22 ธ.ค.63-  เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มณฑลทหารบกที่ 35 โดยโรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก นำกำลังพลพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ ร่วมกับ นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ และโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัส COVID-19 โดยการเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกด้านหลัง เพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์โดยการตรวจหาสารพันธุกรรม (RT-PCR) แบบเชิงรุกการค้นหา Active Case Finding ให้กับประชาชนจำนวน 200 ราย ซึ่งได้ใกล้ชิด และสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัส COVID-19 จากเหตุการณ์การติดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่จังหวัดสมุทรสาคร ณ ตำบลคุ้งตะเภา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์

ตามที่ห้องปฏิบัติการไบโอโมเลกุลลาร์ แผนกพยาธิวิทยา โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก เป็น 1 ใน 2 โรงพยาบาลกองทัพบก ที่ได้รับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก สนับสนุนการให้บริการทางสาธารณสุขอย่างเต็มขีดความสามารถ และค้นหาผู้ติดเชื้อรายใหม่ ตามนโยบายของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 COVID-19 ประเทศไทยต้องเป็นศูนย์ เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน

ด้านนายผล  ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า  ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์พบผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 แล้ว 1 ราย เป็นหญิงไทยอายุ 48 ปี มีอาชีพขายอาหารทะเลสด ที่ตลาดป่าขนุน ม.3 ต.คุ้งตะเภา อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์  โดยผู้ป่วยเดินทางไปซื้ออาหารทะเลที่ตลาดมหาชัย ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ในช่วงวันที่ 3 , 10 , 17 ธันวาคม 2563 และในวันที่ 19 ธันวาคม 2563 ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้ ตัวร้อน แต่ยังหายใจปกติ จึงเข้ารับการตรวจโควิด-19 ที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ในวันที่ 20 ธันวาคม 2563 พบสารพันธุกรรมของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) นอกจากนี้ได้สั่งให้เลื่อนกิจกรรม ประเพณี เทศกาล ต่างๆออกไปอย่างไม่มีกำหนดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

ทั้งนี้   จากการดำเนินการค้นหาผู้สัมผัสโรคทั้งหมด พบผู้สัมผัสใกล้ชิด 24 ราย ซึ่งต้องส่งตรวจหาเชื้อ โควิด-19 ส่วนผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยที่ตลาดห้าแยกป่าขนุน เบื้องต้นอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนโรคในพื้นที่ จำนวน 150 ราย จึงขอให้ผู้ค้าและประชาชนที่ไปใช้บริการสัมผัสผู้ป่วยรายงานตัว ที่เบอร์โทรสายด่วน 095 3092692 เพื่อตรวจหาเชื้อตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวดต่อไป.