กกร.ชี้เศรษฐกิจไทยยังขาขึ้นรับอานิสงค์ส่งออก-ท่องเที่ยวโต


เพิ่มเพื่อน    

กกร.ยันเศรษฐกิจไทยยังโต รับอานิสงค์ส่งออก-ท่องเที่ยว ชี้ไตรมาส 1/61 ขยายตัว 4.0% คงคาดการณ์ปีนี้โต 4.0-4.5% ส่งออก 5.0-8.0% พร้อมเบรกมาตรฐานบัญชีใหม่ หวั่นกระทบเอสเอ็มอีเข้าถึงเงินทุนยาก

นายสุพันธุ์ มงคงสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ว่าที่ประชุมประเมินเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 1/2561 น่าจะขยายตัวราว 4.0% เท่ากับการขยายตัวในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2560 เนื่องจากเครื่องชี้เศรษฐกิจในไตรมาสแรกปี 2561 สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนหลักจากภาคต่างประเทศ ทั้งการส่งออกที่ขยายตัวสูงซึ่งส่งผลบวกตามมาต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรม และภาคการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวดี แม้แรงส่งด้านการใช้จ่ายภายในประเทศแผ่วลงจากกำลังซื้อฐานรากหรือรายได้เกษตรกรที่ยังหดตัว และการลงทุนที่ชะลอลงก็ตาม

"ระยะต่อไปยังคงต้องติดตามบทสรุปของประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศคู่ค้า ซึ่งเบื้องต้นมองว่าอาจจะมีผลกระทบที่จำกัดต่อการส่งออกของไทยในปี 2561 รวมทั้งประเด้นข้อตกลงโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน และจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรรัฐที่อาจจะมีผลต่อทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนให้ยังคงปรับตัวผันผวน"นายสุพันธุ์ กล่าว

นอกจากนี้ กกร.จะติดตามความคืบหน้าของการลงทุนโดยเฉพาะในโครงการภาครัฐที่น่าจะทยอยปรับดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ซึ่งเป็นช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณ ตลอดจนสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตร ซึ่งจะมีผลต่อการประเมินภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยต่อไป อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2561 ไว้ที่ 4.0-4.5% และคาดว่าการส่งออกน่าจะขยายตัว 5.0-8.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมองว่าน่าจะอยู่ที่ 0.7-1.2%

นายสุพันธุ์ กล่าวว่าเบื้องต้น กกร.ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) ให้เลื่อนการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS9 วันที่ 1 ก.ค.2562 ออกไป เป็นวันที่ 1 ม.ค.2565 เพราะอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้มีเวลาศึกษาข้อดีข้อเสียที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยค่อนข้างสูงชัดเจนก่อน

“กกร.ขอให้ภาครัฐเชิญภาคธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบโดยตรงโดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เช่น ธุรกิจลิสซิ่ง เช่าซื้อ เข้าร่วมเป็นคณะอนุกรรมการศึกษาผลกระทบอย่างละเอียดรอบด้านให้มีความชัดเจนก่อนบังคับใช้ เพื่อจะได้กำหนดแนวทางในการนำมาตรฐานมาใช้งานให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยต่อไป”นายสุพันธุ์ กล่าว

นายกอบศักดิ์ ดวงดี เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เรื่องนี้น่าจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะผลกระทบต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะยากลำบากขึ้น สถาบันการการเงินอาจต้องกันสำรองหนี้เสียสูงขึ้น เพราะมาตรฐานการบัญชีใหม่จะเป็นต้นทุนของสถาบันการเงิน ส่งผ่านไปยังการขอสินเชื่อของผู้ประกอบการเองที่อาจไม่ได้รับความช่วยเหลือเงินกู้เลยก็ได้


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"