สุดสวิงริงโก้!!!


เพิ่มเพื่อน    

       การ ดูด นั้น...จะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสม หรือออกไปทางวิปริต ผิดเพี้ยน ไม่เหมาะ-ไม่ควร อันนั้น...คงต้องปล่อยให้พวก ผู้เชี่ยวชาญการดูด เขาไปเถียงๆ กันเอาเอง แต่ท่ามกลางกระแสการดูดที่นับวันจะไหลเชี่ยว ไหลแรง เอามากๆ ถ้าหากยึดหลักทางสายกลาง มัชฌิมาปฏิปทาเอาไว้มั่ง คงต้องพยายามเหนี่ยวขอบโถ (ชักโครก) ขอบบ่อ (เกรอะ) เอาไว้ก่อนนั่นแหละเป็นดี...

                                                              ---------------------------------------------

       คือการเมืองไทยในทุกวันนี้...คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มันออกไปทางคล้ายๆ กับวงการดารา นักแสดง วงการพวกไอด้ง ไอดอล อะไรประมาณนั้น คือเต็มไปด้วยพวกที่เรียกๆ กันว่า ติ่ง อยู่เป็นจำนวนเยอะแยะมากมาย ประเภทที่หากลองรักใคร ชอบใคร ขึ้นมาซะแล้ว ไม่เพียงแต่พร้อมจะสรรหาเหตุผลมาอธิบาย ชักแม่น้ำ 5 สาย 10 สาย มารองรับความชอบใจ ความถูกใจ ของตัวเอง ยังพร้อมที่จะพิทักษ์ ปกป้อง ดารา นักแสดง ไอด้ง ไอดอล เหล่านั้น ในแบบ แตะเธอไม่ได้...แตะเมื่อไหร่โลกแตกแน่ อะไรประมาณนั้น อันถือเป็นอาการที่ออกไปทางสุดโต่ง สุดสวิง ตามแบบฉบับสังคม 4.0 ทั้งหลาย...

                                                           ------------------------------------------------

       ยิ่งมีความก้าวหน้า ก้าวไกล ของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต เป็นตัวรองรับด้วยแล้ว การเจริญเติบโต งอกงาม ของบรรดา ติ่ง ทั้งหลาย จึงเป็นไปแบบสุดสวิงริงโก้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ การหาทางฉุดกระชากลากถูให้แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง มันออกไปทาง กลางๆ เข้าไว้ จึงอาจถือเป็น วาระแห่งชาติ หรือ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เอาเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าสังคมใดต่อสังคมใดก็เถอะ ถ้าหากผู้คนในสังคมมันออกอาการสวิงไป สวิงมา ไม่คิดจะหยุดนิ่งเอาซะเลย ย่อมนำมาซึ่งความปวดเศียร เวียนเกล้า ไม่ว่าในทางใด ทางหนึ่ง ขึ้นมาจนได้ ไม่ว่าจะในแบบดีสุดโต่ง หรือชั่วสุดโต่ง ก็มีแต่ อัปรีย์ ด้วยกันทั้งสิ้นทั้งปวง อย่างที่อภิมหาพระอย่าง ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านเตือนๆ เอาไว้แล้วนั่นแล...

                                                            -------------------------------------------------

       แต่การฉุดกระชากลากถูให้ออกไปในทาง กลางๆ เข้าไว้ ก็คงไม่ได้ถึงกับง่ายดายซักเท่าไหร่ เพราะถ้าหากมันออกไปทางกลางๆ แบบ กลางกลวง อันนั้น...ยิ่งอาจจะแย่เข้าไปใหญ่ การดึงแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง ให้ออกไปในทาง กลางๆ เข้าไว้ จึงต้องมีสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ นั่นเอง เอาไว้เป็นตัวชี้วัด ตัดสิน ว่าอะไรมันเป็นไปตามธรรมชาติ ตามครรลองคลองธรรมมาก-น้อยเพียงใด และอะไรที่ไม่ว่าดี หรือชั่ว มันอาจออกไปทาง ตึงไป หรือ หย่อนไป บรรดาผู้ที่มีสติ-ปัญญาและผู้ใฝ่ธรรมะทั้งหลาย จึงถือเป็นผู้ที่มีหน้าที่โดยตรง ที่จะช่วยโน้มน้าว ทัดทาน ช่วยประคับประคองให้ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ออกไปในทาง กลางๆ เข้าไว้...

                                                         -----------------------------------------------

       แต่ถ้าหากผู้ที่มีสติ-ปัญญา หรือผู้ที่เคยใฝ่ธรรมทั้งหลาย...ดันแปรสภาพตัวเองกลายเป็น ติ่ง กันไปซะหมด อันนี้...เสียหาย ไม่ก็ฉิบหายแน่ๆ!!! โดยเฉพาะในอนาคตเบื้องหน้า เพราะการสรรหาเหตุผลมาอธิบาย การลากเอาแม่น้ำนับร้อยๆ สาย มารองรับสิ่งที่ตัวเองชอบใจ ถูกใจ โดยไม่สนใจหลักการพื้นฐานของธรรมะเอาไว้บ้างเลย ไม่ว่าจะเป็นศีลธรรม คุณธรรมขั้นพื้นฐาน หรือมโนธรรมที่ปุถุชนคนธรรมดาโดยทั่วไป พึงมีติดปลายนวมเอาไว้บ้าง ไม่ว่าจะเป็น หิริ หรือความละอายต่อบาป โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อบาป อะไรต่อมิอะไรมันก็เลยปราศจาก มาตรฐาน ที่ชัดเจน ต้องสวิงมา สวิงไป ตามความชอบใจ ถูกใจ ตามประโยชน์ส่วนตัว หรือ ความเห็นแก่ตัว ของตัวเองนั่นแล...

                                                          --------------------------------------------------

       ภายใต้สภาพเช่นนี้นี่เอง...ที่มันทำให้เกิด ฝ่าย ต่างๆ ชนิดเยอะแยะ ยั้วเยี้ย ไปหมด ไม่ใช่แค่ฝ่ายเหลือง-ฝ่ายแดง อย่างที่เคยเยอะแยะ ยั้วเยี้ย กันมาเยอะแล้ว แต่ยังย่อย-แยก-แตก-กระจาย ออกไปเป็นชิ้นส่วนต่างๆ กลายเป็น การเมืองแบบสามก๊ก ที่สอดแทรกไปด้วยก๊กแต่ละก๊กอยู่ภายในก๊กแต่ละก๊กซะอีกด้วยต่างหาก ทั้งๆ ที่ พงศาวดารสามก๊ก มันผ่านพ้นมานับเป็นพันๆ ปีเข้าไปแล้ว แต่กลับสามารถนำมาแอพพลายใช้กับการเมืองประเทศไทยได้แม้จนตราบเท่าทุกวันนี้ ก็ด้วยเหตุเพราะมันปราศจากมาตรฐานที่ชัดเจน ที่จะเอาไว้กำกับความถูกใจ-ไม่ถูกใจ ของแต่ละฝ่ายนั่นเอง...

                                                          ---------------------------------------------------

       สำหรับผู้ที่ไม่ได้คิดจะเป็น ติ่ง ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งแล้ว...มันจึงกลายเป็น การเมืองที่น่าเบื่อหน่าย เอามากๆ แบบเดียวกับที่เคยทำให้พวกอดีตนักปราชญ์ พวกที่คิดพัฒนาตัวเองขึ้นไปเป็น เซียน ในเมืองจีน ต้องวิ่งไปเอาน้ำในลำธารล้างหู ทันทีที่ได้ยินการพูดถึงเรื่องการมง การเมือง ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ตาม และเมื่อบ้านเมืองปราศจากนักปราชญ์ สุดท้าย...ทุกสิ่งทุกอย่างก็เลยเป็นอันต้องเสร็จ จิ๋นซีฮ่องเต้ ไปด้วยประการละฉะนี้ ต้องเจอกับการรวมศูนย์อำนาจและรวมแผ่นดินจีน ชนิดหินทุกก้อน ทรายทุกเม็ด ต่างเต็มไปด้วย เลือด ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                                            ----------------------------------------------------

       ส่วนบ้านเรานั้น...ก็ยังถือว่าโชคดีที่ ความเป็นไทยๆ ค่อนข้างที่จะเข้ากันได้ดีกับ ความเป็นพุทธ หรืออันที่จริงก็คือ ความเป็นธรรม นั่นเอง ต่างไปจาก ความเป็นจีนๆ ที่ก่อรูป ก่อร่าง มาจากแนวคิดของ ขงจื๊อ ด้วยเหตุนี้...ก็ยังไม่ถึงกับสายเกินไปนัก ที่จะช่วยประคับประคอง ช่วยฉุดกระชากลากถู ให้แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง มันออกไปทาง กลางๆ เข้าไว้ อะไรที่มันถูกใจ หรือไม่ถูกใจ ถ้าหากมันเกิดแปลกแยก ขัดแย้ง กับ ความเป็นธรรม ขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็อย่าเสียเวลาไปหนุน ไปต้าน ไปเชลียร์ หรือไปด่าทอคัดค้าน ปล่อยให้มันเป็นไปตาม กฎเหล็กแห่งธรรมชาติ อันว่าด้วย... ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป น่าจะเข้าท่ากันเยอะเลย...

                                                              -------------------------------------------------

       ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Maya Angelou... Prejudice is a burden that confuses the past, threatens the future and renders the present inaccessible.- อคติ...เป็นภาระทางใจที่ทำให้เรื่องในอดีตสับสน เรื่องในอนาคตถูกคุกคาม และไม่อาจเข้าถึงเรื่องในปัจจุบัน...

                                                                ----------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"