ผู้ร่วมพิธีลงนามร่วมถ่ายรูปกับนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. (เสื้อเหลือง)
กระทรวง พม./ กระทรวงมหาดไทยจับมือกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยหน่วยงานในสังกัดร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือสนับสนุนระบบไฟฟ้า น้ำประปา ในพื้นที่โครงการบ้านมั่นคง นำร่องกรณีเร่งด่วน 10 ชุมชน เป้าหมายเพื่อบูรณาการวางแผนและสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ด้านสาธารณูปโภค เพื่อให้ชุมชนผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ช่วยลดค่าใช้จ่าย และตอบสนองนโยบายรัฐบาลตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปีที่ต้องการให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ขณะที่ พอช.เสนอแผน 3 ปีขอรับการสนับสนุนติดตั้งระบบไฟฟ้าและน้ำประปาในโครงการบ้านมั่นคงทั่วประเทศ รวม 43 จังหวัด จำนวน 99 โครงการ
วันนี้ (22 ธันวาคม) ระหว่างเวลา 14.30-15.00 น. ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ “บูรณาการวางแผนและสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ ด้านระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำประปา ในพื้นที่โครงการบ้านมั่นคง” ระหว่างกระทรวงมหาดไทย คือ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค กับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) โดยมีนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานสักขีพยาน มีผู้แทนเครือข่ายบ้านมั่นคง สลัมสี่ภาค ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) และมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัยเข้าร่วมงานประมาณ 70 คน
การลงนามบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ สืบเนื่องจากการที่ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) มีข้อเสนอต่อรัฐบาล ให้มีนโยบายการติดตั้งระบบสาธารณูปโภคส่วนต่อขยายระบบน้ำประปา ไฟฟ้า ภายใต้โครงการของรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เนื่องจากค่าติดตั้งระบบประปา ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายสูง สมาชิกบ้านมั่นคงเป็นผู้มีรายได้น้อย โดยมีการหารือและดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และผู้แทนของ ขปส. ซึ่งมีการกำหนดแนวทางการดำเนินงานเป็น 2 ระยะ คือ
1.ระยะเร่งด่วน ดำเนินการสนับสนุนการจัดระบบสาธารณูปโภคน้ำประปา และไฟฟ้า กรณีเร่งด่วน 10 ชุมชน
ปัจจุบันดำเนินการเสร็จแล้ว 7 ชุมชน เช่น ชุมชนมีสุข ต.แพรกษา จ.สมุทรปราการ (75 ครัวเรือน) ชุมชนทรัพย์มีสุข ต.แพรกษา จ.สมุทรปราการ (105 ครัวเรือน) ชุมชนแสงตะวัน ต.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ (60 ครัวเรือน) ชุมชนโรงช้าง เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ (37 ครัวเรือน) ชุมชนเมืองใหม่มาลัยทอง เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ (168 ครัวเรือน) และสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงธนภูมิเมืองนครศรีธรรมราช จำกัด ต.ท่าซัก จ.นครศรีธรรมราช (48 ครัวเรือน)
พิธีลงนามระหว่าง 5 หน่วยงาน โดยมีนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม.เป็นประธานสักขีพยาน
2.ระยะยาว จัดทำบันทึกความร่วมมือ บูรณาการความร่วมมือในการพัฒนาที่อยู่อาศัยด้านระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำประปา เพื่อวางแผนการดำเนินการติดตั้งระบบไฟฟ้าและประปาภายในโครงการบ้านมั่นคง ซึ่งการบูรณาการความร่วมมือดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชนผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี อันจะส่งผลต่อการลดภาระค่าใช้จ่ายของชุมชน และตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) ที่ต้องการให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ส่วนเป้าหมายในการลงนามครั้งนี้เพื่อ 1.บูรณาการแผนงาน และประสานความร่วมมือในการร่วมดำเนินการพัฒนาพื้นที่ด้านระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำประปา ในพื้นที่โครงการบ้านมั่นคง (มีทั้งการปรับปรุงที่อยู่อาศัยในที่ดินเดิม และการรื้อย้ายสร้างที่อยู่อาศัยบนที่ดินใหม่) ตามนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจนลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม และการสร้างโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการและบริการของรัฐ
2. เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้มีรายได้น้อยภายใต้โครงการบ้านมั่นคงให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย และมีระบบสาธารณูปโภคที่เหมาะสม
ส่วนขอบเขตความร่วมมือมีดังนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ร่วมจัดทำแผนงานขยายเขตไฟฟ้า และประปาในพื้นที่โครงการบ้านมั่นคง พร้อมทั้งสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการให้กับครัวเรือนที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านมั่นคง โดยเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค สนับสนุนกระบวนการดำเนินงานตามระเบียบหลักเกณฑ์ของหน่วยงานร่วมกับองค์กรชุมชนในพื้นที่โครงการบ้านมั่นคง เพื่อการติดตั้งขยายเขตน้ำประปาให้สำเร็จลุล่วง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานหลักในการประสานการจัดการ การขออนุญาตเรื่องที่ดิน และการรวบรวมข้อมูลพื้นที่ชุมชนภายใต้โครงการบ้านมั่นคงในการขอขยายเขตไฟฟ้าและน้ำประปา พร้อมจัดทำแผนระยะ 3 ปี และแผนรายปี ระบุพื้นที่กลุ่มเป้าหมายเสนอการไฟฟ้าและการประปา โดยเชื่อมโยงกับองค์กรชุมชน และประสานการทำงานระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บ้านมั่นคงในพื้นที่ชนบทที่ระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำประปายังเข้าไม่ถึง
ทั้งนี้การลงนามบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ มีผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ ร่วมลงนาม ดังนี้ นายวิลาศ เฉลยสัตย์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง นายพงศกร ยุทธโกวิท ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นายสมบูรณ์ สุนันทพงศ์ศักดิ์ รองผู้ว่าการการประปานครหลวง นายกฤษฎา ศังขมณี รองผู้ว่าการ (วิชาการ) รักษาการแทนผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค และนายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)
นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะประธานสักขีพยานการลงนาม กล่าวว่า การลงนามในวันนี้ต้องขอขอบพระคุณนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย การไฟฟ้าและการประปา สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ และพี่น้องภาคประชาชนที่ร่วมกันอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในโครงการบ้านมั่นคง
“การลงนามในวันนี้เป็นการทำตามนโยบายของรัฐบาล คือ ประชาชนเป็นใหญ่ เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือ ความจริงใจ และความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ซึ่งกว่าจะสำเร็จได้ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ การประสานงานถึง 3 ปีจึงจะลงนามความร่วมมือนี้ได้” นายจุติกล่าว
นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผอ.พอช.
นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ ‘พอช’ กล่าวว่า พอช. ได้จัดทำแผนระยะ 3 ปี (พ.ศ.2563-2565) เพื่อนำเสนอการไฟฟ้าและการประปาในการสนับสนุนการติดตั้งระบบไฟฟ้าและน้ำประปาในโครงการบ้านมั่นคงทั่วประเทศ รวม 43 จังหวัด จำนวน 99 โครงการ มีประชาชนได้รับประโยชน์ ลดภาระค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบสายส่ง-เสาไฟฟ้า และระบบจ่ายน้ำประปาในชุมชน รวม 11,810 ครัวเรือน
“โครงการบ้านมั่นคง พอช.เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2546 โดย พอช.สนับสนุนให้ชุมชนที่เดือดร้อน มีความไม่มั่นคงในที่ดินและที่อยู่อาศัยรวมกลุ่มกันแก้ไขปัญหา เช่น อยู่ในที่ดินเช่า หรือบุกรุก โดยชุมชนเป็นแกนหลัก พอช.และหน่วยงานภาคีช่วยสนับสนุน มีการแก้ไขปัญหาหลายรูปแบบ เช่น เช่าที่ดินอย่างถูกต้อง ปรับปรุง-สร้างบ้านใหม่ในชุมชนเดิม หรือจัดหาที่ดินเพื่อสร้างบ้านใหม่ โดยชาวชุมชนจะต้องจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการสร้างบ้าน และจดทะเบียนเป็นสหกรณ์เคหสถานเพื่อบริหารจัดการโครงการ ส่วน พอช.จะมีบทบาทเป็นที่ปรึกษา สนับสนุนงบประมาณบางส่วน และให้สินเชื่อเพื่อก่อสร้างบ้าน ปัจจุบัน พอช. สนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนที่มีรายได้น้อยไปแล้วประมาณ 249,000 ครัวเรือน ในกว่า 3,000 ชุมชนเมืองและชนบททั่วประเทศ” นายสมชาติกล่าวในตอนท้าย
โครงการบ้านมั่นคงในภูมิภาคต่างๆ ที่ พอช.ให้การสนับสนุน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |