ในหลวง-พระราชินี เสด็จฯ พระราชทานรางวัลทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับภาคใต้และระดับประเทศ พสกนิกรทั่วสารทิศเดินทางมา จ.ปัตตานี เฝ้าฯ รับเสด็จเนืองแน่น
เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พุทธศักราช 2563 เวลา 17.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในการพระราชทานรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ระดับภาคใต้ และระดับประเทศ ประจำปี 2563 ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี และเสด็จฯ ไปในการพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล แก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2561 และพระราชทานรางวัลแก่ผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2561 ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี
ครั้นเสด็จฯ ถึงมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เสด็จฯ เข้าสู่ห้องโถงภายในมิสยิดกลาง พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายมูฮำมัด หะยีมูซอ ผู้ชนะเลิศการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ระดับประเทศ ประจำปี 2561 อัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน นายสมาน ก้อพิทักษ์ แปลความหมายเป็นภาษาไทย และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กราบบังคมทูลเบิกผู้ชนะเลิศ รองชนะเลิศ รางวัลชมเชย คณะกรรมการตัดสิน และผู้ให้การสนับสนุนการจัดงานฯ เข้ารับพระราชทานถ้วยรางวัลและโล่ที่ระลึก จำนวน 36 ราย ตามลำดับ
จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายประสาน ศรีเจริญ รองประธานผู้ทรงคุณวุฒิสำนักจุฬาราชมนตรี ผู้แทนจุฬาราชมนตรี ขอดุอาอ์ และขอพรจากพระเจ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงยืน และยกพระหัตถ์ ตามผู้แทนจุฬาราชมนตรี แล้วมีพระราชปฏิสันถารกับผู้นำศาสนาอิสลามตามพระราชอัธยาศัย
สำหรับประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดปัตตานี กว่าร้อยละ 80% นับถือศาสนาอิสลาม เป็นที่ทราบกันดีว่าศาสนาอิสลามมิใช่ศาสนาเพียงให้คนนับถือเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเท่านั้น แต่ศาสนาอิสลามยังเป็นระบบของการดำเนินชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกย่างก้าวของชีวิตมุสลิมต้องอยู่บนครรลองของศาสนาอิสลาม พี่น้องชาวไทยมุสลิมจึงได้นำหลักธรรมคำสอนในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานมาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต จังหวัดปัตตานี โดยสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี จึงจัดงานทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ระดับภาคใต้และระดับประเทศ ครั้งที่ 14 ประจำปี 2563 ขึ้น ในระหว่างวันที่ 20- 22 มกราคม 2563 ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนให้พี่น้องชาวไทยมุสลิม ได้รู้หลักธรรมคำสอนในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานได้อย่างถ่องแท้ และปฏิบัติอย่างถูกต้องตรงต่อพระมหาคัมภีร์ ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความสมัครสมานสามัคคี ความสัมพันธ์อันดีระหว่างพี่น้องมุสลิมด้วยกันและระหว่างพี่น้องต่างศาสนิก
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ออกจากห้องโถงมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ไปยังบริเวณลานจอดรถมัสยิดกลางปัตตานี ทอดพระเนตรการสาธิตการทอผ้าจวนตานี จากกลุ่มสตรีทอผ้าบ้านตรัง จ.ปัตตานี ที่ได้รับพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการสร้างโรงทอผ้า และพระราชทานกี่ทอผ้าจำนวน 10 กี่ จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อปี พ.ศ.2526 จากนั้นทอดพระเนตรผลิตภัณฑ์ OTOP จากกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ที่ได้จัดนิทรรศการสืบสานอนุรักษ์ศิลป์ ผ้าถิ่นไทย โดยได้นำผ้าจวนตานี อันเป็นผ้าที่แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์การใช้เครื่องนุ่งห่มของชาวไทยมุสลิม และชาวไทยพุทธ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่าง จ.ปัตตานี จ.ยะลา จ.นราธิวาส และจังหวัดสงขลาบางอำเภอมาจัดแสดง รวมถึงนำสินค้าโอท็อป อาทิ ข้าวยำสำเร็จรูป น้ำบูดู เกลือปัตตานี ลูกหยียะรัง และผ้าละหมาด ตำบลกระหวะ อันเป็นผ้าที่ชาวไทยมุสลิมใช้ในการปฏิบัติศาสนกิจมาจำหน่าย
จากนั้น ทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กองแพทย์หลวง ร่วมกับกรมการแพทย์ทหารบก สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี และโรงพยาบาลในพื้นที่ มาออกหน่วยตรวจรักษาโรค ให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานีและจังหวัดใกล้เคียงได้เข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างรวดเร็ว โดยในวันนี้ได้นำเครื่องมือพิเศษที่เป็นเครื่องมือเฉพาะทาง ซึ่งได้รับพระราชทานมาใช้ในการตรวจรักษาประชาชน โดยมีผู้มาเข้ารับบริการตรวจรักษาทั้งสิ้นจำนวน 68 ราย
การนี้ ทรงรับคนไข้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์จำนวน 6 ราย พร้อมพระราชทานชุดยาและเงินค่าพาหนะในการเดินทางไปเข้ารับการรักษา ยังความปลาบปลื้มสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ผู้ป่วยและครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้
จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ออกจากมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ไปยังที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ในการพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัลแก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2561 และพระราชทานรางวัลแก่ผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2561 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนข้าราชการและประชาชน เฝ้าฯ รับเสด็จ
เมื่อเสด็จฯ ถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ เข้าภายในหอประชุมที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.อนุพงษ์กราบบังคมทูลถวายรายงาน และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลเบิกคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีผลการปฏิบัติงานดีเด่น เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานเกียรติคุณและเงินรางวัล จำนวน 6 ราย และอิหม่ามที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานโล่เกียรติคุณ จำนวน 25 ราย
พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายณัฏฐพลกราบบังคมทูลถวายรายงาน และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กราบบังคมทูลเบิกผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานรางวัล จำนวน 29 ราย การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะกรรมการอิสลามและแทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ความว่า
"ข้าพเจ้าและพระราชินีมีความยินดีที่ได้มามอบโล่เกียรติคุณและรางวัลแก่กรรมการอิสลามประจำจังหวัดและอิหม่าม กับมอบรางวัลแก่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในจังหวัดภาคใต้ในวันนี้ ขอแสดงความชื่นชมกับทุกท่าน ทุกโรงเรียน ที่ได้รับเกียรติ และรางวัลอันเป็นผลจากการปฏิบัติงานดีเด่น ทั้งขอชมเชยกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงศึกษาธิการที่ส่งสริมสนับสนุนงานของกรรมการอิสลาม และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามด้วยดีตลอดมา
กรรมการอิสลามประจำจังหวัดและอิหม่าม กับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามนั้น กล่าวได้ว่ามีบทบาทและหน้าที่อย่างสำคัญในการสร้างเสริมความดีความเจริญให้แก่บุคคลและสังคมส่วนรวม เพราะบุคคลที่ได้รับการแนะนำสั่งสอนให้เข้าใจหลักธรรมของศาสนาอย่างถูกต้อง และได้รับการศึกษาอบรมให้มีความรู้ในหลักวิชาอย่างกว้างขวาง ย่อมสามารถดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพการงาน สร้างสรรค์ความเจริญมั่นคงให้แก่ตนเอง แก่ท้องถิ่น และแก่ประเทศชาติได้แท้จริง
จึงขอแสดงความชื่นชมกับกรรมการอิสลามประจำจังหวัดและอิหม่ามที่ได้อุตสาหะปฏิบัติหน้าที่แนะนำสั่งสอนอิสลามิกชน ให้เข้าใจหลักธรรมของศาสนาอย่างชัดเจนถูกต้อง รวมทั้งโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ที่ได้ปรับปรุงพัฒนางานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จนมีผลงานการศึกษาที่ดีมีคุณภาพเป็นที่ประจักษ์ หวังว่า ทุกท่านจะภูมิใจ ยินดีในผลงานที่ได้ปฏิบัติมา และร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่อันทรงคุณค่านี้ต่อไป ให้ยิ่งเข้มแข็งหนักแน่นโดยมุ่งถึงประโยชน์สุข และความเจริญมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน เป็นเป้าหมายที่พึงประสงค์ ขออำนวยพรให้ทุกท่านที่มาประชุมพร้อมกัน ณ ที่นี้ มีกำลังกาย กำลังใจ กำลังปัญญาเข้มแข็งสมบูรณ์ สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้บรรลุผลเลิศได้ทุกด้าน และให้ประสบความสุขสวัสดีทุกเมื่อไป”
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ออกจากห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ไปยังพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงวางพานพุ่ม พวงมาลัย จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ และทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ พร้อมมีพระราชปฏิสันถาร ทรงขอบใจราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างใกล้ชิด นำมาซึ่งความปลาบปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้
ได้เวลาอันสมควร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ไปยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่งเสด็จฯ ไปยังท่าอากาศยานทหาร ดอนเมือง แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ กลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |