พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษ ถึงความท้าทายในการทำงานของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ในปี 2563 ที่ต้องรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ถือว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ในการทำหน้าบุคคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะบทบาทของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ศูนย์กลางในการระดมทุน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ในการดูแลให้คนไทยทุกคน ทุกระดับชั้น รวมไปถึงทิศทางการดำเนินงานในปี 2564 ที่ตั้งเป้าสนับสนุน 4 โครงการหลัก
ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า บุคคลากรทางการแพทย์ ถือเป็นด่านหน้าที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคใหม่ ยังไม่เคยมีเคสการรักษา แต่ด้วยหน้าที่ก็ได้ดำเนินการรักษาอย่างต่อเนื่อง จึงถือว่าเป็นงานที่หนักและมีความเสี่ยงสูง หน้าที่สำคัญของมูลนิธิ จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรและจิตอาสาในการระดมทุน โดยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทาง เพื่อนำเงินมาจัดซื้อในส่วนของอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอต่อความต้องการ รวมไปถึงการให้การช่วยเหลือเคสฉุกเฉินท่ามกลางการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างเคสที่ประสบความสำเร็จของทีมแพทย์ รพ.รามาธิบดี ในการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากผู้ป่วยโควิด-19 มาให้ผู้ป่วยธาลัสซีเมีย ครั้งแรก
สถานการณ์โควิด-19 ยังทำให้เราพบว่าผู้ที่บริจาคจะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป แต่ผู้บริจาครายใหญ่ยังคงอยู่ ส่วนผู้บริจาคกึ่งรายย่อยที่มีจำนวนลดลง เนื่องจากต้องใช้ความระมัดระวังการหลอกลวง รวมไปถึงช่องทางในการบริจาคที่เปลี่ยนมาเป็น Mobile banking, e-wallet กันมากขึ้น ซึ่งโดยรวมยอดเงินการบริจาครายบุคคลจะลดลงจากปกติ 500บาท ก็จะลดลงเหลือ 300 บาท ในทางกลับกันจำนวนผู้บริจาคก็เพิ่มขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์หลักของทางมูลนิธิถึง 60% ในขณะที่มีผู้เดินทางมาบริจาคที่มูลนิธิอยู่ที่ 40% แนวโน้มกลุ่ม ที่ใช้ช่องทางออนไลน์ คาดว่าจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อเนื่อง
สำหรับในทิศทางการดำเนินงานในปี 2564 จะขับเคลื่อนโครงการต่างๆต่อเนื่อง โครงการหลักที่ยังคงดำเนินการต่อเนื่องทั้งสิ้น 4 โครงการ รวมงบประมาณที่ต้องระดมทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการเพื่อผู้ป่วยยากไร้ ตั้งแต่ผู้ป่วยโรคธรรมดา ไปจนถึงโรคซับซ้อน ที่ได้ให้การสนับสนุนจำนวนกว่า 3,000 คนต่อปี อย่างผู้ป่วยมะเร็ง ที่ทางมูลนิธิเคยช่วยเหลือก็ได้กลับมาทำงานจิตอาสาให้กับทางโรงพยาบาล ให้กำลังใจผู้ป่วยด้วยกัน แม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นมะเร็งรังไข่ที่รุกราม ไม่สามารถผ่าตัดได้ และเห็นว่าเงินที่ได้จากการบริจาคสามารถนำไปช่วยคนอื่นได้อีกมาก
2. โครงการรามาธิบดี เพื่อโรงพยาบาลชุมชน โดยเริ่มดำเนินการในปี 2562 เพื่อให้การสนับสนุนแก่ โรงพยาบาลชุมชนต้นแบบ 4 แห่ง คือ โรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก, โรงพยาบาลน้ำพอง จ.ขอนแก่น, โรงพยาบาลอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ด่านซ้าย จ.เลย และโรงพยาบาลชุมชนที่สนใจเพิ่มเติมอีกกว่า 19 แห่ง โดยตลอดระยะเวลา 3 ปี ของโครงการนับจากนี้จะช่วยเหลือผู้คนใน 79 หมู่บ้าน 23 อำเภอกว่า 4 แสนราย ทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการและทุพพลภาพให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้ รวมถึงช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้ยากไร้ในพื้นที่ พัฒนาการเรียนการสอนด้านระบบบริการสาธารธารณสุขและระบบสุขภาพชุมชนที่ดีและมีคุณภาพ ผลิตนักบริบาลชุมชนและบุคลากรการแพทย์เพื่อชุมชน
3.โครงการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ เพื่อสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ โรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีจำนวนเตียงที่รองรับผู้ป่วยในได้มากถึง 550 เตียง สามารถรองรับผู้ป่วยนอกได้ 1,000,000 ราย ผู้ป่วยใน 17,000 รายต่อปี ให้บริการผู้ป่วยได้อย่างครอบคลุม และ 4. โครงการทุนการศึกษารามาธิบดี เพื่อมอบทุนการศึกษาแก่นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ทั้งหลักสูตรปริญญาตรี และบัณฑิตศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยในปี 2563 นี้มีนักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษาที่ครอบครัวได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 จำนวน 89 คน
สำหรับผู้ที่สนใจในการบริจาคทางมูลนิธิได้มีการจัดทำของที่ระลึกการกุศลที่ได้ศิลปินช่วยสนับสนุนออกแบบผลิตภัณฑ์ อาทิ อ.ถวัลย์ ดัชนี หรือแบรนด์คาแรกเตอร์ สนู้ปปี้ รวมไปถึงแพลตฟอร์มขายออนไลน์ทั้ง Lazada และ Shopee ที่จะทำให้ทุกคนเข้าถึงของที่ระลึกการกุศลมากยิ่งขึ้น สามารถเข้าดูช่องทางการบริจาคและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ramafoundation.or.th/
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |