พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มอบสัญญาเช่าที่ดินกรมธนารักษ์และใบอนุญาตก่อสร้างบ้านให้ชาวชุมชนวัดรังสิต ริมคลองเปรมฯ จ.ปทุมธานี ในพิธีลงเสาเอกสร้างบ้านเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ / พอช.ชี้แจงความเป็นมาของการพัฒนาคลองเปรมประชากร โดยรัฐบาลเห็นชอบตามแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลอง และการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมฯ ที่จะต้องมีการรื้อย้ายชุมชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำลำคลองซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุ เพื่อเปิดพื้นที่สร้างเขื่อนระบายน้ำป้องกันน้ำท่วมและบำบัดน้ำเสียในคลองเปรมฯ โดย พอช. รับผิดชอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวทาง ‘บ้านมั่นคง’ โดยให้ชุมชนเป็นแกนหลัก มีเป้าหมาย 38 ชุมชน รวม 6,386 ครัวเรือน เพื่อให้ชาวชุมชนมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง เปลี่ยนจากผู้บุกรุกเป็นผู้อยู่อาศัยอย่างถูกต้อง มีคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดี
ตามที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย แจ้งต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไปเป็นประธานในพิธีลงเสาเอกบ้านมั่นคง "สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด" (บ้านสวย คลองใส วิถีใหม่ ชุมชนริมคลอง) ณ หมู่ 7 ถนนเลียบคลองเปรมประชากร ตำบลหลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี พร้อมมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ (เนื้อที่ 22 ไร่ 3 งาน 36 ตรว.) และใบอนุญาตก่อสร้างของสหกรณ์ฯ ให้แก่ประธานและกรรมการสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2563 ที่ผ่านมา
โดยนายศรีสุวรรณอ้างว่า พื้นที่ดังกล่าวเคยมีสภาพเป็นคลองสาธารณะมาก่อน มีความกว้างของคลองประมาณ 50 เมตร โดยมีชาวชุมชนปลูกบ้านอาศัยอยู่ตามแนวริมคลองมากว่า 77 ปีแล้ว แต่กลับมีการไล่รื้อให้ชาวบ้านดังกล่าวออกไป แล้วนำพื้นที่ดังกล่าวมาถมปรับสภาพพื้นที่ถมดิน โดยกรมธนารักษ์ให้เช่าก่อสร้างบ้านมั่นคง พร้อมกับทำเขื่อนริมคลองให้ระยะ 628 เมตร โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองด้วยงบประมาณ 64.2 ล้านบาท ทำให้คลองเปรมประชากรมีสภาพความกว้างของคลองเหลือไม่ถึง 20 เมตรเท่านั้น
โดยชาวบ้านที่รื้อถอนบ้านออกไปจะถูกบังคับให้ต้องเข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคง โดยแต่ละคนต้องไปกู้เงินจากสถาบันการเงินที่หน่วยงานรัฐประสานมาให้คนละ 5 แสนกว่าบาท โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระ 15-20 ปี (ผ่อนชำระเดือนละประมาณ 3,000 บาท ไม่รวมค่าเช่าที่ดินที่ต้องจ่ายให้กรมธนารักษ์ในอัตราขั้นบันไดอีกต่างหาก) หากใครไม่เข้าร่วมจะถูกกรมธนารักษ์ฟ้องขับไล่ข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ แต่ถ้าอยู่ในพื้นที่ กทม. จะถูก กทม.ฟ้องฐานบุกรุกและรุกล้ำกีดขวางทางน้ำ โดยอ้างว่าเป็นเหตุให้น้ำท่วม ฯลฯ โดยไม่คำนึงว่าชาวบ้านยากจนข้นแค้นอยู่แล้ว ข้าวกรอกหม้อยังแทบจะไม่มีจะเอาเงินที่ไหนมาผ่อนชำระ 20 ปี
นอกจากนี้นายศรีสุวรรณ ยังอ้างว่าพื้นที่ดินดังกล่าวมีสภาพเป็นคลองสาธารณะตามธรรมชาติ ดังนั้นการที่หน่วยงานรัฐนำดินมาถมรุกล้ำไม่ผิดกฎหมายหรืออย่างไร ?
ชุมชนริมคลองเปรมก่อนการพัฒนา
ชุมชนประชาร่วมใจ 2 เขตจตุจักร ชุมชนแรกที่รื้อย้ายบ้านออกจากแนวคลองเปรมฯ เมื่อต้นปี 2563 ขณะนี้สร้างบ้านเสร็จแล้ว 193 หลัง
พอช.แจงความเป็นมาโครงการพัฒนาคลองเปรมฯ
ทางด้าน นายสมชาติ ภาระสุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)หรือ ‘พอช.’ ชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า โครงการบ้านมั่นคง "สหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด” เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาตามแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลอง และการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากร ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 โดยมีกรอบการดำเนินงาน 4 ด้าน คือ
นายสมชาติ ภาะสุวรรณ ผอ.พอช.
1.ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมของเมือง เช่น การสร้างเขื่อนระบายน้ำริมคลองเปรมประชากรเพื่อป้องกันน้ำท่วมและระบบรวบรวมบำบัดน้ำเสีย 2. ด้านการพัฒนาชุมชนริมคลอง ซึ่งมีเป้าหมายการพัฒนาที่อยู่อาศัยของทุกครัวเรือนอยู่ริมคลอง โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ พอช. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) รับผิดชอบดำเนินการ มีกลุ่มเป้าหมายในเขตกรุงเทพมหานคร 3 เขต คือ ดอนเมือง หลักสี่ และจตุจักร จำนวน 32 ชุมชน และพื้นที่เทศบาลตำบลหลักหก อ.เมือง จังหวัดปทุมธานี 6 หมู่ กลุ่มเป้าหมายรวม 6,386 ครัวเรือน ระยะความยาวตามแนวคลองประมาณ 17 กิโลเมตร (จากความยาวทั้งหมด 50.8 กิโลเมตร) 3. ด้านการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน และ 4.ด้านกฎหมายและการขับเคลื่อนงาน
ภาพกราฟฟิกการพัฒนาในคลองเปรมประชากร (ระบบบำบัดน้ำเสีย)
“การพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากรนั้น พอช. ได้กำหนดแผนระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี 2562 – 2565 โดยใช้รูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยตามแนวทางโครงการบ้านมั่นคง ลักษณะเดียวกันกับการดำเนินโครงการที่คลองลาดพร้าว โดยให้ชุมชนเป็นแกนหลักในการดำเนินโครงการ เริ่มจากการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์และจดทะเบียนเป็นสหกรณ์เพื่อเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ เพราะเป็นที่ดินราชพัสดุที่กรมธนารักษ์ดูแล มีการออกแบบและวางผังร่วมกันทั้งชุมชน เพื่อขออนุญาตปลูกสร้างบ้านใหม่จากกรมธนารักษ์และท้องถิ่น เพื่อให้บ้านใหม่ที่จะสร้างขึ้นมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการอยู่อาศัย เปลี่ยนจากผู้บุกรุกเป็นผู้อยู่อาศัยที่ถูกต้องตามกฎหมาย และช่วยให้การดูแลรักษาสภาพแวดล้อมคลองเปรมประชากรเป็นไปได้อย่างยั่งยืน” นายสมชาติกล่าวถึงความเป็นมาของการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมฯ
ชุมชนริมคลองลาดพร้าว เขตสายไหม หลังการพัฒนาที่อยู่อาศัย ปัจจุบันสร้างเสร็จแล้วประมาณ 3,000 ครัวเรือนใน 35 ชุมชน
เปลี่ยนจาก “ผู้บุกรุกเป็นผู้อยู่อาศัยอย่างถูกต้อง”
นอกจากนี้นายสมชาติยังชี้แจงเรื่องการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากรที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ดังนี้
1. ชาวบ้านริมคลองเปรมประชากร บริเวณที่รื้อย้าย 628 เมตร (เพื่อสร้างบ้านใหม่และเปิดพื้นที่ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสร้างเขื่อนระบายน้ำ) ส่วนใหญ่เข้ามาอยู่อาศัยในช่วงการสร้างหมู่บ้านเมืองเอก (ประมาณ 30-50ปี) บางครัวเรือนมาอยู่อาศัยในช่วงประมาณสิบปีหลัง ไม่ใช่ 77 ปีตามที่กล่าวอ้าง และเป็นที่ดินราชพัสดุ กรมธนารักษ์ดูแล โดยรัฐบาลมีนโยบายพัฒนาคลองเปรมประชากร ซึ่งจะต้องรื้อย้ายบ้านเรือนที่รุกล้ำคูคลองเพื่อเปิดพื้นที่สร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม ขณะเดียวกันประชาชนก็จะได้พัฒนาที่อยู่อาศัย จากเดิมที่มีสภาพเป็นชุมชนแออัด บ้านเรือนทรุดโทรม สถานภาพบุกรุก เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยอย่างถูกต้อง โดยจะมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวชุมชน พัฒนาสิ่งแวดล้อม และคูคลองต่อไป
2. ทุกครัวเรือนผ่านกระบวนการรับรองสิทธิเพื่อเข้าร่วมโครงการ และเกือบทั้งหมดยินดีเข้าร่วมโครงการ เพื่อจะเปลี่ยนจากผู้อยู่อาศัยไม่ถูกต้องตามกฏหมาย เป็นการอยู่อาศัยที่ถูกต้อง ด้วยการเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์และปลูกสร้างบ้านตามแบบที่ได้รับการ อนุญาตจากท้องถิ่น ตามผังที่ได้ตกลงแบ่งปันที่ดินริมตลิ่งร่วมกัน (ดำเนินโครงการเฟสแรก จำนวน 210 ครัวเรือน มีเพียง 3 ครัวเรือน ที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการและรื้อถอนบ้านเดิมที่ผิดกฎหมาย โดยมีการต่อต้าน 1 ครัวเรือน)
3.การกู้เงินเพื่อปลูกสร้างบ้านเป็นการกู้จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ (โดยสหกรณ์เคหสถานที่จัดตั้งขึ้นจากสมาชิกชุมชนในนามสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงชุมชนวัดรังสิต จำกัด) กระจายไปแต่ละครัวเรือนๆ ละ 360,000 บาท จากราคาบ้านที่ประมาณการ 460,000 บาท โดยส่วนต่างเป็นการออมสบทบของสมาชิกและเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ภาระการผ่อนครัวเรือนละ 2,580 บาท/เดือน ระยะเวลา 20 ปี นอกจากรัฐอุดหนุนเรื่องก่อสร้างบ้านเพื่อให้ชาวบ้านกู้เงินไม่สูงมากจนเกินภาระของครัวเรือนแล้ว ยังมีงบช่วยเหลือเรื่องระบบสาธารณูปโภค และค่าเช่าบ้านในช่วงรื้อย้ายบ้านเดิมและสร้างบ้านใหม่ (รวมงบอุดหนุนให้แต่ละครัวเรือน 147,000 บาท)
สภาพบ้านเรือนที่รุกล้ำคลองเปรมประชากร
การกำหนดแบบบ้านจะพิจารณาจากความสามารถในการรับภาระของครัวเรือนด้วย (ดูจากเงินออมทรัพย์สมทบต่อเดือน) โดยมีสมาชิก 10 ครัวเรือน ที่เลือกแบบบ้านชั้นเดียว เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพรายได้ โดยมีภาระผ่อนชำระประมาณ 1,500 บาท/เดือน
ส่วนภาระค่าเช่าที่ดินของกรมธนารักษ์ กรมธนารักษ์จะคิดค่าเช่าในอัตราผ่อนปรน ปัจจุบันเฉลี่ย 60 บาท/ครัวเรือน หรือปีละ 720 บาท (ขนาดที่ดินต่อครัวเรือน 4X7 ตารางเมตร ไม่รวมพื้นที่ส่วนกลาง) มีการปรับค่าเช่า 3 ปี/ครั้ง ๆ ละ 9% โดยประมาณการว่าค่าเช่าในปีที่ 28-30 จะอยูที่ครัวเรือนละประมาณ 120 บาท/เดือน (ค่าเช่ารวม 30 ปีต่อครัวเรือนรวมไม่เกิน 30,000 บาท)
“การดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเปรมประชากรนี้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการพัฒนาให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนเห็นประโยชน์ร่วมกันทั้งส่วนตนและส่วนรวม และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาไปพร้อมกับภาครัฐ เพื่อให้ชาวชุมชนริมคลองเปรมฯ และลูกหลาน มีคุณภาพชีวิต มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ขณะเดียวกันส่วนรวมก็จะได้ประโยชน์จากการสร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งบำบัดน้ำเสียได้ด้วย” นายสมชาติกล่าวในตอนท้าย
ภาพกราฟฟิกชุมชนวัดรังสิตหลังการพัฒนาที่
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |