ศาลสั่งคุกตลอดชีวิต "บรรยิน" กับพวก ร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ข่มขู่ให้ยกฟ้องคดีโอนหุ้น จำเลยที่ 2 โดนเบาสุดคุก 33 ปีเศษ “อธิบดีศาลคดีทุจริตฯ” แนบความเห็นแย้งควรประหารบรรยิน ร้ายแรงจำนนหลักฐาน
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2563 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาคดีอุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชายของ น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโส ศาลอาญากรุงเทพใต้ อดีตเจ้าของสำนวนโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ หมายเลขดำ อท.69/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ และ น.ส.พนิดา เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์, นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี, นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี, นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ทั้งหมดภูมิลำเนา จ.นครสวรรค์ เป็นจำเลยที่ 1-6
วันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยที่ 1-6 จากเรือนจำมารับฟังคำพิพากษา ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาต่อหน้าพวกจำเลยที่ห้องเวรชี้ โดยให้สื่อมวลชนรับฟังคำพิพากษาที่ถ่ายทอดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มาที่ห้องพิจารณา 708 ซึ่งคำพิพากษามีรายละเอียดมาก ใช้เวลาในการอ่านนานประมาณ 2 ชั่วโมง บรรยายเกี่ยวกับพฤติการณ์ความผิดของจำเลยที่ร่วมปฏิบัติการอุ้มนายวีรชัยเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563 แล้วข่มขู่ผ่านโทรศัพท์ให้ น.ส.พนิดา ผู้พิพากษาคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั้ง หรือเสี่ยจืด มีคำพิพากษายกฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน กับพวกที่เป็นจำเลยในคดีดังกล่าว โดยมีการต่อยนายวีรชัยจนเสียชีวิต และนำศพไปเผาอำพรางคดี
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้ว มีคำพิพากษาว่าการกระทำของ พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำความผิดอาญาฯ จำคุก 1 ปี, ฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานฯ จำคุก 1 ปี, ฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายฯ ให้ลงโทษประหารชีวิต, ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ลงโทษประหารชีวิต และฐานร่วมกันซ่อนเร้นทำลายศพฯ อำพรางคดี จำคุก 4 ปี
จำเลยที่ 1 ให้การรับข้อเท็จจริงบางส่วน นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม ฐานแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำความผิดอาญาฯ จำคุก 8 เดือน, ฐานแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน โดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานฯ จำคุก 8 เดือน, ฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายฯ จำคุกตลอดชีวิต, ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ จำคุกตลอดชีวิต และฐานร่วมกันซ่อนเร้นทำลายศพฯ อำพรางคดี จำคุก 2 ปี 8 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว ให้นับโทษจำคุกตลอดชีวิตในคดีนี้ ต่อจากโทษจำคุกคดีโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ของศาลอาญากรุงเทพใต้
นายมานัส จำเลยที่ 2 มีความผิดเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักสุด ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่จำเลยที่ 2 ให้การรับข้อเท็จจริงบางส่วน นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน
นายณรงค์ศักดิ์ จำเลยที่ 3 มีความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายฯ ให้ลงโทษประหารชีวิต, ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ลงโทษประหารชีวิต, ฐานร่วมกันซ่อนเร้นทำลายศพฯ อำพรางคดี จำคุก 4 ปี ซึ่งจำเลยที่ 3 กระทำความผิดภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษ จึงให้เพิ่มโทษเป็นจำคุก 5 ปี 4 เดือน
จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายฯ จำคุกตลอดชีวิต, ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ จำคุกตลอดชีวิต, ฐานร่วมกันซ่อนเร้นทำลายศพฯ อำพรางคดี จำคุก 2 ปี 8 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว
นายชาติชาย จำเลยที่ 4 และนายประชาวิทย์ จำเลยที่ 5 ให้ลงโทษฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายฯ ลงโทษประหารชีวิต จำเลยที่ 4-5 ให้การรับข้อเท็จจริงบางส่วน นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกตลอดชีวิตสถานเดียว
ด.ต.ธงชัย หรือ ส.จ.อ๊อด จำเลยที่ 6 ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใดเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายฯ ลงโทษประหารชีวิต จำเลยที่ 6 ให้การรับข้อเท็จจริงบางส่วน นับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกตลอดชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบวรศักดิ์ ทวิพัฒน์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้ทำความเห็นแย้งคำพิพากษาขององค์คณะผู้พิพากษาสำนวนคดีนี้ไว้แนบท้ายด้วย มีประเด็นสำคัญช่วงหนึ่งเกี่ยวกับ พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 อ้างว่ามีมูลเหตุจูงใจมาจากจำเลยที่ 1 กับพวกไม่ได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณาคดีของศาลอาญากรุงเทพใต้ โดย น.ส.พนิดา โจทก์ร่วมไม่บันทึกคำพยานที่สำคัญที่ฝ่ายจำเลยที่ 1 กับพวกซักถามหรือถามค้านพยาน เมื่อจำเลยที่ 1 กับพวกยื่นคำร้องคัดค้านขอถอนโจทก์ร่วมออกจากการเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนและองค์คณะต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ อธิบดีฯ พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
และจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องต่อประธานศาลฎีกาเพื่อคัดค้านผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ประธานศาลฎีกาพิจารณาแล้วมีความเห็นว่า กรณีมิใช่เหตุที่จะคัดค้านผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน จึงไม่มีเหตุโอนสำนวน และมีคำสั่งให้ยุติเรื่อง ซึ่งในกรณีเช่นนี้หาใช่ฝ่ายจำเลยที่ 1 กับพวกจะหมดหนทางที่จะได้รับความเป็นธรรม โดยจำเลยที่ 1 อาจยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาสืบพยานในประเด็นคำพยานที่อ้างว่ามีความสำคัญนั้น และหากศาลไม่อนุญาตก็สามารถยื่นคำร้องคัดค้านเพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกา โดยขอให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาพิจารณามีคำวินิจฉัยให้สืบพยานในประเด็นคำพยานที่อ้างว่ามีความสำคัญนั้นได้
จำเลยที่ 1 เคยรับราชการตำรวจตำแหน่งพันตำรวจโท และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกับรัฐมนตรีมาก่อน ประกอบกับมีทนายความช่วยแก้ต่างคดีให้ แต่จำเลยที่ 1 กับพวกในคดีนี้ กลับใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายเพื่อให้เจ้าพนักงานปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง สมควรลงโทษในสถานหนักเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง และเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำความผิดในลักษณะเช่นนี้อีก
ท้ายความเห็นแย้งสรุปได้ว่า คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1-2 และ 4-6 เพราะจำนนต่อพยานหลักฐานที่ปรากฏจากภาพกล้องวงจรปิด ข้อมูลจากพยานบุคคลต่างๆ ที่พนักงานสอบสวนสอบปากคำ รวมทั้งข้อมูลจากรายงานการสืบสวนและพยานหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวน ฝ่ายจำเลยได้ตรวจสอบและขอคัดถ่ายในชั้นตรวจพยานหลักฐานของศาล ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษที่จะลดโทษให้ ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 3 ตลอดชีวิตสถานเดียว สำหรับจำเลยที่ 1-2, 4-6 เมื่อร่วมโทษทุกกระทงแล้ว คงให้ประหารชีวิตสถานเดียว
ทั้งนี้ นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า สำหรับการทำความเห็นแย้งของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในคดีนี้นั้น เป็นไปตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 11 บัญญัติไว้ว่า ประธานศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น และผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ต้องรับผิดชอบในราชการของศาลให้เป็นไปโดยเรียบร้อย และให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ด้วย โดย (1) นั่งพิจารณาและพิพากษาคดีใดๆ ของศาลนั้น หรือเมื่อได้ตรวจสำนวนคดีใดแล้วมีอำนาจทำความเห็นแย้งได้ โดยความเห็นแย้งดังกล่าวจะถูกแนบไปพร้อมกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเพื่อประกอบการพิจารณา หากมีการนำคดีขึ้นสู่ศาลสูงต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |