“ประยุทธ์” ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ชี้พายุโควิดกระหน่ำ ยังกั๊กเรื่องล็อกดาวน์-เคาต์ดาวน์ บอกต้องรอประชุม ศบค.ชุดใหญ่ แต่ยกต่างชาติกลับมาคุมเข้ม ขึงขังให้ปราบพวกลักลอบแรงงานเถื่อนให้สิ้นซากไม่ว่าใหญ่แค่ไหน พร้อมซัดพวกไร้ความผิดชอบเห็นแก่ตัว ศบค.แจงยอดติดเชื้อพุ่ง 427 ราย ผงะ! แรงงานต่างด้าวสะสม 1,273 รายแล้ว สมุทรสาครพ่นพิษ 22 จังหวัดสุ่มเสี่ยง หลายจังหวัดโฟเบียยกระดับคุมเข้ม
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม หลังเคารพธงชาติในเวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) เรื่องการระบาดอีกครั้งของโควิด ว่าการระบาดใหม่ของโควิด-19 ที่เพิ่งเกิดขึ้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ได้ถูกจัดการอย่างเร่งด่วนในทันที พร้อมกับการใช้มาตรการที่เข้มข้น ซึ่งขอขอบคุณทุกคน ทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะการระบาดที่เกิดใหม่นี้ เป็นสิ่งย้ำเตือนที่สำคัญว่าโควิด-19 ยังเป็นภัยร้ายแรงสำหรับประเทศของเรา และทั่วโลกก็ดำดิ่งลงสู่ความหนักหนาสาหัสที่รุนแรงและกะทันหัน โดยพบโควิดสายพันธุ์ใหม่ซึ่งติดต่อกันได้ง่ายกว่าและเร็วกว่า เดือนธันวาคมนี้จึงเป็นเดือนที่สถานการณ์โควิดทั่วโลกเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดมา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การที่สถานการณ์โควิดทั่วโลกแย่ลงขนาดนี้ ย่อมจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีมาถึงไทยด้วยแน่นอน และเราต้องเตรียมพร้อมในการรับมือ เพราะมีผลกระทบหลายประการ คือ 1.เศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่จะช้ากว่าที่คาดตามไปด้วย 2.เราต้องระมัดระวังมาตรการการผ่อนคลายให้คนต่างชาติเดินทางเข้าไทยต่อไปอีก เราต้องเข้มงวดและระมัดระวังอย่างเต็มที่ ทั้งที่สนามบินและช่องทางเข้าประเทศต่างๆ และ 3.เมื่อสถานการณ์ทั่วโลกยิ่งแย่ลง ก็ทำให้เรายิ่งต้องตั้งการ์ดให้สูงขึ้น เพิ่มและปรับมาตรการต่างๆ ให้รัดกุมยิ่งขึ้น
“สถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่สมุทรสาคร ปัจจุบันได้กักกันและอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคเชิงรุก และทาง จ.สมุทรสาคร จังหวัดใกล้เคียง และกรุงเทพมหานคร ได้ออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้น ผมอาจจำเป็นต้องประกาศมาตรการเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมเฉลิมฉลองปีใหม่ จะมีมาตรการอย่างไร หรือต้องงดจัด ซึ่งผมเข้าใจดี ทุกคนต้องการผ่อนคลาย ธุรกิจร้านค้าก็อยากมีรายได้ โดยในสัปดาห์นี้ผมจะประชุมกับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และจะออกมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะในเมื่อเราได้เห็นมาแล้วว่าถ้าเราอ่อนหรือผ่อนคลายมาตรการมากเกินไป โควิดจะสร้างปัญหาทางเศรษฐกิจที่มากกว่านี้ และกระทบกันไปหมดทั้งประเทศ” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า หลายประเทศตอนนี้เริ่มกลับไปใช้มาตรการที่เข้มงวดมากมายหลายมาตรการ ซึ่งเมื่อต้นปีตอนที่โควิดเริ่มเป็นภัยร้ายแรงของโลก มีประเทศที่ไม่เข้มงวดปกป้องดูแลเรื่องสุขภาพและสาธารณสุขด้วย เพราะกังวลจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของตัวเอง แต่ปัจจุบันประเทศเหล่านี้ล้วนเจอผลกระทบหนักต่อเศรษฐกิจทั้งสิ้น ในขณะเราเข้มงวดในเรื่องการปกป้องดูแลสุขภาพของประชาชน นี่คือเหตุผลที่ไทยเจอปัญหาเศรษฐกิจที่เบากว่าประเทศอื่นๆ หลายประเทศ และยังใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเกือบเป็นปกติ
ซัดพฤติกรรมคนเห็นแก่ตัว
“การที่เราทำได้อย่างนี้ ต้องยกความดีความชอบเป็นของประชาชนคนไทยทุกคน ที่ให้ความร่วมมือ มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ทุกวันนี้เรายังคงเสียสละความสะดวกสบายส่วนตัวเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมกันต่อไป แต่เราต้องจำไว้ว่า เพียงคนไม่กี่คนที่ละเลยความรับผิดชอบต่อสังคม และมีพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัว จะสร้างปัญหาให้คนเป็นล้านๆ ได้ ผมจึงต้องขอให้คนไทยทุกคนใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมในระดับที่สูงมากกว่าปกติ และขอให้ทำด้วยความภูมิใจว่าสิ่งที่ทุกคนทำทุกวันๆ แม้จะดูเล็กน้อย แต่มีผลกับทั้งประเทศ สร้างความแตกต่างให้ประเทศไทยได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่าถึงขบวนการนำแรงงานเถื่อนเข้าประเทศ ว่าต้องถูกดำเนินคดี ถูกทำลายให้สิ้นซาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งเจ้าหน้าที่รัฐหรือประชาชนที่เกี่ยวข้อง เพราะการแพร่ระบาดครั้งนี้ตรวจพบผู้ติดเชื้อจากแรงงานต่างด้าวมากที่สุด
นายกฯ ย้ำว่า แม้ว่าเส้นทางจะยังอีกยาวไกลกว่าสถานการณ์จะกลับเป็นปกติ แต่มั่นใจว่าถ้าเราทุกคนยังร่วมมือกันแบบนี้ได้ เราจะยังเป็นหนึ่งในประเทศที่รับผลกระทบน้อยที่สุดในโลก ให้ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด โดยตนเองจะกำชับดูแลให้มั่นใจว่าหน่วยงานต่างๆ ของรัฐยังคงทำงานแบบบูรณาการ และใกล้ชิดกัน และจะเร่งจัดหาและพัฒนาวัคซีนให้พร้อมใช้งานเร็วที่สุดเท่าที่จะเร่งได้
“ช่วงเวลานี้ที่พายุโควิดนอกประเทศไทยโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้นอีก เรายิ่งต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ผมขอให้คนไทยทุกคนให้ความร่วมมือและอยู่เคียงข้างต่อสู้ไปด้วยกัน ให้ผ่านพ้นสถานการณ์ไปให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว (อ่านรายละเอียดหน้า 4)
ก่อนหน้านี้ หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่า ขอให้เชื่อมั่นว่าเรายังคอนโทรลได้อยู่ และเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ก็ได้บอกไปแล้ว 7-10 วันดูระยะความปลอดภัย
ก่อนหน้านี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 427 ราย เป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าว 397 คน และในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 14 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ทำให้ไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 5,716 ราย ติดเชื้อภายในประเทศสะสม 3,798 ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าวสะสม 1,273 ราย พบในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้สะสม 1,387 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 25 ราย รวมหายป่วยสะสม 4,078 ราย เสียชีวิตยังคงที่ 60 ราย และผู้ป่วยที่รักษาอยู่ 1,578 ราย
22 จังหวัดสุ่มเสี่ยง
นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวถึงการตรวจคัดกรองเชิงรุกแรงงานต่างด้าวว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้วางแผนขยายการตรวจค้นหาตามโซนพื้นที่ ดังนี้ โซนไข่แดง รัศมี 2 กม.ของตลาดกลางกุ้ง ซึ่งตรวจ 2,051 คน พบเชื้อ 914 คน คิดเป็น 44% และพื้นที่ไข่เหลือง รัศมี 4 กม.จากตลาดกลางกุ้ง ได้ตรวจคัดกรองแล้ว 5,838 คน ส่งตรวจแล็บ 5,066 คน ซึ่งข้อมูลจากระบบสอบสวนโรค เมื่อ 21 ธ.ค. พบลูกค้าประจำในตลาดค้าส่งกุ้งกระจายไปทั่วประเทศ และเข้าไปใน 22 จังหวัด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวไม่ได้พูดให้ตกใจ แต่เพื่อให้สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ได้ยกระดับการค้นหาผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยง
สำหรับ 22 จังหวัดที่มีผู้เดินทางไปยังตลาดกลางกุ้งและหอพักศรีเมือง จ.สมุทรสาคร ระหว่างวันที่ 1-18 ธ.ค. รวม 22 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่, เพชรบูรณ์, นครราชสีมา, สุพรรณบุรี, กาญจนบุรี, นครปฐม, สมุทรสงคราม, ราชบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สระบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, นนทบุรี, กทม., สมุทรปราการ, ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง และสงขลา
นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวถึงประเด็นดรามาการตรวจโรคว่าต่างด้าวตรวจฟรี คนไทยเสียเงิน ว่าหากให้ข้อมูลว่าเชื่อมโยงกับพื้นที่เสี่ยงจะได้รับการตรวจไม่มีค่าใช้จ่าย โดยโรงพยาบาลเอกชนได้ให้ความร่วมมือตรวจไปแล้ว 22,000 ตัวอย่าง แต่เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ส่วนข้อเรียกร้องให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในแรงงานต่างด้าวทั้งหมดนั้น ในเชิงทางระบาดวิทยา การตรวจกลุ่มเสี่ยงไม่จำเป็นต้องตรวจทั้งหมด จะตรวจเฉพาะกรณีมีอาการเข้าเกณฑ์ PUI หรือกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเท่านั้น
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองตามแนวชายแดน ว่าได้เพิ่มกำลังทหารเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะเส้นทางที่คาดว่าจะลักลอบเข้ามา ส่วนการล็อกดาวน์แต่ละจังหวัดหลังพบผู้ติดเชื้อนั้น พล.อ.ประยุทธ์กำลังดูอยู่ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร หากรุนแรงขึ้นก็มีความจำเป็น เพราะต้องเอาคนส่วนใหญ่ไว้ ต้องดูสถานการณ์ก่อนว่าจะทำอะไร อย่าเพิ่งไปคิดมาก
ย้ำกลุ่มเสี่ยงตรวจฟรี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สธ. กล่าวย้ำถึงประเด็นดรามาเรื่องการตรวจเชื้อว่า คนที่เดินทางผ่าน จ.สมุทรสาคร หรืออยู่ในจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อ หรือมีอาการเข้าข่ายที่เป็นโควิด-19 สามารถเข้ารับการตรวจได้ทันทีไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะได้สั่งการให้โรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่างๆ แล้ว ส่วนเงินค่าตรวจนั้น สธ.จะเบิกจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เอง ขอย้ำว่ากลุ่มเสี่ยงสามารถไปตรวจได้ทันที จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดกัน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีนายกฯ ขอเวลา 7 วันเพื่อประเมินสถานการณ์ ว่าจะให้จัดงานปีใหม่หรือไม่ ว่าเป็นไปตามที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์ เพราะต้องดูสถานการณ์โดยรวมว่าเป็นอย่างไร และสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงราคาหน้ากากอนามัยว่า จากการตรวจสอบก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ จ.สมุทรสาคร ไม่มีใครจำหน่ายเกินราคาที่ควบคุม หากใครขายเกินราคาควบคุมจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะนี้กรมการค้าภายในโดยพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดก็ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอยู่ และผู้ที่กักตุนจะมีโทษหนักกว่าคือจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงผลกระทบเรื่องราคาอาหารทะเล ว่าได้สั่งให้ปลัด พณ.ไปดูแลแล้ว ซึ่งล่าสุดตลาดหลักใหญ่ๆ ยังไม่มีผลกระทบ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงข้อกังวลของภาคอุตสาหกรรมจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยยืนยันว่าอาหารทะเลไม่สามารถเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคได้ ตัวที่จะทำให้เกิดการแพร่เชื้อคือบรรจุภัณฑ์ ซึ่งรัฐบาลต้องไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้เกิดความมั่นใจ
ด้านนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นายกฯ ได้สั่งการในที่ประชุม ครม. ให้ สธ.และผู้เกี่ยวข้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นเรื่องการบริโภคกุ้งว่าสามารถรับประทานได้
ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายผลประชุม ครม.ว่า ในการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการผู้ว่าฯ สมุทรสาครผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ให้จัดการการกระทำที่ผิดกฎหมาย และแรงงานที่ลักลอบเข้ามา ขอให้จัดการให้สิ้นซากด้วยกฎหมาย ส่วนเรื่องการล็อกดาวน์ช่วงปีใหม่นั้น นายกฯ ระบุว่าขอดูสถานกาณ์ก่อนอีกนิด เพราะการจะให้หยุดกิจกรรมในช่วงปีใหม่จะมีผลกระทบหลายด้าน ฉะนั้นการตัดสินใจต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ ขอเวลาอีกนิด ติดตามสถานการณ์อยู่
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวเรื่องนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ขอเวลาในเรื่องนี้ การตัดสินใจต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ โดยในวันที่ 24 ธ.ค. จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 เกี่ยวกับการดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อ เพื่อให้มาตรการทางกฎหมายมีความเหมาะสมในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และโรคติดต่ออื่นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งกำหนดโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่ให้แยกกักหรือกักกันโรค หรือผู้ที่ไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคเมื่อพบว่าเป็นหรือสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อ เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศหลีกเลี่ยงการกักตัวโดยหน่วยงานของรัฐ ซึ่งหลังจาก ครม.อนุมัติหลักการแล้ว จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาต่อไป
ใหญ่โตแค่ไหนจัดการหมด
น.ส.ไตรศุลีกล่าวอีกว่า ครม.ยังเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเพิ่มระยะเวลาการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจําพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามที่เสนอ โดยคนต่างด้าวต้องเข้ารับการกักกันเป็นเวลา 14 วัน ซึ่ง ครม.เห็นควรขยายระยะเวลาการพํานักในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวประเภทดังกล่าวอีก 15 วัน รวมเป็น 45 วัน ไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2564
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปในการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามนายวีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ว่าสาเหตุของการแพร่ระบาดเกิดขึ้นได้อย่างไร ขณะที่นายวีระศักดิ์ตอบว่า “แรงงานต่างด้าว” ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์พูดสวนไปว่า “รู้แล้วว่าแรงงานต่างด้าว แต่มันเกิดได้อย่างไร เกิดจากจุดใด ที่พูดไม่ได้ตำหนิ แต่ให้ไปหามาว่าใครไปเกี่ยวข้อง ว่าจะเป็นใคร ใหญ่โตมาจากไหนก็จัดการหมด” นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังถามนายวีระศักดิ์ว่า จะจัดการอย่างไรกับแรงงานทั้งหมด รวมทั้งแรงงานผิดกฎหมาย จะเปิดลงทะเบียนหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ขอเวลา 7 วัน ประเมินสถานการณ์ก่อนว่าช่วงปีใหม่จะให้จัดงานอะไรหรือไม่ โดยวันที่ 28 ธ.ค.นี้น่าจะชัดเจน ทั้งนี้ ระหว่างพูดคุยเรื่องดังกล่าว พล.อ.ประวิตรรวมถึงฝ่ายความมั่นคงรับฟังโดยไม่ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติม ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวเสริมถึงข้อเสนอให้ผลักดันแรงงานเหล่านี้กลับประเทศไปก่อนในช่วงนี้ ว่าการจะให้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามากลับไปกลับมาอาจทำให้เกิดปัญหาในการควบคุมขึ้นอีกได้
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงการแพร่ไวรัสโควิด-19 ในหลายพื้นที่ว่า ได้เสนอแนวคิดไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ให้จัดผู้ประสานงานที่สามารถสื่อสารทำความเข้าใจกับชาวเมียนมาที่ถูกกักตัวไว้บริเวณตลาดกลางกุ้ง และหอพักของแรงงานต่างด้าว หลังพบว่าบางส่วนมีความพยายามออกมาจากพื้นที่กักกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงการควบคุมโรค และลดความคับข้องใจที่อาจนำไปสู่การก่อความวุ่นวายในอนาคต
“มาตรการคุมเข้มชายแดน ได้สั่งจัดชุดปฏิบัติการพิเศษจากส่วนกลางลงพื้นที่ชายแดน เพื่อตรวจสอบข้อมูลขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างชาติหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลังมีข้อมูลกล่าวอ้างว่าอาจมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่รู้เห็นกับเจ้าหน้าที่นำเข้าแรงงานผิดกฎหมาย โดยยืนยันว่าหากพบเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าหน่วยใดเข้าไปเกี่ยวข้อง จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด”
ขณะเดียวกัน ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) นายสมคิด จันทมฤก รองปลัด มท. ในฐานะโฆษก มท. ระบุว่าได้เน้นย้ำกับข้าราชการ บุคลากร และเจ้าหน้าที่ในสังกัดให้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ห้ามมิให้ปล่อยปละละเลยหรือรู้เห็นเป็นใจในพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง และไม่สอดคล้องกับนโยบายและมาตรการของ ศบค. หากฝ่าฝืนอาจเข้าข่ายเป็นความผิดทางวินัยหรืออาญา
ลือเมียนมาแหกที่กักกัน
สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะตลาดกุ้ง จ.สมุทรสาครนั้น พบว่าในช่วง 11.00 น. มีกระแสข่าวชาวเมียนมาที่อยู่ในสถานที่กักกันได้ทุบกำแพงหนีออกมาเป็นจำนวนมาก ต่อมาในเวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร นายวีระศักดิ์ได้เปิดแถลงข่าวเรื่องนี้ว่า ที่โซเชียลฯ มีการนำเสนอนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดเลย กำแพงที่ถูกทุบมาปีกว่าแล้วใช้สัญจรไปมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำรั้วลวดหนามไปเสริมเพิ่มให้แน่นหนาขึ้นกว่าเดิม และได้เพิ่มเจ้าหน้าที่ให้ไปประจำดังจุดดังกล่าวตลอดเวลา พร้อมกับเพิ่มไฟส่องสว่างให้สว่างขึ้น ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบแรงงานหนีออกนอกพื้นที่ แต่หากว่าก่อนที่จะประกาศเป็นเขตควบคุมอาจจะมีการออกไปบ้าง เป็นการเดินเข้า-ออกไปซื้อของเสียมากกว่า และอยากจะบอกทุกคนว่า อย่าทำเหมือนเขาเป็นนักโทษ ให้เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง เราต้องช่วยกันผ่านเหตุการณ์นี้ไปให้ได้
ส่วนนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ได้ประกาศงดการจัดกิจกรรมงานพัทยาเคาต์ดาวน์ 2020 ในปีนี้ออกไปจากปฏิทินการท่องเที่ยวแล้ว ซึ่งเดิมคาดจะมีนักท่องเที่ยวเข้างานกว่า 3 แสนราย
จ.สมุทรปราการ นพ.รณรงค์ ศรีม่วง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 5 ราย จากเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.พบ 4 ราย รวมเป็น 9 ราย โดยรายที่ 5 เป็นชายอายุ 53 ปี เป็นพ่อค้าเดินทางไปซื้ออาหารทะเลที่ตลาดกลางกุ้ง เพื่อนำมาจำหน่ายที่ตลาดเจดีย์ อ.พระสมุทรเจดีย์ มีผู้สัมผัสทั้งหมด 8 ราย, รายที่ 6 เป็นชายอายุ 57 ปี เป็นพ่อค้าขายกุ้งอยู่ที่ตลาดทะเลไทยและรับกุ้งนำส่งเข้าโรงงาน มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 3 ราย, รายที่ 7 เป็นหญิงอายุ 55 ปี มีประวัติไปตลาดทะเลไทย, รายที่ 8 เป็นหญิง 23 ปี ซึ่งรับจ้างซื้อของที่ตลาดทะเลไทย และรายที่ 9 เป็นชายอายุ 36 ปี จำหน่ายอาหารทะเลตลาดกลางกุ้ง มหาชัย
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าฯ ปทุมธานี พร้อมคณะ ได้เรียกตรวจแรงงานต่างด้าว 30 คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง พร้อมให้ตลาดสี่มุมเมืองและแผงค้าอาหารทะเลตรวจสอบด้วย
ส่วนที่ จ.เพชรบูรณ์ หลังมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งรายหนึ่งได้เดินทางมาจาก จ.สมุทรสาคร เพื่อมาใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.ที่ ต.ห้วยโป่ง อ.หนองไผ่นั้น หลังการตรวจเชื้อพบว่าเป็นโควิดทั้งนางสมดี แก้วมีสี อายุ 68 ปี ซึ่งมีอาชีพขับรถไปซื้อของทะเล ที่ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร เพื่อนำมาตระเวนจำหน่าย และนายพโยง คำก่อ อายุ 64 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็นคนรับจ้างขับรถให้นางสมดี
ส่วนนายเชาวลิตร แสงอุทัย ผู้ว่าฯ กำแพงเพชร พร้อมคณะได้ข่าวพบผู้ป่วยโควิด-19 เพศชาย จำนวน 2 ราย แต่ไม่มีอาการในพื้นที่ อ.ขาณุวรลักษบุรี และ อ.คลองขลุง โดยมีประวัติเดินทางไปตลาดอาหารทะเลสมุทรสาคร และขณะนี้ได้เข้ารับการรักษาใน รพ.แล้ว โดยผู้ติดเชื้อรายที่ 1 เป็นชาย อายุ 43 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ขาณุวรลักษบุรี มีอาชีพขายอาหารทะเล ได้เดินทางไปซื้ออาหารทะเลตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร ในลักษณะไป-กลับ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 6 ราย ตรวจไม่พบเชื้อ 3 ราย รอผลการตรวจ 3 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 3 ราย ส่วนรายที่ 2 เพศชาย อายุ 43 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.คลองขลุง มีอาชีพขับรถส่งอาหารทะเลตลาดแม่กลอง-ตลาดทะเลไทย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 ราย ตรวจไม่พบเชื้อทั้ง 2 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 3 ราย
ด้านโรงเรียนขาณุวิทยาได้ประกาศปิดการเรียนการสอนเป็นการชั่วคราวระหว่างวันที่ 23-27 ธ.ค.นี้ เพื่อทำความสะอาดพื้นที่ เนื่องจากพบว่ามีบุคคลในครอบครัวของบุคลากรมีความใกล้ชิดกับบุคคลที่เดินทางไปสถานที่ที่มีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ส่วน รร.เครือขจรเกียรติ ได้ออกประกาศฉบับที่ 1 เรื่องผู้ปกครองนักเรียน 1 ท่าน มีผลทดสอบโควิดเป็นบวก โดยระบุว่าได้รับการประสานงาน จาก สสจ.ภูเก็ตว่ามีผู้ปกครองนักเรียนระดับอนุบาลของโรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา 1 ท่านมีผลทดสอบโควิดเป็นบวก และกำลังรอผลตรวจยืนยันรอบที่ 2 จึงขอประกาศปิดทำการเรียนการสอนโรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา ตั้งแต่วันที่ 23-24 ธ.ค.
ทั้งนี้ ในหลายจังหวัดก็ตื่นตัวในการคุมเข้มโควิด โดยที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดกระบี่ พ.ต.ท.มล.กิติบดี ประวิตร ผู้ว่าฯ กระบี่ ได้เรียกประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคโควิด-19 เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้มีปฏิบัติการเชิงรุกในลงพื้นที่ตรวจสถานประกอบการและแรงงานต่างด้าว
ด้านนางวราภรณ์ วรพงศธร ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรค ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งทั้ง 3 แห่งอย่างเข้มงวด เน้นย้ำพนักงานขับรถและผู้โดยสารทุกคน ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา รวมทั้งจุดให้บริการของสำนักงานทุกสาขาให้ยกระดับไปด้วย
นพ.พัลลภ ยอดศิรจินดา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยนาทกล่าวถึงผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดสมุทรสาคร เข้ามาใน จ.ชัยนาทว่าตรวจสอบพบ 29 ราย โดยได้คัดกรองและแยกกักทุกรายเป็นเวลา 14 วัน รวมทั้งได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้ว ผลการตรวจเป็นลบทุกราย ไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังโรค เช่นเดียวกับที่ จ.อำนาจเจริญ ก็พบผู้เดินทางกลับจาก จ.สมุทรสาคร 9 คน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินตามมาตรการและรอผลการตรวจสอบ
นครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา ได้เรียกประชุมด่วนคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมออกตรวจติดตามในจุดเสี่ยงทุกแห่ง และวางมาตรการการจัดกิจกรรมเทศกาลปีใหม่ ขณะที่นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้มีนโยบายให้เลื่อนหรืองดการจัดงานคอนเสิร์ตที่มีประชาชนมาร่วมชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก และให้เลื่อนการจัดงานปีใหม่หรือเคาต์ดาวน์ของหน่วยงานราชการไปก่อน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 3 ม.ค. หรือจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |