21 ธ.ค. 2563 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2563 ว่า กบง. ได้เห็นชอบการต่ออายุมาตรการดูแลราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) โดยยังคงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 14.3758 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) หรือราคาขายปลีกอยู่ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม(กก.) ออกไปอีก 3 เดือนหรือมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 31 มี.ค. 2564 เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อการดำรงชีพและภาระค่าครองชีพจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

"มาตรการดังกล่าวเดิมได้มีการต่ออายุแล้วหนึ่งครั้งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.และจะสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2563 นี้ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าปัญหาโควิด-19 ยังคงมีอยู่เพื่อไม่ให้ภาระเกิดขึ้นกับประชาชนจึงได้ขยายมาตรการต่ออีก 3 เดือน อย่างไรก็ตามการบริหารจัดการเรื่องงบประมาณที่จะนำมาคงราคาดังกล่าวไว้ ได้มอบให้ทางคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.)ไปพิจารณา ซึ่งกบน.จะประชุมอีกครั้งในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ "นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า นอกเหนือจากการดูแลราคาแอลพีจีเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนแล้วทางกระทรวงพลังงานยังได้เตรียมมาตรการเพื่อมอบเป็นของขวัญปี 2564 ที่สำคัญได้แก่ การรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ที่จะมีการปรับเกณฑ์และเงื่อนไขที่จะเอื้อให้ประชาชนเข้าถึงมากขึ้นโดยรายละเอียดทั้งหมดจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันที่ 25 ธ.ค.นี้

"ขณะนี้โรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากที่จะนำร่องรับซื้อ 150 เมกะวัตต์ในช่วงต้นปี 2564 กบง.ได้พิจารณาแล้วและรอให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ประกาศหลักเกณฑ์เงื่อนไขการรับซื้อต่อไป ส่วนการตรึงราคาแอลพีจีนั้นทางกบน.จะต้องไปพิจารณาในเรื่องของเงินในการดูแลซึ่งขณะนี้วงเงินกองทุนน้ำมันฯบัญชีแอลพีจีติดลบ 8,963 ล้านบาทแล้วซึ่งเดิมได้วางกรอบในการดูแลไว้ไม่เกิน 10,000 ล้านบาทโดยหากมีการตรึงต่ออีก 3 เดือนจะเกินวงเงินดังกล่าว"แหล่งข่าวกล่าว