รุมค้านออกหวยรัฐรูปแบบใหม่ปีหน้า นักวิชาการเรียกร้องศึกษาให้รอบคอบ หวั่นยิ่งมอมเมาประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน ผลสำรวจปี 62 พบเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ซื้อสลาก 4.7 แสนคน ชี้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ด้วยการทำงาน มิใช่การพนัน
มีรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกันจัดเสวนาหัวข้อ "การศึกษาผลกระทบทางสังคม : (เอสไอเอ) ไฟต์บังคับก่อนออกหวยตัวใหม่" กรณีสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเตรียมตัวปูพรมจัดการรับฟังความเห็นประชาชนเพื่อจะตัดสินใจออกผลิตภัณฑ์สลากรูปแบบใหม่ในปี 2564
นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า การศึกษาผลกระทบทางสังคมเป็นไฟต์บังคับที่ต้องทำตามมาตรา 7 (1) ของ พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาลแก้ไขเพิ่มเติมปี 2562 ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลที่การพนันหรือสิ่งอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมต้องให้เกิดยากๆ เพราะการออกผลิตภัณฑ์สลากรูปแบบใหม่ อาจส่งผลกระทบต่อสังคมได้ทั้งทางบวกและลบ การศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้านจะช่วยให้ป้องกันปัญหาได้ เพราะเมื่อเห็นแล้วว่าจะเกิดผลเสีย สำนักงานสลากก็สามารถจะปิดจุดอ่อนหรือปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินการไปหาทางเลือกอื่นที่เหมาะสมกว่าได้ และยังช่วยให้เห็นล่วงหน้าถึงความคุ้มค่าของการดำเนินการ อีกทั้งยังช่วยคลายความกังวลของสังคม ที่สำคัญคือก่อนจะจัดการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง สำนักงานสลากฯ ควรทำการศึกษาผลกระทบทางสังคมก่อน เพื่อนำรายงานผลการศึกษาเข้าสู่กระบวนการรับฟังความเห็น จะเป็นการทำงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งทราบว่าขณะนี้ได้มีการว่าจ้างสถาบันการศึกษามารับงานนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“จากการสุ่มสอบถามความเห็นประชาชน จำนวน 125 คน ถึงความกังวลหากมีการออกสลากรูปแบบใหม่ พบความกังวลอย่างน้อย 10 ข้อ คือ จะทำให้ประชาชนเล่นหวยกันมากขึ้นหรือไม่ จะล่อใจให้เด็กและเยาวชนสนใจอยากมาซื้อสลากฯ ด้วยไหม จะสนับสนุนให้การพนันทางออนไลน์ต่างๆ เติบโตมากขึ้น จะทำให้เกิดต้นทุนผลกระทบบางอย่างต่อสังคม เช่น หมกมุ่นจนไม่เป็นอันทำการทำงาน จะทำให้สลากกินแบ่งยังขายแพงอยู่เหมือนเดิม เพราะไม่ทำให้ยี่ปั๊วหายไป แต่จะปรับตัวเพื่อหาวิธีมาหาประโยชน์ได้เหมือนเดิม หรือจะทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ซื้อไม่ปลอดภัยจากการเข้าซื้อสลากทางออนไลน์ รวมทั้งจะทำให้หวยล็อกได้ง่ายขึ้นหรือมากขึ้น จะทำให้ผู้ค้าสลากรายย่อยต้องแข่งขันกันขายสลากด้วยการงัดสารพัดวิธีมาใช้กันมากขึ้น และจะทำให้ศิลปินดาราออกมาโพสต์ แชร์ ชวนให้ซื้อหวยกันมากขึ้น เป็นต้น"
นายธนากรกล่าวว่า จุดอ่อนที่ประชาชนเห็นว่าอาจทำให้เกิดปัญหามีอยู่ 5 เรื่อง คือ เรื่องการบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นจริง เรื่องการให้ความเข้าใจแก่ประชาชนไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความหวังต่อการถูกรางวัลมากเกินจริง รวมถึงการไร้ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีที่อาจทำให้ระบบล่ม ความไม่มีธรรมาภิบาลของการบริหารจัดการ และการที่รัฐบาลเห็นว่าการเล่นพนันสลากเป็นเรื่องปกติ จึงไม่ให้ความสำคัญกับผลกระทบที่จะตามมา
"ข้อเสนอทางเลือกแก่รัฐบาลก็คือ ค่อยๆ เดินทีละก้าว โดยเริ่มขายสลากดั้งเดิมผ่านระบบดิจิทัลก่อน ยังไม่ต้องออกผลิตภัณฑ์รูปแบบอื่น ขณะเดียวกันควรให้ข้อมูลแก่ผู้ซื้อสลากอย่างชัดแจ้งและสม่ำเสมอเกี่ยวกับโอกาสจะเป็นผู้ถูกรางวัล และสำนักงานสลากต้องเพิ่มความรับผิดชอบมากขึ้นในการที่จะไม่ทำให้ประชาชนหมกมุ่นกับการหวังรางวัลมากเกินไปจนทำให้เกิดปัญหา เหล่านี้คือตัวอย่างของความวิตกกังวลของประชาชนที่ทีมวิชาการที่จะไปทำการศึกษาผลกระทบทางสังคมจะต้องช่วยตอบเพื่อคลายความกังวลเหล่านี้ให้ได้” นายธนากรกล่าว
รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ตั้งคำถามต่อการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ว่า สำนักงานสลากฯ ต้องการแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาหรือต้องการหาเงินกันแน่ ปัจจุบันมีการพิมพ์สลากออกมาจำหน่ายถึงงวดละ 100 ล้านฉบับ ขณะที่จำนวนประชากรมีเพียง ๖๗ ล้านคน ทั้งยังเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้เข้ารัฐสูงสุดเป็นอันดับ 1 หากสำนักงานสลากฯ ต้องการหารายได้จริง สิ่งสำคัญคือต้องประเมินผลกระทบว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะสลากคือการพนันที่มีคนเสียพนันจำนวนมาก คนได้มีน้อย ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดีเช่นนี้ คนจำนวนไม่น้อยที่มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจก็จะแก้ปัญหาด้วยการเสี่ยงโชค แต่เศรษฐกิจต้องขับเคลื่อนด้วยการทำงาน คนหวังเสี่ยงโชคทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่ได้ จึงตั้งข้อสังเกตว่าทำไมสำนักงานสลากฯ ต้องรีบออกสลากตัวใหม่ในขณะนี้ ดังนั้นสำนักงานสลากฯ ต้องตอบคำถามสังคมก่อนว่าออกมาเพื่ออะไร และต้องศึกษาผลกระทบทางสังคมก่อนอย่างรอบด้าน
“จากผลสำรวจปี 62 พบมีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ซื้อสลาก 4.7 แสนคน ซึ่งเป็นเรื่องที่สากลต้องคำนึงถึงการปกป้องเด็กและเยาวชน ในขณะที่การช่วยเหลือด้านการพนันของสำนักงานสลากฯ ยังไม่เป็นระบบเท่ากับรายได้ที่เก็บไปจ่ายการจำหน่ายสลาก ซึ่งในต่างประเทศการจะออกผลิตภัณฑ์ที่สร้างผลกระทบจำเป็นต้องมีการทำ SIA หรือการศึกษาผลกระทบทางสังคม และรับฟังความคิดเห็นประชาชนอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันปัญหาที่นำไปสู่การสร้างความเสียหายใหญ่โต และต้องคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาลเป็นสำคัญ” รศ.ดร.นวลน้อยระบุ
ด้านตัวแทนผู้ค้า นายไพบูลย์ กุดเป่ง เครือข่ายผู้ค้าสลาก 5 ภาค กล่าวว่า ทุกข์ของผู้ค้าที่เป็นอยู่ในตอนนี้คือการเข้าไม่ถึงสลากราคาต้นทุน และปลายทางการขายเกินราคาหากถูกจับก็จะถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต ในส่วนของผู้ค้าได้รับผลกระทบแน่นอน อย่างงวดที่ผ่านมาก็ทั้งขายทั้งแถม จากการเปลี่ยนแปลงสูตรการกระจายสลาก ปัญหาคือขายสลากไม่หมด หากสลากจะทำออนไลน์ ควรรอสักหน่อยหรือศึกษาผลกระทบให้ชัดก่อน การทำหวยออนไลน์อาจจะไม่ต่างจากสิ่งที่เคยทำมาก่อนในอดีต อย่างหวยเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว หรือที่เรียกว่าหวยบนดิน สิ่งที่ทำอยู่ขณะนี้สำนักงานสลากฯ กำลังเดินมาถูกทางแล้ว เพียงแต่ทางกลุ่มผู้ค้าสลากอยากเสนอให้สำนักงานสลากฯ เพิ่มจุดขายสลาก 80 บาท ที่ควบคุมราคาโดยสำนักงานสลากฯ และเปิดโอกาสให้ผู้ค้ารายใหม่เข้าถึงสลากในราคาต้นทุนมากขึ้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |