14 ธ.ค.63 นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ อ.เชียงของ จ.เชียงราย บนเนื้อที่ 336 ไร่ มูลค่ารวม 2,139 ล้านบาท แบ่งเป็นวงเงินก่อสร้าง 1,360 ล้านบาท และวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 779 ล้านบาท มีก้าวหน้าผลงานกว่า 90% โดยส่วนนี้ได้ก่อสร้างอาคารหลักและองค์ประกอบต่างๆ เสร็จแล้ว เช่น อาคารสำนักงานใหญ่ อาคารสถานีขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ อาคารคลังสินค้า และอาคารพื้นที่ควบคุมร่วมกัน ส่วนงานที่เหลือเก็บรายละเอียดงานให้เรียบร้อยมากขึ้น คาดว่าโครงการดังกล่าวตามสัญญาจะแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.นี้ และเปิดให้บริการต้นปี 64 ต่อไป   

ขณะเดียวกันได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการรถบรรทุกขนส่งสินค้าได้ทราบความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เพื่อเตรียมความพร้อมมาใช้บริการแล้ว แต่เนื่องจากขณะนี้ด่านพรมแดนเชียงของ จ.เชียงรายได้มีการดำเนินการตามาตรการสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทำให้มีการขนส่งสินค้าตามความจำเป็นและเหมาะสมเท่านั้น จากเดิมที่ยังไม่มีโควิด-19 ด่านพรมแดนเชียงของจะมีรถบรรทุกขนส่งสินค้าเข้า-ออกด่านจำนวนมาก เพื่อขนส่งสินค้าจากไทยไปประเทศ สปป.ลาว เชื่อมต่อไปยังจีนได้  

นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามถ้าสภาวะเศรษฐกิจกลับมาสู่ปกติ ช่วงที่เปิดบริการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของคาดว่าจะได้รับความนิยมในการขนส่งสินค้าพอสมควร เพื่อกระจายสินค้าไปสู่ภูมิภาค และเป็นศูนย์ขนส่งสินค้าแห่งแรกในพื้นที่ต่างจังหวัดของ ขบ. ที่เคยดำเนินการก่อสร้างศูนย์ขนส่งสินค้ามา เนื่องจากปัจจุบันมีศูนย์ขนส่งสินค้า 3 แห่ง ได้แก่ สถานีขนส่งสินค้าร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ สถานีขนส่งสินค้าพุทธมณฑล จ.นครปฐม และสถานีขนส่งสินค้าคลองหลวง จ.ปทุมธานี ทั้งนี้ยังเป็นไปตามนโยบายกระทรวงคมนาคมที่ต้องการสร้างศูนย์กระจายสินค้าตามพรมแดนสามารถเชื่อมต่อระบบอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะศูนย์นี้จะเชื่อมต่อการขนส่งทางบกสู่ทางราง โดยผ่านโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในอนาคต   

อย่างไรก็ตามโครงการนี้เมื่อเปิดให้บริการแล้ว ขบ. จะเข้ามาบริหารเองไปก่อน 1 ปี เนื่องจากขณะนี้เตรียมเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost โดยภาครัฐเป็นผู้ลงทุนค่าเวนคืนที่ดิน และค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ส่วนเอกชนเป็นผู้ลงทุนค่าเครื่องมืออุปกรณ์ยกขน และงานระบบบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ และรับผิดชอบในส่วนของการบริหารจัดการและบำรุงรักษา (O&M) ตลอดระยะเวลาร่วมลงทุน 15 ปี คาดว่าสามารถออกประกาศเชิญชวนเอกชนที่สนใจเข้าร่วมลงทุนได้ในช่วงกลางปี 64 จากนั้นเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก และคาดว่าจะได้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการศูนย์ขนส่งสินค้าช่วงปี 65