'คนละครึ่ง' ไม้เด็ดกู้หน้ารัฐบาล ดันเฟส 2 โกยคะแนนนิยมปชช.


เพิ่มเพื่อน    

            จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ “โควิด-19” ที่ส่งผลพวงปัญหาด้านเศรษฐกิจ กระทั่งนำมาสู่มาตรการเยียวยาต่างๆ ที่ภาครัฐผุดออกมาช่วยเหลือประชาชนในหลากหลายโครงการ ซึ่งล่าสุดรัฐบาลได้เคาะของขวัญปีใหม่เบื้องต้นให้ประชาชน 4 กล่องใหญ่

                ได้แก่ 1.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 เพิ่ม 5 ล้านสิทธิ์ ใช้จ่าย 3,500 บาท 2.เพิ่มวงเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 500 บาท เป็นเวลา 3 เดือน 3.ปรับปรุงโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เช่น เพิ่มสิทธิ์จองห้องพักเพิ่มเป็น 15 คืน และ 4.ประกันรายได้ชาวสวนยาง ระยะที่ 2

                แต่โครงการยอดฮิตติดกระแสแบบได้ใจประชาชนจนพูดกันปากต่อปาก แย่งกันลงทะเบียนจนเว็บไซต์ล่ม เห็นจะเป็น “โครงการคนละครึ่ง” ที่ออกมาเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ แบบที่ประชาชนรู้สึกจับต้องได้จริงๆ ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม

                หลังจากโครงการนี้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนในเฟส 1 ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com เพื่อรับสิทธิ์เงิน 3,000 บาทต่อราย ใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ไม่เกินวันละ 150 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 10 ล้านราย

            กระทั่งเสียงตอบรับท่วมท้น กลายเป็นโครงการที่ประชาชนเข้าร่วมมากที่สุดในขณะนี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงสั่งดันเฟส 2 ออกมาต่อเนื่องทันที โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ และเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -31 มีนาคม 2564 ซึ่งกลุ่มเป้าหมายยังคงเป็นประชาชนสัญชาติไทยที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ในวันลงทะเบียน มีบัตรประจำตัวประชาชน และไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนไม่เกิน 15 ล้านคน

                โดยเป็นผู้ได้รับสิทธิ์เดิมตามโครงการคนละครึ่ง จำนวนไม่เกิน 10 ล้านคน และผู้ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 จำนวนไม่เกิน 5 ล้านคน จะได้สิทธิ์ไม่เกิน 3,500 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ วงเงินรวม 22,500 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่ลงทะเบียนในรอบแรกแล้ว ยังสามารถกดยืนยันใช้สิทธิ์ต่อเนื่อง โดยจะได้รับเงินเพิ่มเติม 500 บาท

                และโครงการในเฟส 2 นี้ รัฐบาลตั้งเป้าให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 45,000 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวร้อยละ 0.14 แต่เมื่อรวมทั้ง 2 ระยะ เงินหมุนเวียนในระบบจะสูงถึง 105,000 ล้านบาท GDP ขยายตัวร้อยละ 0.32

                มากไปกว่านั้น ในห้วงที่สถานการณ์รอบด้านยังรุมเร้ารัฐบาลเช่นนี้ ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าจากต่างประเทศ และการลักลอบเข้ามาตามแนวชายแดนในช่วงนี้ ปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ยังต้องเร่งฟื้นตัวต่อเนื่อง เพื่อปากท้องของประชาชนและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน รวมถึงปัญหาทางการเมือง ทั้งแรงต่อต้านจากฝ่ายตรงข้าม และการถูกขับไล่จากม็อบสามนิ้วที่ยังไม่จบง่ายๆ ในเร็ววันนี้ ทำให้รัฐบาลโดยการนำของ “บิ๊กตู่” ต้องเร่งเครื่องผลิตผลงานออกมาให้ประชาชนได้จับต้องมากที่สุด

                ซึ่งต้องยอมรับว่าโครงการ “คนละครึ่ง” เป็นโครงการที่ช่วยกู้หน้ารัฐบาลจากทุกๆ สถานการณ์ได้เป็นอย่างดี เรียกว่าเป็นโครงการที่ขึ้นชื่อ แซงทุกกระแสในเวลานี้ โดยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นของภาครัฐ โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ในเดือนพฤศจิกายน 2563 พบว่าโครงการคนละครึ่งได้รับความนิยมจากประชาชนเข้าร่วมสูงที่สุด 

                ทำให้อย่างน้อยเวลานี้ ถึงแม้ “รัฐบาล” จะต้องเจอกับสถานการณ์ทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดเพียงใด แต่ก็ยังมีเรื่องดีๆ ที่ประชาชนได้จดจำ ทั้งยังช่วยลดแรงเสียดทานจากสังคมได้บ้าง.   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"