23 ธ.ค.2563 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ แถลงภายหลังการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบกรอบงบประมาณประจำปี 2565 ตามผลการหารือของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายที่มีสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีวงเงินงบประมาณรายจ่าย 3.1 ล้านล้านบาท ลดลงจากปี 64 จำนวน 1.859 แสนล้านบาท หรือลดลง 5.66% เป็นไปตามประมาณการจัดเก็บรายได้ที่ลดลงเหลือ 2.4 ล้านล้านบาท ภายใต้สมมุติฐานเศรษฐกิจขยายตัว 3.5%
นายเดชาภิวัฒน์ กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2565 ยังมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 7 แสนล้านบาท ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดสำนักงบประมาณจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 5 ม.ค.2564 โดยนายกฯได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณไปดูเรื่องของงบรายจ่ายประจำที่จำเป็นต้องปรับลดลงตามความเหมาะสม แต่ก็ต้องชั่งน้ำหนักเรื่องของการใช้เพื่อดูแลกลุ่มเปราะบางด้วย โดยเฉพาะกองทุนที่ดูแลผู้มีรายได้น้อย และผู้ด้อยโอกาสต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาล
นายเดชาภิวัฒน์ กล่าวอีกว่า โครงสร้างงบประมาณปี 2565 มีกรอบวงเงินที่ลดลงจากปีงบประมาณก่อน ส่วนใหญ่กว่า 75% เป็นงบประจำ โดยมีกรอบวงเงินอยู่ที่ 2.354 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีงบ 2564 ที่ตั้งเอาไว้ที่ 2.537 ล้านล้านบาท หรือ 77% ของวงเงินงบประมาณ ส่วนงบลงทุนลดลงจากปีก่อนที่มี 6.49 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 19% ของวงเงินงบประมาณรวม เหลือ 6.2 แสนล้านบาท ซึ่งยังมีสัดส่วนอยู่ภายใต้กรอบ 20% ของวงเงินงบประมาณรวม หรือเป็นไปตามกรอบวินัยทางการเงินการคลังของประเทศ ขณะที่กรอบงบประมาณที่ใช้ชำระคืนต้นเงินกู้ได้ตั้งไว้สูงกว่าปีก่อน คือประมาณ 1 แสนล้านบาท
ผอ.สำนักงบประมาณ กล่าวว่า สำนักงบประมาณมีนโยบายที่จะลดสัดส่วนวงเงินงบประจำมาโดยตลอด โดยดูผลการเบิกจ่าย และประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งผลสัมฤทธิ์ของการใช้งบประมาณ ทั้งงบลงทุน และงบประจำ ซึ่งในปี 2565 แม้จะยังมีสัดส่วนที่สูงถึง 75% ส่วนใหญ่จะเป็นเงินเดือนข้าราชการ และค่ารักษาพยาบาล ที่มีวงเงินมากถึง 1.2 ล้านล้านบาท ส่วนค่าใช้จ่ายด้านสังคมก็ยังคงไว้ไม่ได้ปรับลด แต่จะไปดูค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่พอจะปรับลดได้ เช่น การเดินทางไปต่างประเทศ ขณะที่งบลงทุนจำเป็นต้องรักษาสัดส่วนไว้ช่วยดูแลเศรษฐกิจ ซึ่งเลขาธิการ สศช. บอกในที่ประชุมว่า ขอให้ทุกรัฐวิสาหกิจเร่งลงทุนเพิ่ม
“ในส่วนของงบประมาณที่ใช้สำหรับการสู้วิกฤตโควิด-19 นั้น เบื้องต้นยังมี พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทที่ใช้ดูแลอยู่ ล่าสุดก็ได้มีการใช้ไปแล้วบางส่วน แต่หากมีความจำเป็นจริงๆ ก็สามารถใช้งบกลางได้ ซึ่งกันไว้ที่ 3% ของกรอบงบประมาณรวม โดยในปีงบ 2564 ตั้งงบกลางไว้ดูแลเรื่องเกี่ยวกับโควิดไว้ที่ 4 หมื่นล้านบาท และยังมีวงเงินสำรองจ่ายในกรณีฉุกเฉินและจำเป็นอีก 9.9 หมื่นล้านบาท รวมเป็นเงินประมาณ 1.3 แสนล้านบาท”
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |