ภาพ:เพจPeace News
13 ธ.ค.63-เพจ Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์ แชร์ข่าวจาก Peace News เรื่อง เดือดเชียงใหม่! “ผมรับเจ๊ไม่ได้จริงๆ” ถามพท.ส่ง“ช”ชิงนายก อบจ.หรือไม่ ระบุว่า เมื่อ 13 ธ.ค. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปราศรัยหาเสียงช่วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) เชียงใหม่ ที่ อ.สันกำแพง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของสองอดีตนายกรัฐมนตรีพี่น้อง คือ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และยังเป็นบ้านเกิดของนายบุญเลิศ ด้วย
นายจตุพร กล่าวว่า ตนรู้จักอดีตนายกฯ ทักษิณ ครั้งเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม เมื่อปี 2538 และติดตามมาต่อเนื่องทั้งในพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และมาถึงพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน แต่ทุกพรรคดังกล่าวตนไม่เคยลาออกเลย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยตนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปีเนื่องจากถูกขังคุก จึงพ้นสมาชิกพรรคการเมืองโดยปริยายตามกฎหมายบังคับไว้ อย่างไรก็ตาม ในทางการเมืองของตน ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาตลอดตั้งการร่วมชุมนุมในเหตุการณ์พฤษภา 2535 แล้วมาสังกัดพรรคการเมือง และผลการต่อสู้ทำให้ชีวิตเข้าออกคุก 4 ครั้ง มีคดีการเมืองอีกมากต้องขึ้นศาลต่อสู้กันในขณะนี้
ในช่วงการทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยนั้น ตนอดทนมาตลอด ไม่เคยขัดขวางพรรคจะเอาใครมาสังกัดด้วย โดยเฉพาะต้องหวานอมขมกลืนกับการเอานายชัยเกษม นิติศิริ อดีตอัยการสูงสุดที่สั่งฟ้องพวกตน 15 คนในคดีชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์เมื่อปี 2550 ทั้งที่คณะทำงานอัยการได้พิจารณาสำนวนคดีและสั่งไม่ฟ้องแกนนำ นปช. แล้ว ในคดีชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาฯ ถูกแยกฟ้องจำเลย 15 คนออกเป็น 2 สำนวน โดยตนไม่ได้ร้องขอให้แยก และตนถูกฟ้องอยู่ในสำนวนที่ 2 ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ อยู่ในสำนวนที่ 1 และถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน ซึ่งจะได้รับการพักโทษในไม่ช้านี้
นายจตุพร กล่าวว่า ตนยึดมั่นเสมอว่า ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับชาติบ้านเมืองก็จะอดทนเหมือนอดทนกับนายชัยเกษม เข้ามาอยู่พรรคเพื่อไทย แต่กรณีของนายบุญเลิศ ตนไม่อดทน เพราะเห็นว่า ไม่ได้รับความยุติธรรมจากพรรค เนื่องจากไม่ได้รับพิจารณาให้ลงสมัครนายก อบจ.ในสังกัดพรรค นายบุญเลิศ และตระกูลบูรณุปกรณ์ อยู่ในสนามการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่นเชียงใหม่ โดยตั้งกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรมมานานกว่า 25 ปี นายปกรณ์ เป็น ส.ส.ไทยรักไทย น.ส.ทัศนีย์ เป็น ส.ส.เพื่อไทย และนายบุญเลิศ เป็น นายก อบจ.เชียงใหม่
ดังนั้น ตระกูลนี้จึงแนบสนิททางการเมืองกับอดีตนายกฯทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ กระทั่งนายบุญเลิศ บอกว่า การลงเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่ครั้งนี้ ถ้าอดีตนายกฯทักษิณ บอกไม่ให้ลงแล้ว เขาก็ไม่ลง แต่ไม่มีบอก เขาจึงต้องสมัครในนามกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ส่วนพรรคเพื่อไทย กลับไปเอาคนเชียงรายมาลงในนามพรรคแทน
อีกอย่าง จุดเริ่มต้นพรรคเพื่อไทย ไม่เอานายบุญเลิศนั้น เริ่มจากเหตุการณ์รณรงค์ไม่รับร่าง รธน. 60 ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีนโยบายไม่รับ จึงมอบหมายให้อดีต ส.ส. และเครือข่ายการเมืองท้องถิ่นทั่วประเทศไม่รับด้วย ส่วนที่เชียงใหม่เมื่อรณรงค์ประชามติไม่รับร่าง รธน.ตามนโยบายพรรคแล้ว ตระกูลบูรณุปกรณ์ ก็ถูกจับหมด ทั้งนายบุญเลิศ น.ส.ทัศนีย์ รวมทั้งหลานสาว และพรรคพวก นายบุญเลิศและ น.ส.ทัศนีย์ ถูกคุมขังที่คุกทหาร มทบ.11 แล้วถูกย้ายมาเรือนจำเชียงใหม่ ไม่เพียงเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกคำสั่งมาตรา 44 สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 2 ปี เมื่อใกล้ถึง 2 ปีก็ได้กลับมาทำงาน นายก อบจ.ตามเดิมได้
“เมื่อบุญเลิศถูกขัง เจ๊ๆๆ ก็ไปชูมืออีกคนหนึ่งให้มาลงนายก อบจ.แทน ทั้งๆที่บุญเลิศติดคุกจากการรณรงค์ไม่รับ ร่าง รธน. ผมจึงเชื่อว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งที่ทำตามนโยบายพรรค”
นายจตุพร กล่าวว่า ในช่วงที่นายบุญเลิศ ได้รับตำแหน่ง นายก อบจ.คืน จึงถูกกล่าวหาว่า เป็นคนพลังประชารัฐ แต่ตอนถูกสั่งติดคุกกลับไม่กล่าวหา อีกทั้งเมื่อมาสมัคร นายก อบจ. ก็ใส่ร้ายว่าไปอยู่พลังประชารัฐอีก โดยเอารูปถ่ายกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาบิดเบือนซึ่งเป็นรูปแสดงความยินดีการตั้งสาขาพรรค และนายบุญเลิศก็ยินดีถ่ายรูปกับ อ.ชำนาญ จันทร์เรือง พรรคอนาคตใหม่เช่นกัน กลับไม่เอามาแสดง หรือพูดถึง
นายจตุพร ยกกรณี นายก อบจ.นครพนม ซึ่งเป็นคนของพรรคพลังประชารัฐชัดเจน แต่เมื่อมาอยู่ที่พรรคเพื่อไทย กลับยกย่องเชิดชูว่าเป็นนักประชาธิปไตย ดังนั้น ถ้าเปรียบเทียบกับเชียงใหม่แล้ว นายบุญเลิศจึงเจ็บปวดขมขื่นที่สุด นอกจากนี้ ยังมีให้พี่น้องเสื้อแดงเชียงใหม่คือ นายแก้ว มาแถลงข่าวว่า ตนถูกจ้างให้มาแก้เกมช่วยบุญเลิศ ซึ่งเป็นการบิดเบือน และไม่เป็นความจริงใดๆทั้งสิ้น
“ผมมาช่วยบุญเลิศด้วยเหตุผลที่กระทบกับชาติบ้านเมือง นอกจากใส่ร้าย กล่าวหาบุญเลิศจนไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว ที่สำคัญพรรคเพื่อไทยเอาใครมาแข่งบุญเลิศ เมื่อเขี่ยนายบุญเลิศออกว่า เป็นพลังประชารัฐ แล้วเอาคนอื่นมาแทน แต่คนนั้นต้องเป็นคนที่ดี และกรณีคดีบอส กระทิงแดง เป็นเครื่องสะท้อนถึงการทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศจึงเป็นความอยุติธรรมที่ทนไม่ได้”
ในคดีบอสนั้น เป็นเหตุการณ์ลูกเศรษฐีขับรถเฟอร์รารี่ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ แล้วลากร่างตำรวจไปไกลถึง 60 ม.จนเสียชีวิต คดีนี้มีการซื้อกระบวนการยุติธรรม และสาระสำคัญเกี่ยวพันกับการ เลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ คือ มีพยานฝ่ายผู้ต้องหาชื่อนายจารุชาติ มาดทอง คนสนิท ส.ว.เชียงใหม่ ไปให้ปากพนักงานสอบสวน
โดยนายจารุชาติ บอกเห็นเหตุการณ์ว่า รถผู้ต้องหาวิ่งด้วยความเร็ว 50- 60 กม.ต่อชั่วโมง ทั้งที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบยืนยันว่ารถผู้ต้องามีความเร็ว 177 กม.ชั่วโมง จึงเป็นขบวนการทำลายความยุติธรรม แล้วยังใช้ช่องทาง กมธ.สภามาเป็นเหตุผลให้อัยการสั่งยกฟ้อง
อย่างไรก็ตาม นายวิชา มาหาคุณ อดีตหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งขึ้นนั้น เมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.) ให้สัมภาษณ์ว่า พยานชื่อนายจารุชาติ มาดทอง อยู่ดีๆก็ขับรถมอเตอร์ไซด์ตายยังมีข้อสงสัยที่เชื่อว่า อาจเป็นการฆ่าตัดตอน ต้องสอบสวนให้ชัดเจน และขณะนี้ ปปง.กำลังสอบสวนเส้นทางการเงินว่าเกี่ยวข้องคดีบอส หรือไม่
อีกอย่างในสำนวนสอบสวนของนายวิชานั้น ได้เผยถึงบุคคลที่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีบอส โดยระบุถึงนาย ช. ซึ่งมีลูกน้องชื่อ จ. วัน จ.ตายโทรศัพท์หายอีก ซึ่งเป็นสิ่งมีพิรุธ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยไม่อธิบายความ แต่มาพูดที่เชียงใหม่ ว่า คัดเลือกผู้สมัครเชียงใหม่เป็นคนสุดท้าย พิจารณาอย่างรอบคอบ ได้คนดีที่สุดเป็นคนนี้ และต่อมามีการเปลี่ยนชื่อจริงและเล่นก็ตาม
“นาย ช. ที่ว่านี้ คือคนลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่เป็นคนเดียวกันหรือไม่ และถ้าผลสอบสวนดำเนินคดีไปถึงที่สุดแล้วว่า ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.สังกัดพรรคเพื่อไทยไปเกี่ยวข้องกับคดีบอส กระทิงแดง พรรคเพื่อไทยจะรับผิดชอบกับคนเชียงใหม่อย่างไร”
นายจตุพร ย้ำว่า ตนเคารพอดีตนายกฯทักษิณ เอานายชัยเกษม นิติศิริ ที่สั่งพวกตนเข้าคุก พวกตนก็ไม่โกรธ กรณีบุญเลิศ ไม่ได้ทรยศอะไรเลย ยังรักภักดีก็ผลักไปอยู่พลังประชารัฐ ซึ่งเขาไม่ได้ไป แล้วไปเอาคนที่มีข้อสงสัย คนไม่สบายใจและรู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง โดยเอาพรรคมาเสี่ยงกับความรู้สึกของคนไทยได้อย่างไร เพราะคดีนี้ ได้สะท้อนถึงการทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้โดยสิ้นเชิง
“รักเคารพอดีตนายกฯทักษิณและยิ่งลักษณ์ แต่ผมรับกับเจ๊ ไม่ได้จริงๆ แต่ละรัฐบาลที่ผ่านมา พังกับเจ๊มาโดยตลอด และกรณีนี้จำปากผมไว้ พรรคก็จะพังอีก เพราะไปเอาคนที่คนสงสัยมากที่สุด เรื่องเป็นคนเชียงรายเจ๊เอามา ถ้าคนเชียงใหม่พร้อมใจเอาคนเชียงรายมาปกครองคนเชียงใหม่ได้ ผมก็ไม่ว่าอะไร”
นายจตุพร ย้ำว่า แต่กรณีไปเกี่ยวข้องกับการทำลายความยุติธรรม ตนเข้าคุกออกคุกมาแล้ว 4 รอบ เพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรม สองมาตรฐาน แต่เมื่อต่อสู้กับอธรรม กับอยุติธรรม พอมาวันนี้กลับเอาคนที่ทำลายกระบวนการยุติธรรม แล้วเขี่ยคนซื่อสัตย์ภักดีออกไป แล้วเอาคนทำลายความยุติธรรมเข้ามา ดังนั้น ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน
อีกอย่าง ตนขอบอกว่า จำเป็นต้องเสี่ยงอะไรขนาดนี้หรือ เขามีคุณูปการอะไรกับบ้านเมืองนี้บ้าง มีคุณูปการกับจังหวัดเชียงใหม่อย่างไรบ้าง ถ้าเขาไม่มีมลทินมัวหมอง ไม่เกี่ยวข้องกับคดีบอส ตนก็มาด้วยความยุติธรรมกับนายบุญเลิศเพียงอย่างเดียว
“ข้อเดียวก็หนักแล้ว แต่พอข้อสองเอาคนที่เป็นตัวการสำคัญที่สร้างการสะเทือนขวัญให้ประชาชน ผมไม่อาจรับได้ ผมรับไม่ได้กับคนทำลายกระบวนการยุติธรรม และรับไม่ได้ที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับบุญเลิศ”
นายจตุพร กล่าวว่า ตนกับนายบุญเลิศ ถูกกล่าวหาว่าไปอยู่พลังประชารัฐ มีบางคนมองว่าตนต้องหักกับอดีตนายกฯทักษิณ แต่ตนจะบอกด้วยใจจริงว่า รักเคารพอดีตนายกฯทักษิณและยิ่งลักษณ์ แต่รับไม่ได้กับเจ๊จริงๆ
“คนเขาด่าเจ๊ทั้งประเทศไทย เจ๊จะทำอะไรก็ได้ พรบ.สุดซอย ถ้าไม่ลักหลับ และฟังกันเสียบ้างเรื่องก็คงไม่เกิด มีเรื่องผมกลับไปช่วยอีก เราพังเพราะเจ๊กันมามากแล้ว ดังนั้น การเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้ อย่าให้เจ๊มาพังเชียงใหม่อีก”
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |