22 ธ.ค.63 - นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ในขณะนี้ว่า กรมราชทัณฑ์ได้สั่งล็อกดาวน์เรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานกักกัน จำนวน 13 แห่งในพื้นที่เขต 7 และพื้นที่ใกล้เคียงและพื้นที่เสี่ยงแล้ว ได้แก่ 1. เรือนจำกลางนครปฐม 2. เรือนจำกลางเขาบิน 3. เรือนจำกลางราชบุรี 4. เรือนจำกลางสมุทรสงคราม 5. เรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี 6.เรือนจำกลางเพชรบุรี 7.เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี
8.เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร 9.เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ 10.เรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 11.สถานกักกันนครปฐม 12.เรือนจำพิเศษธนบุรี และ 13.ทัณฑสถานหญิงธนบุรี ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ได้เชิญคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล มาดำเนินการตรวจผู้ต้องขังแรกรับทั้งหมด รวมทั้งผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงและเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร โดยขณะนี้กำลังรอผลการตรวจอยู่ ส่วนในพื้นที่อื่นๆ ได้ประสานกับโรงพยาบาลในพื้นที่เพื่อการตรวจคัดกรองเพิ่มเติมต่อไป
ส่วนในเรือนจำและทัณฑสถานอื่นๆ ในเขตจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้อำนวยการและผู้บัญชาการเรือนจำและทัณฑสถาน ที่จะดำเนินการล็อกดาวน์ได้ทันที พร้อมทั้งให้ปฏิบัติ 6มาตรการ คือ 1.การแยกกักกันโรคผู้ต้องขังรับใหม่และรับย้ายอย่างน้อย 14 วัน และต้องปฏิบัติตามกระบวนการแยกกักกันโรคที่ถูกต้องอย่างเข้มงวด 2.งดการเยี่ยมญาติช่องทางปกติและให้มีการเยี่ยมญาติทางไลน์ทดแทน 3.มาตรการคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า ด้วยการงดนำผู้ต้องขังออกทำงานภายนอกเรือนจำ และงดการนำบุคคลภายนอกเข้าเรือนจำ ยกเว้นในกรณีมีเหตุจำเป็น 4.สร้างความเข้าใจให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้ต้องขังและญาติ ตลอดจนจัดให้มีกิจกรรมผ่อนคลายความเครียดในระหว่างการงดเยี่ยมญาติ 5.กำชับเจ้าหน้าที่ ผู้ต้องขังและญาติ ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา การเว้นระยะห่างทางสังคม และ 6.งดการจัดกิจกรรมที่ต้องนำผู้ต้องขังมารวมกันมากๆ และจัดหาหน้ากากอนามัยให้ผู้ต้องขังทุกคนอย่างน้อยคนละ 2 ชิ้น
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ส่วนเรือนจำและทัณฑสถานในพื้นที่อื่นๆ ที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น ให้เรือนจำและทัณฑสถานแต่ละแห่งติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อาทิ การแยกกักกันโรคในผู้ต้องขังเข้าใหม่และรับย้ายอย่างน้อย 14 วัน การเปิดลงทะเบียนเยี่ยมญาติล่วงหน้า การเยี่ยมญาติแบบเว้นระยะห่างตามวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) การเยี่ยมญาติผ่านไลน์ทดแทนการเยี่ยมแบบปกติ การตรวจคัดกรองเจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกที่จะเข้าในเขตพื้นที่เรือนจำและทัณฑสถานอย่างเข้มงวด พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคนมีวินัยในการป้องกันตัวเอง ไม่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง โดยหากเจ้าหน้าที่และครอบครัวเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงให้ดำเนินการกักตัวอย่างน้อย 14 วัน
ส่วนการปล่อยตัวผู้ต้องขัง การพักโทษ และการอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวนั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ยังคงดำเนินการตามเดิม เพราะในเรือนจำและทัณฑสถานขณะนี้ยังไม่มีการแพร่ระบาด จึงยังไม่กระทบกับเรื่องนี้ ดังนั้น ขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์ และเข้าใจถึงความจำเป็นในการปิดเรือนจำและทัณฑสถาน เพื่อป้องกันผลเสีย หากเชื้อหลุดรอดเข้าไปยังเรือนจำและทัณฑสถานในครั้งนี้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |