'จตุพร' ขยี้ 'เจ๊' คนใกล้ชิดบุญทรง ทำบ้านเมืองพังพินาศย่อยยับ ลั่นไม่ไว้หน้าเพื่อไทยป้ายสีไปพลังประชารัฐ


เพิ่มเพื่อน    

15 ธ.ค.63 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk โดยย้ำว่า เจ๊ที่ใกล้ชิดนายบุญทรงนั้น ตลอดเวลา 7 ปีกว่าได้ทำความเสียหายต่อบ้านเมือง และยังพังพรรคพินาศ พร้อมทำลายขบวนการต่อสู้ประชาชนย่อยยับมาแล้ว

“มีการถามว่า เจ๊ เป็นใครนั้น จะสรุปความง่ายๆว่า เจ๊ที่ว่า ไม่ได้เป็นคุณหญิง ไม่เคยเป็นนายกฯ แต่เจ๊ที่ว่ายังมีสิทธิ์ใกล้ชิดบุญทรง ดังนั้น เจ๊อื่นๆไม่เข้าข่ายทั้งปวง ถ้าอธิบายว่า เจ๊ที่ใกล้ชิดบุญทรงนั้น คนทั้งบ้านทั้งเมืองจะเข้าใจ”

นายจตุพร กล่าวว่า ความจริง ถ้าไม่มีใครมาเล่นกับตนก่อน ด้วยการกล่าวหาให้เสียหาย ทั้งที่ตนต่อสู้ทางประชาธิปไตยมาค่อนชีวิต และไม่ได้เป็นคนลมเพลมพัดไปตามกาลเวลา ดังนั้น หากไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับคนที่กล่าวหา เพื่อปกป้องจุดยืนทางการเมืองของตัวเองแล้ว ตนก็เป็นคนที่ใช้ไม่ได้เช่นกัน

อีกอย่าง ตนมักอธิบายเสมอว่า ถ้าต้องการเป็นนักการเมืองตามประสานักเลือกตั้งแบบปกติที่ทำกัน โดยรอพูดอภิปรายในสภา ซึ่งตนสามารถอยู่ได้อย่างสบายและมีเกียรติยศ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมาลงถนน ไม่ต้องเผชิญกับถูกจำคุก ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมากมายเลยด้วยซ้ำ

“เมื่อเกิดกรณีเชียงใหม่ขึ้น พฤติกรรมของนักเลือกตั้ง และของเจ๊เฮงซวยทั้งหลายนี่ เขาก็ใช้วิธียืมพร้าที่ใส่ด้ามไผ่ มาฟาดฟันกอไผ่ คือ ยืมมือคนเสื้อแดงมากล่าวหาว่า ผมไปพลังประชารัฐ ไปรับจ้างบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ มาแก้เกม เมื่อเล่นวิธีการโสมมแบบนี้ ผมก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกัน ไม่ว่าหน้าเจ๊หรือหน้าใครก็ตาม เพราะเป็นวิธีที่สามานย์ชั่วช้าที่สุด ที่รู้กันเต็มอก”

อีกทั้ง เรื่องราวมากมายนั้น คนที่ตนพูดถึง ย่อมรู้ดีว่าเจ๊หมายถึงใคร พรรคเพื่อไทยถ้าไม่ไขสือกันก็รู้กันเต็มอก แต่มาไขสือกันแล้ว ตนขอถามหัวใจหน่อยว่า รับพฤติกรรมในคดีบอส กระทิงแดง ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องหลักที่ตนออกมาพูดถึงเจ๊ แต่ตนทนไม่ได้คือ กล่าวหาว่า ไปร่วมกับเผด็จการ นั่นเป็นเรื่องสำคัญในอันดับรอง

"ผมถามพรรคการเมืองที่ส่ง กล้าการันตีหรือไม่ว่า คนที่ส่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ หากดูข่าวย้อนหลังไป โดยพิจารณาผลการสอบของชุดนายวิชา มหาคุณ แล้ว ย่อมรู้กับทั้งนั้นว่า ส.ว. ชื่อ ช. หมายถึงใคร”

ส่วนวิธีการยัดเยียดใส่ความว่า เป็นคนของพรรคพลังประชารัฐนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ตนนำคนพรรคส่งลงสมัครนาย อบจ.นครพนม มาเทียบเคียง ซึ่งเป็นคนที่มีความแน่ชัดว่า เป็นคนพลังประชารัฐด้วย จึงสะท้อนถึงความสามานย์ได้อย่างมาก เพราะยัดเยียดให้คนอื่นเป็นพลังประชารัฐ ทั้งทมี่ไม่ได้เป็น แต่คนเป็นพลังประชารัฐกลับยกย่องเชิดชูเป็นนักประชาธิปไตย ดังนั้น การเลือกตั้ง อบจ. ช่วงโค้งสุดท้ายนั้น สาระหลักและสำคัญคือ จะเห็นแก่พวกพ้องมากกว่าความถูกต้องของชาติบ้านเมืองหรือไม่

รวมทั้ง ถ้าพวกพ้องสร้างความเสียหายให้กระบวนการยุติธรรมตั้งต้น ซึ่งตนต่อสู้มาตลอด แต่เพื่อไทยไม่เถียงตนว่า ผู้สมัครที่ส่งลงนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีบอส กระทิงแดงหรือไม่ แต่กลับมาย้อนว่าทำไมพูดถึงตัวย่อ ช. ซึ่งรู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว แม้เปลี่ยนชื่อจริง ชื่อเล่นภายหลังก็ตาม แต่โดยลักษณะ ทั้งบุคลิก พฤติกรรมของบุคคลนั้น เป็นคนเดียวกันที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีบอส กระทิงแดง ทั้งสิ้น

“ทั้งพฤติกรรมนั้น คนในแวดวงก็รู้ว่า อำนาจและเงินตราที่ไปทำลายกระบวนการยุติธรรมตั้งต้นอย่างย่อยยับนั้น มันเป็นความเลวร้ายของชาติบ้านเมือง ถ้าไม่แยกจุดถูก-ผิดแล้ว วันข้างหน้าจะไปสู้อะไรได้ ที่สู้มานั้นเพื่อความยุติธรรมไม่ใช่หรือ หรือสู้เพื่อตามใจเจ๊ ถ้าเจ๊ไม่ชวยแล้วอยู่ไม่ได้ แต่ผมอยู่ได้ไม่มีปัญหา ถ้าผมตามใจเจ๊ ชีวิตผมจะอยู่อย่างบัดซบที่สุด อยู่เหมือนตายทั้งเป็น”

ดังนั้น ยืนยันว่า ในคดีบอส กระทิงแดง จึงไม่อาจรับได้กับการปั้นพยานเท็จ เพื่อเปลี่ยนความเร็วรถจาก 177 กม.ต่อชั่วโมง มาเป็นคำให้การความเร็วแค่ 50-60 กม.ต่อชั่วโมง ซึ่งตามสามัญสำนึกย่อมรู้ได้ทันที่ว่า ความเร็วจากปากพยานเท็จรายนี้ไม่อาจชนจนลากร่างของดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ไปไกลได้ถึง 60 เมตร และรถมอเตอร์ไซด์ไปไกลถึง 160 เมตร ซึ่งต้องเกิดจากรถที่ขับด้วยความเร็วสูงเท่านั้น สิ่งนี้เป็นการพิสูจน์ชัดเจนว่า กระบวนการยุติธรรมตั้งต้นได้สมคบแหกตากัน

เมื่อพยานเท็จคนนี้ที่ชื่อนายจารุชาติ มาดทอง ตายด้วยอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ล้ม อีกทั้งโทรศัพท์ถูกททุบทำลายจากคนอื่นที่อยู่ในก๊วนเดียวกัน ดังนั้นสภาพพ่อบ้านเศรษฐีในคดีบอสกับนายจารุชาติ จึงไม่แตกต่างกัน ถ้าถูกซักในชั้นการสอบสวนคงคายความจริงแน่ ดังนั้น ชุดนายวิชา จึงตั้งข้อสงสัยว่า ความตายนายจารุชาติ เหมือนถูกฆ่าตัดตอน

นายจตุพร ตำหนิว่า พวกติ่งพรรคพร้อมเอาใจเจ๊แบบขาดสติ แค่ไม่พูดความจริงกับประชาชน ถามว่าแล้วจะให้คนชั่วไปเหยียบบันได อบจ.หรือ โดยในกรณีนี้ และในวันนี้ไม่ใช่เรื่องหน้าตาของใคร แต่เป็นเรื่องถูกต้องกับสิ่งไม่ถูกต้อง ซึ่งต้องแสดงจุดยืนกันให้ชัด

อย่างไรก็ตาม ถ้าพรรคบอกว่า นาย ช.ไม่เกี่ยวกับ พ. และเป็นคนละคนกัน ก็ลองแถลงมาสิ ตนก็จะยอมใจเหมือนกัน เอาละจะแถเรื่องเจ๊ ก็ว่ากันไป แต่ลองไปดูปรากฎการณ์ของนายบุญทรงเข้าคุกไปหัวดำ เจออีกทีหัวขาวหาดำไม่ได้สักเส้นเดียว แต่นั่นเป็นสัจธรรมมนุษย์

“ส่วนเรื่องจุดยืนหลักคือ เราต่อสู้เรื่องอะไร เรื่องประชาธิปไตย เรื่อง รธน. เรื่องความถูกต้องในสิ่งที่ดีงาม แต่ที่สู้มานั้น ความคิดของคนที่สู้ไม่ได้ ต้องใช้ระบบพรรคมาแก้ตัว มันพังไม่รู้จะพังอย่างไงแล้ว”

นายจตุพร ย้ำว่า ยิ่งเรื่อง พรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย ถ้าให้แต่ประชาชนในวันนั้น ก็ไม่ต้องมาเจ็บปวด ไม่ต้องพังกันถึงขนาดนี้ ดังนั้น การไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี หรือแยกแยะไม่ได้แล้ว เป็นคนก็ยังไม่ได้เลย ส่วนที่ไปแสดงกันที่เชียงใหม่นั้น คงกลัวลูก-เมียไม่ได้ลง ส.ส. แต่เมื่อมาทำลายจุดยืนกันแล้ว คงนึกว่าตนจะกลัวเรื่องการถูกขับออกจาก ประธาน นปช. ซึ่งไม่มีวัน

“พรรคการเมืองควรเกรงใจประชาชน เพราะประชาชนมอบความไว้วางใจให้ แต่พรรคไปเอาใครก็ไม่รู้ มีข้อสงสัยถึงการทำลายกระบวนการยุติธรรมในคดีบอส กระทิงแดง และยังจะให้ประชาชนตามไปสนับสนุนแบบนี้หรือ บ้านเมืองอยู่แบบนี้ไม่ได้ ถ้าเป็นพรรคการเมืองแบบนั้น แสดงว่า เป็นพรรคที่ไม่เคยเห็นหัวประชาชนอย่างแท้จริง ไม่เคยเกรงใจประชาชน เพราะการกระทำแบบนี้เป็นการทำร้ายหัวใจประชาชน”

อีกอย่าง ในการทำงานการเมืองนั้น ต้องเป็นคนมีเกียรติ ต้องบอกความจริงกับประชาชน ถ้าทัศนะต่อสู้บนเส้นทางประชาธิปไตยต้องตามใจเจ๊แล้ว ในหลายกรณีเจ๊ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนความเสียหายให้กับชาติบ้านเมืองที่ผ่านมา โดยตนยังมีเรื่องราวอีกมากที่จะพูดถึงกัน

นายจตุพร กล่าวว่า ผลแพ้ หรือชนะทางการเมืองเลือกตั้ง อบจ.นั้น เป็นเรื่องเล็ก แต่กรณีเชียงใหม่แล้ว ตนเลือกอยู่ข้างสิ่งที่เล็ก เพราะถูกสิ่งที่ใหญ่กว่ากระทำทำลาย สร้างความเอารัดเอาเปรียบโดยมิชอบ ไร้คุณธรรม และที่สำคัญได้เหยียบย้ำหัวใจกันทั้งความเป็นมิตรสหาย รวมทั้งจุดยืนทางการเมือง ซึ่งตนไม่อาจรับได้

“ถ้าเราละเลยในเรื่องนี้แล้ว นั่นหมายความว่า ที่สู้กันมา ติดคุก บาดเจ็บ ล้มตายนั้น เราจะยอมให้เจ๊หรือคนใดคนหนึ่งไปทำลายอุดมคติทางการต่อสู้หรือ ผมถามหน่อยไม่ว่าเป็นคนเสื้อไหนๆ แล้ว รับกับคดีบอส กระทิงแดง ได้หรือ  ดังนั้นจึงถามคนเชียงใหม่และทั้งประเทศว่า เราแสวงหาความยุติธรรม หรือเลือกเอาความอยุติธรรมกัน”


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"