16 ธ.ค.63 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk ว่าหลายคนถามว่า ฟังคลิปอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร แล้วรู้สึกอย่างไร แต่ตนย้ำเสมอยังรักและเคารพการตัดสินใจของทักษิณ ซึ่งเป็นความแตกต่างในระบอบประชาธิไตย และตนยืนยันเสมอว่า ความสวยงามของประชาธิปไตยคือการเคารพในความแตกต่าง แล้วความแตกต่างนั้นย่อมจบลงท้ายที่ประชาชนตัดสิน
นายจตุพร กล่าวว่า ในความเชื่อของตนนั้น การเลือกผู้ปกครองต้องดูภูมิหลัง พิจารณาประวัติความเป็นมาในอดีต เพราะอดีตสามารถอธิบายปัจจุบัน และปัจจุบันจะบอกถึงอนาคต สำหรับตนแล้ว กล้าพูดได้ว่า ที่ผ่านมา ยังไม่เคยทรยศต่อความเชื่อของตัวเองสักครั้ง เพราะตนได้ทำตามความเชื่อที่ถือว่าถูกต้องเสมอ
อย่างไรก็ตาม การทำหน้าที่ทางการเมืองในอดีตนั้น ตนเป็นทั้งผู้เล่น ได้เห็นหน้าฉากและหลังฉากมากมาย จึงมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำว่าถูกต้อง พร้อมทั้งยืนยันจุดยืนยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย การต่อสู้ที่ผ่านมาอย่างไรก็เป็นเช่นนั้นตลอด หากต้องการหาผลประโยชน์แล้ว คงสงบปากสงบคำ คอยตามใจในสิ่งตัวเองไม่เห็นด้วยอาการแนบเนียน ก็คงไม่มีความเดือดร้อนเช่นในปัจจุบันนี้ แต่หลายเรื่องที่ผ่านมา ตนคัดค้านด้วยเจตนารมณ์ของตัวเองชัดเจน ซึ่งไม่เคยคิดอะไรเพื่อตัวเอง
ส่วนข้อกล่าวหาไปอยู่ฝ่ายเผด็จการ หรือเป็นพวกพรรคพลังประชารัฐ เพียงแค่ไปช่วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ สมัครนายก อบจ. โดยตนเห็นว่า เขาไม่ได้รับความยุติธรรม โดยเฉพาะการอธิบายที่ย้อนแย้งเมื่อเทียบเคียงกับผูสมัครนายก อบจ.นครพนมของพรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ รับรู้และมีหลักฐานชัดเจนว่า ผู้สมัครรายนี้เคยสังกัดพรรคพลังประชารัฐมาก่อน แล้วลาออกไม่เกิน 3 วัน เพื่อมาลงสมัครนายก อบจ.นครพนม พรรคเพื่อไทย และถูกยกย่องเป็นนักประชาธิปไตย โดยแตกต่างจากนายบุญเลิศ ที่ไม่เคยไปอยู่พลังประชารัฐ กลับถูกยัดเยียดให้เป็นคนพลังประชารัฐ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นความอยุติธรรม และรับไม่ได้
นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญคนที่จะเป็นผู้ปกครองนั้นต้องปราศจากข้อสงสัยของสังคม โดยเฉพาะต้องไม่มีข้อกังขาในกรณีมีส่วนร่วมทำลายกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมือง ในกรณีคดีบอส กระทิงแดง เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายที่อำนาจกับเงินทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งทำลายความยุติธรรม ทำลายความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ไม่คำนึงถึงความเป็นมนุษย์ระหว่างกัน
โดยเฉพาะอำนาจกับเงินตราได้ปั้นพยานเท็จ มาเปลี่ยนแปลงความเร็วรถจาก 177 กม.ต่อชั่วโมงให้เหลือแค่ความเร็ว 50-60 กม.ต่อชั่วโมง เรียกได้ว่าเป็นรถหวานเย็น ไม่สมกับเฟอร์รารี่รถหรูราคาคันละ 15 ล้านบาท และที่สำคัญในสำนวนการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนายวิชา มหาคุณ ได้ระบุว่า นาย ช.ก็อยู่ในขบวนการประชุมเปลี่ยนแปลงความเร็วรถของลูกเศรษฐี
"รวมทั้ง เมื่อถึงคราวจะเลือกตั้ง อบจ. สื่อกลับไม่เล่นเรื่องนี้ ทั้งที่ค้านเรื่องนี้มาตลอด ผมจึงสงสัย จึงถามเล่นๆอีกครั้งว่า นาย ช.เป็นคนเดียวกับนาย พ.หรือไม่ และเป็นคนเชียงใหม่หรือเป็นคนแม่สาย เชียงราย" นายจตุพร กล่าวและว่า ดังนั้น ใครก็ตามไปทำลายกระบวนการยุติธรรม แม้มีการส่งคนไปพูดกับสื่อมวลชนหลายสำนัก แต่สังคมไม่ควรปล่อยให้คนที่เกี่ยวข้องกับคดีบอส กระทิงแดง ลอยนวล หรือมีอำนาจปกครองบ้านเมืองหรือในจังหวัดเดียวก็ตาม
ดังนั้น ความเชื่อแบบนี้ และการต่อสู้ในสิ่งที่ใหญ่กว่านั้น เป็นเรื่องยาก เพราะถึงที่สุดถูกก็กลายเป็นผิด และผิดก็เป็นสิ่งถูก ถ้าวันนี้ ปปง.ระบุให้ชัดถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินว่า ปลายทางที่นายจารุชาติ มาดทองนั้น แล้วนำมาแสดงให้คนเชียงใหม่เห็น เราก็จะรู้ให้ชัดว่า มีคนเกี่ยวข้องในขบวนการนี้ เงินออกจากไหน ไปตรงไหน อย่างไร ซึ่งสิ่งนี้เป็นรอยต่อที่สำคัญของคนวงการสื่อมวลชนจะได้ทำหน้าที่ช่วยกันหยุดความชั่วร้ายของบ้านเมือง และในวันข้างหน้าจะไม่ให้ใครมาลงเลือกตั้ง แล้วทำอะไรก็ได้ โดยละเลยหรือไม่แคร์ความรู้สึกของประชาชน
นายจตุพร กล่าวว่า ตนยังยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องเช่นนี้ และไม่มีวันไปเห็นด้วยกับการไปทำลายกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมือง อีกอย่าง กรณีของเจ๊ที่กล่าวถึงนั้น เป็นเรื่องส่วนเล็กน้อยแค่หนึ่งในร้อย คนในพรรคก็รู้ แต่ทำเป็นแสร้งไม่พูดในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น
รวมทั้ง ตนเชื่อมั่นว่า การต่อสู้กับน้ำเน่านั้นต้องเริ่มสร้างน้ำดีจากตัวเอง อีกทั้งระบอบประชาธิปไตยต้องรู้จักแยกแยะ ไม่เอาคนโกงความตายของดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจจราจร สน.ทองหล่อ ถ้าสังคมไม่มีสำนึกในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว บ้านเมืองคงอยู่ยากขึ้น
อีกอย่าง เรื่องนี้ในอนาคตไม่มีใครจะปกปิดไว้ได้ ใครที่มีความมัวหมอง มีพฤติกรรมโกงความตายแล้ว เราต้องหยุด เราต้องรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี และสังคมควรต้องกลั่นกรอง ส่วนพรรคเพื่อไทยลองระบุชื่อกรรมการสรรหาผู้สมัครให้รับรู้ด้วย เพื่อจะได้รู้ว่า มีกระบวนการสรรหาจริงๆ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีบอส กระทิงแดง
“เมื่อจะหงายไพ่ ก็หงายไปถึงตั้งจุดการให้ข่าวกับสื่อ แล้วไงละ ก็มาจากเจ๊ๆๆ คนเดียวเท่านั้น ผมจึงไม่แคร์คนอัปรีย์เช่นนี้ ไม่สนใจคนประเภทแยกแยะคดีบอสไม่ได้ จึงไม่ไหวหวั่น ผมจึงทำให้สิ่งที่หัวใจยึดมั่นมาตลอดชีวิต ผลลัพธ์ออกมาอย่างไรก็ตามเป็นเรื่องเล็ก แต่อย่างน้อยเราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ได้บอกกล่าวสังคมและคนไทยแล้ว เราต้องไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล และไม่ให้เหยียบบันได อบจ. เพราะถ้าให้คนชั่วไปมีอำนาจก็จะไปใช้อำนาจชั่วๆในการปกครอง ดังนั้น การไม่ให้ใช้อำนาจชั่วๆได้ คือการหยุดคนชั่วไม่ให้มีอำนาจ”
นายจตุพร ย้ำว่า ตนไม่ได้อยู่ด้วยพื้นฐานความกลัว แต่อยู่ด้วยความถูกต้อง เพราะความกลัวทำให้เสื่อม แต่ความถูกต้องทำให้รักษาชาติบ้านเมืองเอาไว้ได้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |