หญิงวัย 67 ปี ข้าราชการบำนาญป่วยเป็นอัมพฤกษ์ นอนหนาวตายในบ้านเช่าหลังอุณหภูมิลดลงฮวบฮาบ อุตุฯ เผยอากาศจะเย็นลงอีก กทม.ลดเหลือ 17 องศา ขณะที่ภาคใต้ฝนยังตกไม่หยุด กว่า 50 ครัวเรือนที่หนองจิกจมน้ำกว่าเมตรนานหลายวัน ครวญไร้หน่วยงานเหลียวแล  
    เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 21 ธันวาคมนี้ ร.ต.อ.นธี ศิริทอง รองสารวัตรสอบสวน สภ.ไชโย ได้รับแจ้งพบหญิงนอนเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 63-65 หมู่ที่ 1 ต.จระเข้ร้อง อ.ไชโย จ.อ่างทอง จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์ พยาบาล รพ.ไชโย และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยจังหวัดอ่างทอง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเช่าชั้นเดียวสภาพเก่าปลูกติดกัน ภายในบ้านพบนางรุจี จงไพบูลย์ อายุ 67 ปี นอนอยู่ข้างเตียงในชุดสวมเสื้อกันหนาวแขนยาวสีขาว กางกางสามส่วนสีดำ ไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย  
    นางสาวณัฐพัชร์ ปานเกษม อายุ 59 ปี ให้การว่า ตนเองเป็น อสม.จิตอาสา รับผิดชอบดูแลนางรุจีซึ่งเป็นอดีตข้าราชการหน่วยงานแห่งหนึ่งของจังหวัดอ่างทอง หลังจากเกษียณอายุราชการได้มาเช่าบ้านหลังนี้อยู่เพียงลำพัง ไม่มีญาติพี่น้อง เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นางรุจีได้ล้มป่วยด้วยโรคประจำตัวหลายโรคจนกลายเป็นอัมพฤกษ์ ตนเองพยายามตามหาญาติทุกวิถีทาง แต่ก็ติดต่อไม่ได้ จึงเกิดความสงสารคอยดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำ ทำความสะอาดมาโดยตลอด โดยเมื่อเช้าที่ผ่านมาได้ให้ลูกสาวมาส่งเพื่อที่จะป้อนข้าวทำความสะอาดตามปกติ ก็พบว่านางรุจีนอนเสียชีวิตตัวแข็งอยู่ข้างเตียง  
    ด้านนายโสภณ กุลรุ่งโรจน์ กำนันตำบลไชโย กล่าวว่า ช่วง 2 วันที่ผ่านมา ในพื้นที่มีอุณหภูมิลดลงกะทันหัน อยู่ๆ ก็มีลมหนาวและลมกระโชกแรง คาดว่าผู้เสียชีวิตที่ล้มป่วยอยู่คนเดียวไม่มีคนดูแลตลอดเวลา คงจะช็อกเพราะอุณหภูมิลดลง ประกอบกับบ้านเช่าที่อยู่มีสภาพเก่ามีช่องให้ลมหนาวเข้ามา ผู้เสียชีวิตคงจะพยายามขึ้นไปนอนบนเตียง แต่ไม่ไหว ก่อนที่จะขาดใจตายจากความหนาว 
    กรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายลักษณะอากาศรอบ 24 ชั่วโมงว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมถึงประเทศไทยตอนบนแล้ว ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส และมีอากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงด้วย
    สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่าง คลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 23 ธ.ค.63
    พยากรณ์อากาศตั้งแต่เวลา 12.00 น. วันที่ 21 ธ.ค.ถึง 12.00 วันที่ 22 ธ.ค.นี้ ภาคเหนืออากาศหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 2-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 
    ภาคกลาง อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-17 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 
    ภาคตะวันออก อากาศเย็น กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร 
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ตอนบนของภาค: อากาศเย็น กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาค: มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร 
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร 
    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. 
    กรมอุตุนิยมวิทยายังได้ประกาศเตือนเรื่อง "พายุดีเปรสชัน “กรอวาญ” (พายุระดับ 2)" ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ว่า เมื่อเวลา 16.00 น.ของวันนี้ (21 ธ.ค.63) พายุดีเปรสชัน (พายุระดับ2) “กรอวาญ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว คาดว่าจะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณอ่าวไทยในช่วงวันที่ 23-24 ธ.ค.63 ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
    อนึ่ง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 23 ธ.ค.63
    ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ปัตตานี ว่า ชาวบ้านกว่า 50 หลังคาเรือนในพื้นที่หมู่ 1 บ้านโคกยาร่วง ต.ลิปะสะโง อ.หนองจิก ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมเป็นเวลา 3 วัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปัตตานีเอ่อล้นตะลิ่ง ประกอบน้ำเหนือจาก จ.ยะลาจำนวนมากไหลบ่าลงมาสมทบจึงทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มติดแม่น้ำปัตตานีจมอยู่ใต้น้ำระดับน้ำอยู่ที่ 1 เมตร บางพื้นที่สูงเกือบ 1.5 เมตร และยังมีท่าทีว่าจะสูงขึ้นอีก ทำให้บ้านเรือนกว่า 40 หลังคาเรือน ถนนทางเข้าหมู่บ้านจมอยู่ใต้จมและไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ชาวบ้านจึงต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทางเข้าออก พื้นที่การเกษตรทั้งหมดเสียหาย การใช้ชีวิตมีความลำบากเนื่องจากยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดูแลและช่วยเหลือ 
    นายอาแซ ยูนูแม เปิดเผยว่า น้ำได้ท่วม 3-4 วันแล้ว ซึ่งปกติจะท่วมทุกปี สาเหตุคือหมู่บ้านอยู่ใกล้กับริมแม่น้ำ แต่จะท่วมมากหรือน้อยแค่นั้น แต่ปีนี้ท่วมเยอะมาก ระดับน้ำสูงประมาน 1 เมตร ชาวบ้านต้องสัญจรไปมาโดยเรือเท่านั้น ซึ่งลำบากมาก ตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือเลย พื้นที่การเกษตรก็จมน้ำหมด เด็กๆ ที่จะไปโรงเรียนต้องนั่งเรือออกไปนอกหมู่บ้าน อยากจะฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือประชาชนด้วย.