8 พ.ค.61 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมครม.สัญจร ว่า ทุกเรื่องจะต้องเข้าสู่ที่ประชุมและเป็นมติของ ครม. ว่าจะอนุมัติหรือไม่ ไม่ใช่ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อการเมือง หรือเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง แม้จะมีแผนงานแล้วก็ตาม แต่ก็อยากเห็นด้วยตาตัวเอง เพราะกลัวข้อมูลจะไม่เพียงพอและในแต่ละพื้นที่ก็ไม่สามารถใช้มาตรฐานเดียวกันได้จึงขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้มาเพื่อการเมือง การเมืองคือการทำเศรษฐกิจ สร้างสภาวะแวดล้อมให้มั่นคงปลอดภัย
"การเดินทางมาประชุม ครม. ในครั้งนี้ไม่ใช่ลงมาเพื่ออนุมัติงบประมาณ 10,000-20,000 ล้าน อย่างที่มีการกล่าวอ้าง ขอให้ทุกคนได้ใช้สติปัญญา ใคร่ครวญด้วยไม่ใช่อะไรก็การเมืองทั้งหมด เพียงแต่ช่วงนี้เป็นการเดินหน้า สู่เรื่องของการเลือกตั้ง หลายคนจึงมองว่าเป็นงานการเมือง การที่รัฐบาลเดินทางมานี้ มุ่งหวังจะไปให้ครบทุกจังหวัด แม้จะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็เลือกไปให้ครบทุกกลุ่มจังหวัดก่อน ยืนยันว่ารัฐบาลต้องการไปทุกจังหวัดเพื่อรับฟังความต้องการของประชาชนโดยตรง"
พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับว่า การมาบุรีรัมย์ครั้งนี้ มันก็เป็นประเด็นทางการเมือง ว่ามาพบกับคนนั้นคนนี้ ยืนยันว่าการที่ตนจะไปพบใครที่ไหนอย่างไร หรือจะพูดจากับประชาชนในสถานที่แห่งไหน ทางจังหวัดและเจ้าหน้าที่เป็นผู้เตรียมการทั้งหมด ตนไม่ได้สั่งการว่าจะเป็นที่นี่ที่นั่น เจ้าหน้าที่เขาจะต้องดูว่าความพร้อมมีที่ไหน ก็จะเชิญไปที่นั่น
"ผมพร้อมจะพบกับคนทุกที่ และผมไม่ได้พบกับใครเป็นการส่วนตัว ไม่ได้พบใครในที่รโหฐาน ทุกคนสามารถถ่ายรูปได้มากมายก็จะเห็นว่าผมไม่ได้ไปแอบพบ แอบคุยกับใคร และไม่มีการคุยเรื่องการเมืองใดๆทั้งสิ้น ผมถือว่าวันนี้เราต้องหาความร่วมมือ ในเรื่องการปฏิรูปประเทศ ในการทำงานเพื่อประชาชนในอนาคตให้ได้โดยเร็ว ทำความเข้าใจในเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติ ความมั่นคง การสนับสนุนมาตรการในการแข่งขัน รวมทั้งการพัฒนาในด้านต่างๆ เรื่องเหล่านี้เรีาต้องมีหลักการในการทำงาน และถึงผมมาแล้วไม่มีใครรับ ผมก็มา ที่ไหนไม่มีคนมารับผมสักคน หรือมีเพียงคนเดียว ผมก็มา เพราะผมมาเพื่อที่จะพัฒนาเขา แต่เมื่อเขามาตอนรับก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของประชาชนในพื้นที่ให้เกียรติกับผมก็โอเค แต่ผมไม่ต้องการแลกเปลี่ยนอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของรัฐบาลไม่ใช่ความดีความชอบของคนเพียงคนเดียว"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า การมาครั้งนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมือง ที่เดินทางไปสนามช้างอารีน่า ก็เพราะเขาเตรียมการต้อนรับในพื้นที่ตรงนั้น ถ้าเขาจัดต้อนรับที่ริมแม่น้ำ รับในป่า ตนก็พร้อมไป จะไปบังคับใครได้ ในเมื่อประชาชนเขาอยากมาก็เป็นเรื่องที่เขาอยากจะพบกับตน ก็ต้องไปเจอเขา อย่าไปพูดจาให้เกิดความเสียหาย
ส่วนเรื่องการขับขี่จักรยานยนต์ในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต นั้น จำเป็นต้องไปดู และตนก็ขี่เป็นอยู่บ้างก็เลยลองดู อย่างไรก็ตามการที่จะทำอะไรก็ตามถ้าเราได้เรียนรู้ด้วยตนเองจะรู้ถึงความยากง่าย ตนไม่ได้เก่งไปกว่าใคร ก็เสี่ยงอยู่เหมือนกัน ถ้าล้มคว่ำคะมำหงาย ก็อายคนเขาเหมือนกัน แต่บังเอิญว่าเคยขี่มาตั้งแต่เด็ก ด้วยความเร็วไม่ได้มากนัก 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็รู้ตัวของตัวเอง แต่ทั้งหมดก็ทำให้รู้ว่า เด็กเหล่านี้มีความพยายาม ในการขี่จักรยานยนต์แข่งที่ต้องใช้ความเร็วสูงถึง 200-300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ใช่เรื่องง่ายมีความเสี่ยง ขณะหลวงพ่อคูณนั่งรถแค่ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ลงไปแล้ว ดังนั้นต่อให้ห้อยหลวงพ่อคูณก็เอาไม่อยู่ ทั้งหมดอยู่ที่ตัวของเราเอง อยู่ที่ความเชื่อมั่น
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |