบปรามผู้โพสต์ข่าวปลอม และข่าวบิดเบือนจากข้อเท็จจริงได้หลายร้อยคดี
    11.พล.ต.ต.รณกร ฤทธิรงค์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 ฉายา “ผู้การกรุแตก” ทั้งนี้ พล.ต.ต.รณกร ฤทธิรงค์ เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี เคยปรากฏเป็นข่าวจากกรณีที่ใช้วาจาไม่สุภาพที่สนามบินอุบลราชธานี หลังไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่บริเวณจุดคัดกรองโควิด จนเป็นเหตุให้ถูกตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงและให้มาช่วยราชการที่ ศปก.ภ.3 เป็นเวลา 30 วัน แต่เรื่องก็เงียบหายไป กระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 ก็ไม่วายถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมให้มาช่วยราชการที่ ศปก.บช.ทท. หลังได้รับการร้องเรียนว่าระดมกึ่งบังคับลูกน้องให้เข้าร่วม “ทีมเฉพาะกิจ” ออกเก็บ “ค่าตั๋ว ค่าต๋ง” จากสถานประกอบการยามค่ำคืนในพื้นที่ภาคอีสานใต้. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"