"จตุพร" ประกาศลั่น รัก "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" แต่แตกหักเจ๊ สุดท้ายลากไส้ไม่เหลือ หวานอมขมกลืนกับเพื่อไทยที่เอา "ชัยเกษม" คนสั่งฟ้องแกนนำ นปช.คดีบ้านป๋าเปรมเข้าพรรค "เจ๊" อยู่เบื้องหลังลักหลับ พ.ร.บ.สุดซอย คนเขาด่าเจ๊ทั้งประเทศไทย มีเรื่องอย่าให้กลับไปช่วยอีก เราพังเพราะเจ๊กันมามากแล้ว อย่าให้เจ๊มาพังเชียงใหม่อีก
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปราศรัยหาเสียงช่วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) เชียงใหม่ ที่ อ.สันกำแพง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของสองอดีตนายกรัฐมนตรีพี่น้องคือ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และยังเป็นบ้านเกิดของนายบุญเลิศด้วย
ประธาน นปช.ปราศรัยว่า รู้จักอดีตนายกฯ ทักษิณครั้งเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรมเมื่อปี 2538 และติดตามมาต่อเนื่องทั้งในพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และมาถึงพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน แต่ทุกพรรคดังกล่าวตนไม่เคยลาออกเลย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ตนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปีเนื่องจากถูกขังคุก จึงพ้นสมาชิกพรรคการเมืองโดยปริยายตามกฎหมายบังคับไว้
"ในทางการเมืองของผม ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาตลอดตั้งแต่การร่วมชุมนุมในเหตุการณ์พฤษภา 2535 แล้วมาสังกัดพรรคการเมือง และผลการต่อสู้ทำให้ชีวิตเข้า-ออกคุก 4 ครั้ง มีคดีการเมืองอีกมาก ต้องขึ้นศาลต่อสู้กันในขณะนี้"
นายจตุพรกล่าวว่า ในช่วงการทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยนั้น อดทนมาตลอด ไม่เคยขัดขวางพรรคจะเอาใครมาสังกัดด้วย โดยเฉพาะต้องหวานอมขมกลืนกับการเอานายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด ที่สั่งฟ้องพวกตน 15 คนในคดีชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์เมื่อปี 2550 ทั้งที่คณะทำงานอัยการได้พิจารณาสำนวนคดีและสั่งไม่ฟ้องแกนนำ นปช.แล้ว ในคดีชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาฯ ถูกแยกฟ้องจำเลย 15 คนออกเป็น 2 สำนวน โดยตนไม่ได้ร้องขอให้แยก และตนถูกฟ้องอยู่ในสำนวนที่ 2 ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อยู่ในสำนวนที่ 1 และถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน ซึ่งจะได้รับการพักโทษในไม่ช้านี้
"ยึดมั่นเสมอว่าถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับชาติบ้านเมืองก็จะอดทน เหมือนอดทนกับนายชัยเกษมเข้ามาอยู่พรรคเพื่อไทย แต่กรณีของนายบุญเลิศ ผมไม่อดทน เพราะเห็นว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจากพรรค เนื่องจากไม่ได้รับพิจารณาให้ลงสมัครนายก อบจ.ในสังกัดพรรค"
เขากล่าวว่า นายบุญเลิศและตระกูลบูรณุปกรณ์อยู่ในสนามการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่นเชียงใหม่ โดยตั้งกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรมมานานกว่า 25 ปี นายปกรณ์เป็น ส.ส.ไทยรักไทย น.ส.ทัศนีย์เป็น ส.ส.เพื่อไทย และนายบุญเลิศเป็นนายก อบจ.เชียงใหม่ ดังนั้นตระกูลนี้จึงแนบสนิททางการเมืองกับอดีตนายกฯ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ กระทั่งนายบุญเลิศบอกว่าการลงเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ครั้งนี้ ถ้าอดีตนายกฯ ทักษิณบอกไม่ให้ลงแล้วเขาก็ไม่ลง แต่ไม่มีบอก เขาจึงต้องสมัครในนามกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ส่วนพรรคเพื่อไทยกลับไปเอาคนเชียงรายมาลงในนามพรรคแทน
นายจตุพรกล่าวว่า จุดเริ่มต้นพรรคเพื่อไทยไม่เอานายบุญเลิศนั้น เริ่มจากเหตุการณ์รณรงค์ไม่รับร่าง รธน.60 ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีนโยบายไม่รับ จึงมอบหมายให้อดีต ส.ส.และเครือข่ายการเมืองท้องถิ่นทั่วประเทศไม่รับด้วย ส่วนที่เชียงใหม่ เมื่อรณรงค์ประชามติไม่รับร่าง รธน.ตามนโยบายพรรคแล้ว ตระกูลบูรณุปกรณ์ก็ถูกจับหมด ทั้งนายบุญเลิศ น.ส.ทัศนีย์ รวมทั้งหลานสาวและพรรคพวก นายบุญเลิศและ น.ส.ทัศนีย์ถูกคุมขังที่คุกทหาร มทบ.11 แล้วถูกย้ายมาเรือนจำเชียงใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกคำสั่งมาตรา 44 สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 2 ปี เมื่อใกล้ถึง 2 ปีก็ให้กลับมาทำงานนายก อบจ.ตามเดิมได้
ไม่ได้ทรยศอะไรเลย
"เมื่อบุญเลิศถูกขัง เจ๊ๆๆ ก็ไปชูมืออีกคนหนึ่งให้มาลงนายก อบจ.แทน ทั้งๆ ที่บุญเลิศติดคุกจากการรณรงค์ไม่รับร่าง รธน. ผมจึงเชื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งที่ทำตามนโยบายพรรค"
ประธาน นปช.ปราศรัยว่า ในช่วงที่นายบุญเลิศได้รับตำแหน่ง นายก อบจ.คืน จึงถูกกล่าวหาว่าเป็นคนพลังประชารัฐ แต่ตอนถูกสั่งติดคุกกลับไม่กล่าวหา อีกทั้งเมื่อมาสมัครนายก อบจ. ก็ใส่ร้ายว่าไปอยู่พลังประชารัฐอีก โดยเอารูปถ่ายกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาบิดเบือน ซึ่งเป็นรูปแสดงความยินดีการตั้งสาขาพรรค และนายบุญเลิศก็ยินดีถ่ายรูปกับ อ.ชำนาญ จันทร์เรือง พรรคอนาคตใหม่เช่นกัน กลับไม่เอามาแสดงหรือพูดถึง
"ผมมาช่วยบุญเลิศด้วยเหตุผลที่กระทบกับชาติบ้านเมือง นอกจากใส่ร้าย กล่าวหาบุญเลิศจนไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว ที่สำคัญพรรคเพื่อไทยเอาใครมาแข่งกับบุญเลิศ เมื่อเขี่ยนายบุญเลิศออกว่าเป็นพลังประชารัฐ แล้วเอาคนอื่นมาแทน แต่คนนั้นต้องเป็นคนที่ดี และกรณีคดีบอส กระทิงแดง เป็นเครื่องสะท้อนถึงการทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จึงเป็นความอยุติธรรมที่ทนไม่ได้"
นายจตุพรยืนยันว่า เคารพอดีตนายกฯ ทักษิณ เอานายชัยเกษม นิติสิริ ที่สั่งพวกตนเข้าคุก พวกตนก็ไม่โกรธ กรณีบุญเลิศ ไม่ได้ทรยศอะไรเลย ยังรักภักดีก็ผลักไปอยู่พลังประชารัฐ ซึ่งเขาไม่ได้ไป แล้วไปเอาคนที่มีข้อสงสัย คนไม่สบายใจและรู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง โดยเอาพรรคมาเสี่ยงกับความรู้สึกของคนไทยได้อย่างไร เพราะคดีนี้ได้สะท้อนถึงการทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้โดยสิ้นเชิง
"รักเคารพอดีตนายกฯ ทักษิณและยิ่งลักษณ์ แต่ผมรับกับเจ๊ไม่ได้จริงๆ แต่ละรัฐบาลที่ผ่านมา พังกับเจ๊มาโดยตลอด และกรณีนี้จำปากผมไว้ พรรคก็จะพังอีก เพราะไปเอาคนที่คนสงสัยมากที่สุด เรื่องเป็นคนเชียงรายเจ๊จะเอามา ถ้าคนเชียงใหม่พร้อมใจเอาคนเชียงรายมาปกครองคนเชียงใหม่ได้ ผมก็ไม่ว่าอะไร"
นายจตุพรย้ำว่า แต่กรณีไปเกี่ยวข้องกับการทำลายความยุติธรรม ตนเข้าคุก-ออกคุกมาแล้ว 4 รอบ เพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรม สองมาตรฐาน แต่เมื่อต่อสู้กับอธรรมกับอยุติธรรม พอมาวันนี้กลับเอาคนที่ทำลายกระบวนการยุติธรรม แล้วเขี่ยคนซื่อสัตย์ภักดีออกไป แล้วเอาคนทำลายความยุติธรรมเข้ามา ดังนั้น ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน อีกอย่างขอบอกว่า จำเป็นต้องเสี่ยงอะไรขนาดนี้หรือ เขามีคุณูปการอะไรกับบ้านเมืองนี้บ้าง มีคุณูปการกับจังหวัดเชียงใหม่อย่างไรบ้าง ถ้าเขาไม่มีมลทินมัวหมอง ไม่เกี่ยวข้องกับคดีบอส ตนก็มาด้วยความยุติธรรมกับนายบุญเลิศเพียงอย่างเดียว
"ข้อเดียวก็หนักแล้ว แต่พอข้อสองเอาคนที่เป็นตัวการสำคัญที่สร้างการสะเทือนขวัญให้ประชาชน ผมไม่อาจรับได้ ผมรับไม่ได้กับคนทำลายกระบวนการยุติธรรม และรับไม่ได้ที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับบุญเลิศ"
นายจตุพรกล่าวว่า ตนกับนายบุญเลิศถูกกล่าวหาว่าไปอยู่พลังประชารัฐ มีบางคนมองว่าตนต้องหักกับอดีตนายกฯ ทักษิณ แต่จะบอกด้วยใจจริงว่า รักเคารพอดีตนายกฯ ทักษิณและยิ่งลักษณ์ แต่รับไม่ได้กับเจ๊จริงๆ
คนเขาด่าเจ๊ทั้งประเทศไทย
"คนเขาด่าเจ๊ทั้งประเทศไทย เจ๊จะทำอะไรก็ได้ พ.ร.บ.สุดซอย ถ้าไม่ลักหลับและฟังกันเสียบ้างเรื่องก็คงไม่เกิด มีเรื่องผมกลับไปช่วยอีก เราพังเพราะเจ๊กันมามากแล้ว ดังนั้นการเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้ อย่าให้เจ๊มาพังเชียงใหม่อีก"
ด้านนายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย และอดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ออกมาโพสต์ข้อความระบุมีคนที่จากพรรคไปแล้วหันกลับมาเผาบ้านตัวเองว่า ตนอยู่กับพรรคนี้มานาน จึงอยากขอฝากคนที่ออกไปว่าขอให้จากกันด้วยดี วันนี้คนที่ยังรักนายทักษิณก็ยังมีอีกมาก คนที่ไป ไม่ว่าจะไปเพราะผลประโยชน์ หรือไปเพราะเดือดร้อนอะไรส่วนตัวก็ตาม ขออย่ากลับมาเผาบ้านตัวเองเลย
"ผมเป็น ส.ส.พรรคนี้ตั้งแต่ไทยรักไทย มาพลังประชาชน จนมาเพื่อไทย ผมก็เห็นว่าท่านทักษิณรักทุกคนเท่าๆ กัน แม้ทุกคนจะไม่ใช่ลูก ไม่ใช่ญาติ แต่ก็มีอุดมการณ์ร่วมกัน ผมก็อยากให้จากกันด้วยดี เพราะเพื่อนๆ ที่เคยรักกันที่ยังอยู่ในพรรคก็ยังมีอีกมาก"
นายสุชาติยืนยันที่จะอยู่ตรงนี้กับพรรคไปจนกว่านายทักษิณจะเลิกยุ่งกับการเมือง เพราะตนเกิดได้ก็เพราะนายทักษิณ ถ้าจะจบก็ขอจบเพื่อนายทักษิณ ชีวิตตน ตนไม่ได้เดือดร้อน ถ้าไม่มีโอกาสเล่นการเมืองก็สามารถไปทำมาหากินอย่างอื่นได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |