กกต.ชี้สมุทรสาครเลือกตั้ง อบจ.ได้ตามปกติ แต่อดีตเด็ก พปชร.ชงเลือกตั้งใหม่ “จรุงวิทย์” เผยมีร้องเรียน 140 เรื่อง 8 จังหวัดฉีกบัตร โวน้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ผงะ! จับซื้อเสียงจะจะหลายหน่วย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ธ.ค.2563 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ​ได้จัดการลงคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) และเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) 76 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร โดยมีหน่วยลงคะแนนทั้ง 96,191 หน่วยเลือกตั้ง
    นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวถึงการเลือกตั้งใน จ.สุมทรสาคร ที่มีปัญหาโควิด-19 ระบาดว่า จะใช้มาตรการที่เข้มงวดเป็นพิเศษ แต่หากหน่วยเลือกตั้งใดที่ประสบปัญหา สามารถใช้ดุลยพินิจประกาศงดการเลือกตั้งได้ 
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งที่ จ.สมุทรสาคร ในช่วงเที่ยงก็เกิดปัญหาขึ้นที่หน่วยเลือกตั้งบริเวณตลาดกุ้ง ซึ่งมีการกั้นพื้นที่ด้วยลวดหนามหีบเพลงตลอดพื้นที่ และห้ามมีการเข้า-ออกจากมาตรการป้องกันโควิด แต่ภายหลังก็มีการเร่งแก้ไข ส่วนที่หน่วยเลือกตั้งที่ 3 ต.คลองมะเดื่อ ก็เกิดเหตุผู้มาใช้สิทธิ์ไปยอมสวมใส่แมสก์ ซึ่งได้มีการตักเตือนแล้ว จนในที่สุดต้องมีการแจ้งความการฝ่าฝืนดังกล่าว ส่วนนายสนธิญา สวัสดี อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ผู้สมัครนายก อบจ.สมุทรสาคร ได้ทำหนังสือยื่นต่อ กกต.ให้พิจารณาจัดการเลือกตั้งใหม่
    ขณะที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. แถลงหลังปิดหีบลงคะแนนเลือกตั้งถึงการร้องเรียนเรื่องทุจริตว่า มีทั้งสิ้น 140 เรื่อง โดยส่วนใหญ่อยู่ระหว่างตรวจสอบ เช่น จ.นครราชสีมา พบการสวมสิทธิ์ ส่วนผู้ที่ฉีกบัตรเลือกตั้งเบื้องต้นมี 8 กรณี โดยเกิดที่ จ.ปทุมธานี, พัทลุง, ราชบุรี, สงขลา, อุตรดิตถ์, บึงกาฬ, อุดรธานีและอุบลราชธานี ซึ่งมีบางจังหวัดคาดว่าเป็นการกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากเป็นการใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรกของผู้มีสิทธิเลือกตั้งอายุ 18 ปี ที่เข้าใจว่าเมื่อกาบัตรแล้วต้องฉีกส่วนที่กาไปหย่อนในหีบบัตร
“เรื่องร้องเรียน 140 เรื่อง ถือว่าไม่เยอะเมื่อเทียบกับการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งที่ผ่านมา แต่อาจมีจำนวนเพิ่มเติมในภายหลังได้”พ.ต.อ.จรุงวิทย์ระบุ
     สำหรับปัญหาทุจริตที่ จ.นครราชสีมานั้น เกิดขึ้นที่หน่วยเลือกตั้งที่ 23 เขตเลือกตั้งที่ 4 อาคารอเนกประสงค์โรงเรียนบ้านหลักร้อย ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งนายสุพัฒน์ กรัญญประสิทธิ์ อายุ 56 ปี และนางบุญยอด เหลี่ยมสูงเนิน อายุ 74 ปีได้ร้องเรียนว่าถูกสวมสิทธิ์ในการใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะมีผู้แอบอ้างมาใช้สิทธิ์ตั้งแต่ช่วงเช้า จึงได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและ กกต.ประจำจังหวัด
    ส่วนที่ จ.ขอนแก่น ได้จับกุมนางสำเนียง ทุมพา อายุ 41 ปี พร้อมพวกอีก 2 คนที่หน่วยเลือกตั้ง อ.บ้านไผ่ เขต 1 ม.8 ต.เมืองเพีย อ.บ้านไผ่ ขณะเดินแจกเงินซื้อเสียง พร้อมของกลางคือ เงิน 200 บาท แนบกับบัตรหาเสียงของผู้สมัคร ส.อบจ.รายหนึ่ง
ขณะเดียวกันที่ จ.กาญจนบุรี ก็มีการจับกุม ร.ต.ปัญญกร ภู่ระหงษ์ อายุ 61 ปี ซึ่งกำลังขี่จักรยานยนต์ตระเวนเข้าพูดคุยกับผู้พักอาศัยในหมู่บ้านต่างๆ พร้อมแจกเงิน 500 บาทให้ผู้เลือกตั้ง โดย ร.ต.ปัญญากรยอมรับว่าได้รับการจ้างวานจากรุ่นพี่ที่เคยเป็นทหารด้วยกัน โดยจะได้ค่าแจกคนละ 50 บาท  
    นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าฯ กาญจนบุรี กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ร้องเรียนเรื่องเจ้าหน้าที่ของรัฐวางตัวไม่เป็นกลาง จำนวน 4 ราย ว่าอยู่ระหว่างการสอบสวน ส่วนนายขวัญเพชร ถนอมนาม ผอ.กกต.ประจำจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวถึงเรื่องร้องเรียนว่ามี 5 เรื่อง เป็นเรื่องของการให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือ ประโยชน์อื่นใด ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวนไต่สวนข้อเท็จจริง
    จ.ตรัง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ ทะเบียน กค 6402 ตรัง สีบรอนซ์ทอง ตามที่พลเมืองดีแจ้งข่าว  ภายในพบนายทวี (สงวนนามสกุล) พบเงินจำนวน 23,700 บาท และเงินสดอีกจำนวนหนึ่งยังอยู่ภายในซองปิดผนึก พร้อมทั้งบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนหลายราย   
    มีรายงานใน จ.อำนาจเจริญ แจ้งว่ามีการแจกเงินซื้อเสียงมากมาย คือแจกหลายรอบ รอบละ 200-300 บาท ยิ่งคืนหมาหอนในวันที่ 19 ธ.ค. แจกกันหนัก แม้กระทั่งในวันที่ 20 ธ.ค. ยังมีการแจกเงินหน้าหน่วยเลือกตั้งหัวละ 300 บาท คาดว่าจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 40-50 ล้านบาท 
    เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร อ.เขมราฐ ต.หนองผือ จ.อุบลราชธานี ได้ควบคุมตัวคนใบ้ วัย 55 ปี ส่งพนักงานสอบสวนหลังขยำบัตรเลือกตั้งนายก อบจ.ลงพื้น ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 2 เขตเลือกตั้งที่ 1 
    ที่ จ.พิษณุโลก หลังปิดหีบเป็นไปอย่างเรียบร้อย ยกเว้นหน่วยเลือกตั้งที่ 6 อาคารอเนกประสงค์บ้านห้วยทรายเหนือ เขตเลือกตั้งที่ 3 หมู่ที่ 6 ต.ห้วยเฮี้ย อ.นครไทย ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 850 คน หลังปิดหีบมีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวน 1 คน คือตำรวจประจำหน่วย ส่วนชาวบ้านซึ่งเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้งทั้งหมด 849 คน ไม่มาใช้สิทธิ์ เลือกตั้งครั้งนี้แต่อย่างใด โดยชาวบ้านให้เหตุว่าเคยของบประมาณมาทำถนนภายในหมู่บ้านก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือเท่าที่ควร จึงอยากให้ อบจ.รับทราบบ้าง.