16 ธ.ค.63 - พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. พร้อมด้วย พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รอง เสธ.ทบ. , พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 , พล.ต.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.พล.ร.11 ,พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกองกำลังบูรพา ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว

โดยตรวจเยี่ยมจุดตรวจ 09 กองร้อยทหารพราน 1205 อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ที่ใช้อุปกรณ์ในการป้องกันชายแดน เช่น ลวดหนาม โดรน เป็นต้น ผ่านชุดลาดตระเวณ ชุดซุ่ม และจุดตรวจต่างๆ พร้อมสอบถามถึงสถานการณ์โควิดของทั้งฝั่งไทย-กัมพูชา หลังฝั่ง จ.สระแก้ว และ จ.บันเตียเมียนเจย ได้มีการทำข้อตกลงระหว่างกันให้มีรถบรรทุกเข้าออกได้วันละ 50 คัน คนประจำรถคันละ 2 คน รวมไม่เกิน 100 คน แต่ไม่ให้มีคนผ่านข้ามแดน ยกเว้นคนที่แจ้งผ่านสถานทูตเพื่อขอเข้ามายังไทย และต้องผ่านมาตรการคัดกรองของ ศบค. ด้วย พร้อมตรวจอุปกรณ์ป้องกันแนวชายแดน และ กล่าวว่า การให้งบประมาณหน่วยมาจัดหาเอง จะตรงตามความต้องการใช้งานและรวดเร็ว มากกว่าให้ส่วนกลางจัดหามาให้

พล.อ.ณรงค์พันธ์ ให้สัมภาษณ์สื่อว่า การมาตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานและให้กำลังใจในสถานการณ์ที่ภัยความมั่นคงเพิ่มมากขึ้น เช่น การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 การปราบปรามสิ่งผิดตามแนวชายแดน เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือทั้งอุปกรณ์แลพกำลังพลในการป้องกัน โดยเมื่อวานนี้กองกำลังผาเมือง ทภ.3 ได้เพิ่มกำลังพลไปอีก 2 กองร้อย 300 คน โดยกำลังพลตามแนวชายแดนถือที่เป็นผู้เสียสละ เพราะช่วงที่คนไทยกลับบ้านเทศการปีใหม่ แต่กำลังพลยังคงดูความสงบเรียบร้อย

จากนั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ ตรวจเยี่ยมจุดอนุโลมแรงงานที่ 10 หน่วยเฉพาะกิจคลองหาด บ.คลองสมบูรณ์ อ.อรัญประเทศ โดยเป็นพื้นที่สวนผลไม้และเป็นพื้นที่ป้ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยมีการทำงานหมู่บ้านแนวชายแดนร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และตรวจอุปกรณ์ป้องกันชายแดน โดยเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญในเรื่องอุปกรณ์เหล่านี้ ซึ่งมีรูปแบบที่หลากหลายและมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

พร้อมพูดคุยกับ อาสาสมัครทหารพรานว่า ตนห่วงหลายคนที่ไปอยู่ จชต. มาหลายปี และมีครอบครัวอยู่ จชต. จะให้ไปอยู่ด้วยกันอย่างไร จึงขอให้ฝ่ายยุทธการหาแนวทาง เพราะไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหาอื่นๆ เช่น เรื่องบ้านพัก เป็นต้น จึงต้องหาแนวทางสับเปลี่ยนกำลังให้มีความถาวร มากกว่าการสับกำลังไปมาระหว่างกองทัพภาค

พร้อมกล่าวกับ อส.ทพ. ว่า ต้องปฏิบัติงานภาคสนามอยู่ตลอด ตั้งแต่พื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ มายังพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ซึ่งมีรูปแบบภัยคุกคามเปลี่ยนแปลงไป และอาจไม่เหมือน จชต. ที่เป็นการใช้กำลังและการใช้อาวุธเป็นหลัก แต่พื้นที่ตรงนี้เป็นเรื่องของโรคระบาดและการป้องกันการกระทำผิดกฎหมายตามแนวชายแดน พร้อมกำชับกำลังไม่ให้เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย

จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจเพื่อความมั่นคงชายแดนที่ 03 โดยเป็นฐานที่ไม่มีไฟฟ้าผ่านเครื่องปั่นไฟ ส่วนน้ำประปาเป็นระบบเติมรถน้ำเติม โดย พล.อ.ณรงค์พันธ์ สั่งการให้ติดตั้งระบบไฟฟ้าเพื่อให้มีกำลังไฟฟ้าเพียงพอ

นอกจากนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ได้เดินทางไปมองสิ่งของให้กับประชาชนและผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน บ.เขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว โดยได้มอบรถเข็นวีลแชร์ให้ผู้ประสบภัยทุ่นระเบิด และมอบสิ่งของใช้จำเป็นกับประชาชน ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วและหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่

ทั้งนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า วันนี้ตนมาให้กำลังใจ จนท.ตามแนวชายแดน ที่ต้องปฏิบัติงานช่วงปีใหม่ รวมทั้งช่วงนี้มีสิ่งอันตรายคือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้แนวชายแดนต้องปิดชั่วคราว ซึ่งประเทศรอบบ้านของไทยมีการระบาดค่อนข้างสูง ดังนั้นจนท.แนวชายแดนต้องทำงานและระมัดระวังตัวมากขึ้น จึงใช้โอกาสนี้มาเยี่ยมประชาชนด้วน และขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กับ จนท.ของรัฐ ถ้ามีคนแปลกปลอมเข้ามาในพื้นที่ เพราะเพียง 1 คน ถือเป็นอันตรายกับคนนับพันนับหมื่นคน ตนในฐานะข้าราชการทหาร พร้อม ตร.ตระเวณชายแดน และจนท.ของรัฐ จึงมาเยี่ยมประชาชน

พร้อมย้ำว่าเป็นสิ่งที่พึ่งกระทำตามพระราชประสงค์ พระราชดำริ ในหลวง ร.9 ร.10 ที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องดูแลประชาชน โดยการทำไดัอย่างทั่วนั้น จึงใช้โอกาสต่างๆมาตรวจเยี่ย เช่นที่ตนมาเยี่ยมกำลังพลชายแดน จึงมามอบสิ่งของในวันนี้ด้วย ซึ่งแต่ละภาคมีปัญหาต่างกัน เช่น ภาคใต้ประสบภัยน้ำท่วม ภาคเหนือประสบภัยไฟป่า เป็นตัน รวมทั้งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นอุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ได้รับสั่งสภากาชาดไทยดูแลประชาชนด้วย ทั้งนี้สถาบันพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ มีความเป็นห่วงประชาชนทุกคน โดยได้ส่งผ่านมาทางเจ้าหน้าที่รัฐทุกคน