เป็นความโชคดีเหมือนถูกรางวัล 3 ตัวหน้า พร้อมๆ กับ 3 ตัวท้ายเลยทีเดียว สำหรับทริปเที่ยวปันสุขที่จังหวัดภูเก็ตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

                เพราะนอกจากได้มีโอกาสทัศนศึกษาบ้านของตระกูล WOO ที่เป็นคหบดีเก่าแก่ของเมืองถลาง ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งของที่บรรพบุรุษผู้เป็นเจ้าบ้านส่งต่อมายังรุ่นลูกหลานเหลนโหลนไว้อย่างดีเยี่ยม น่าทึ่งแล้ว ยังได้มีเวลาดีๆ ที่บันเทิงเริงรมณ์กับเสียงกู่เจิ้งบรรเลง โดย "น้องแอนนี่" หรือ อธิษฐ์รดา จันทร์ชูวณิชกุล เจ้าของฉายา "นางฟ้ากู่เจิ้ง"

                เจอะเจอตัวจริงเสียงจริง ไม่คิดว่าน้องเขาเกิดมาพร้อมกับอาการจอประสาทตาเสื่อม เธอมองอะไรแทบไม่เห็น แต่เธอไม่เคยท้อถอย พยายามเรียนจนจบด้านการโรงแรมที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต

                กว่าเธอจะมาเป็นเซเลบคนดังของภูเก็ต และยังเป็นไอดอลของเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่แล้ว เส้นทางมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย เพราะเธอบอกว่าลำพังคนตาดี จบมาแล้วยังหางานยากเลย ทำให้เธอรู้สึกท้อถอยอยู่ในช่วงแรกๆ ที่เรียนจบ จนกระทั่งเธอฮึดสู้ลุกขึ้นมาเรีบนรู้การเล่นกู่เจิงด้วยตัวเองจากยูทูบ เธอก็อินและหลงใหลกับมัน จนพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จรออยู่ที่นั่นแน่นอน

                การเล่นกู่เจิ้งของเธอ ต้องบอกว่าเป็นแบบยุคดิจิทัลจริงๆ  เพราะเธอไม่ได้ย่ำอยู่กับเพลงเก่าๆ หรือเพลงโบราณแม้กู่เจิ้งจะได้ชื่อว่าเป็นพิณ 21 สายที่สืบต่อมาจากอดีตนานแสนนานก็ตาม ดังนั้นเราจึงได้ฟังเพลงวาฬเกยตื้น ที่กำลังฮิตติดลมจากการบรรเลงของเธออย่างสนุกสนาน

                นี่แหละ คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่ยอมแพ้ให้กับความพิการของตัวเอง ซึ่งเธอเองก็บอกเล่าว่า คุณพ่อเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสำคัญ เพราะเมื่อหมอแจ้งว่า แอนนี่มีปัญหาเรื่องการมองเห็น และจะค่อยๆ มืดดับในที่สุดนั้น คุณพ่อคุณแม่ก็พยายามส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ที่พัฒนาการใช้หู และจัดระเบียบชีวิตให้แอนนี่สามารถช่วยตัวเองได้

                หน้าตาสะสวยของเธอ ชุดที่สวมใส่เข้ากับบรรยากาศที่เธอไปแสดง ล้วนแต่เป็นผลงานจากการเนรมิตของแอนนี่เอง เรียกว่าเราคนตาดีแต่งหน้าเองยังไม่งดงามเท่าแอนนี่เลยนะ

                ฟังเสียงกู่เจิ้งพร้อมกับฟังเรื่องเล่าจากเสียงสดใสของแอนนี่แล้ว อยากพาลูกหลานไปจับมือแอนนี่ตัวเป็นๆ เสียจริงๆ นะ แต่ถ้าใครอยากเห็นฝีมือเธอละก็ เปิดดูในยูทูบได้เลย.

                    "ป้าเอง"