เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ถือว่าเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ภาครัฐได้ความสำคัญที่รัฐบาลมุ่งหวังจะช่วยยกระดับการพัฒนาประเทศไปสู่ยุค “ไทยแลนด์ 4.0” โดยได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายไว้ 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง พร้อมทั้งเดินหน้าลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มศักยภาพรองรับการลงทุนและการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมทั้งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการจัดระบบการสะสมเทคโนโลยี เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของประเทศไทย
ซึ่งที่ผ่านมานั้นได้รับความสนใจจากหลายประเทศทั้งลงทุนใหม่และต่อยอดของเก่าที่มี เช่นเดียวกับ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด เกิดจากความร่วมมือ ระหว่าง บริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ผู้ให้บริการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการบริหารจัดการแบบครบวงจร จากประเทศฝรั่งเศส และบริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาและจัดการด้านนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการอย่างครบวงจรกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ระยอง
ผุด ACC ที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง
นายอาร์โนด์ เบียเลคกิ ประธานบริหาร บริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมธุรกิจที่หลากหลายใน 64 ประเทศทั่วโลก ในระยะเวลา 54 ปีทั่วโลก และ 16 ปีในประเทศไทย และเมื่อได้มาร่วมมือกับ บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ผู้พัฒนาและจัดการด้านนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ทำให้ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ดำเนินธุรกิจของ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ารวม 70 ไซต์
"ทั้งนี้ บริษัทมีการให้บริการครอบคลุมการบริหารจัดการอาคาร บริการดูแลและซ่อมบำรุง บริการด้านการรักษาความปลอดภัย บริการงานทำความสะอาด ซึ่งบริการที่ได้รับการตอบรับสูงสุดคือ บริการด้านการรักษาความปลอดภัย โดยตลอดมา บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อมอบการบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้ง ศูนย์อมตะ คอมมานด์ เซ็นเตอร์ (Amata Command Center หรือ ACC) เป็นจุดศูนย์กลางในการบริหารจัดการพื้นที่ภายในนิคมอุตสาหกรรม ที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง และด้วยจุดเด่นของการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว ทำให้ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมสามารถลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทำให้บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด ได้รับการตอบรับตามที่คาดไว้ และทำให้แผนการขยายธุรกิจไปที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะในพื้นที่อื่นเป็นไปได้ด้วยดี
5 ปีลูกค้าเพิ่ม 750 ราย
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ลูกค้าได้มั่นใจต่อการบริการที่ได้รับในทุกๆ วัน ในปี 2564 เป็นต้นไป บริษัทมีแผนที่จะอัพเดตการให้บริการในด้านต่างๆ ให้ทันสมัยและมีคุณภาพเพิ่มขึ้นไป โดยจะมีการเปิดตัว Amata Command Center (ACC) ใหม่ที่เพียบพร้อมด้านเทคโนโลยีและการบริการมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยอื่นๆ เพิ่มเติม ที่เชื่อมต่อไปยัง Amata Command Center (ACC) เช่น ระบบเตือนอัคคีไฟ ซึ่งมีทีมรักษาความปลอดภัยเตรียมพร้อมตอบรับต่อสัญญาณเตือน และมีการเชื่อมต่อระบบ AED Monitoring ภายในอมตะซิตี้ให้ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการนำระบบพลังงานแสงอาทิตย์ โดยทางโซเด็กซ์โซ่หุ้นส่วนผู้เชี่ยวชาญมาใช้เพื่อส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ตั้งเป้าในปี 2564 ให้บริการลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 140 ไซต์งาน ปี พ.ศ.2566 จำนวน 340 ไซต์งาน และปี พ.ศ.2568 จำนวน 750 ไซต์งาน
มุ่งสู่ผู้นำเมืองอัจฉริยะ
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า “ปัจจุบันอมตะเป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ โดยมีพื้นที่ 27,000 ไร่ สำหรับนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี มีจำนวนโรงงานถึง 700 โรงงาน และ 16,895 ไร่ สำหรับนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง มีจำนวนโรงงานถึง 356 โรงงาน จึงมีส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศไทย (GDP) เติบโตขึ้นในทุกๆ ปี
การร่วมดำเนินธุรกิจกับโซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 5 ปี เห็นได้ชัดเจนว่ามีการเติบโตทางธุรกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถตอบโจทย์การให้บริการในแบบ One Stop Service ที่ทางอมตะตั้งเป้าหมายไว้ได้เป็นอย่างดี และอมตะจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้พัฒนาที่ดินและมองหาทำเลที่ดีสำหรับการธุรกิจเท่านั้น แต่ยังดูแลผู้ประกอบการในงานบริการด้านต่างๆ เช่น การวางแผน การบริหารจัดการ และการตลาดที่เกี่ยวข้องกับนิคมอุตสาหกรรมที่ครบวงจรให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ให้บริการในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรมเท่านั้น ก็ได้มีการให้บริการในส่วนของ Soft Service และ Facility Management เพิ่มเติมจากความร่วมมือกับทางโซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครบจบครบในที่เดียว
"เรามุ่งมั่นที่จะสร้างรูปแบบธุรกิจของ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด ไปยังนิคมอุตสาหกรรมอมตะในประเทศอื่นๆ เช่นเดียวกัน และอมตะจะยังพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำเมืองอัจฉริยะ เพื่อสอดรับกับการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งในยุค 4.0 ให้เป็นเมืองอัจฉริยะและศูนย์การเรียนรู้ในภูมิภาคนี้ รวมทั้งจะเป็นพื้นที่การลงทุนที่สมบูรณ์แบบในอีอีซี” นายวิบูลย์กล่าว
ยอดขาย 63 ต่ำกว่าเป้า
นายวิบูลย์ กล่าวยอมรับว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น ส่งผลกระทบต่อยอดขายในปี 2563 ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายลดลงมาที่ 400-500 ไร่ ในส่วนนี้จะเป็นของเวียดนามราว 200 ไร่ ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่เคยวางไว้ที่ 950 ไร่ ส่วนในปี 2564 ตั้งเป้ายอดขายที่ดินไว้ที่ 950 ไร่ ฟื้นตัวขึ้นจากปีนี้ที่คาดจะมียอดขาย 400-500 ไร่ ซึ่งเป็นผลมาจากการตอบรับความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่คาดจะนำเข้ามาในประเทศไทยในปีหน้า ส่งผลดีต่อการเดินทางเข้า-ออกประเทศกลับสู่ภาวะปกติ รวมถึงการดำเนินธุรกิจด้วย
"ยอดขายที่ดินที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า โดยหลักจะมาจากการขายที่ดินในประเทศเวียดนามในโครงการใหม่ 2 แห่ง คือ Amata City Halong และ Amata City Long Thanh เพราะปัจจุบันมีลูกค้าให้ความสนใจค่อนข้างมาก โดยเฉพาะลูกค้าที่ต้องการย้ายฐานการผลิตจากจีนไปในเวียดนามเพื่อลดต้นทุน และหลีกเลี่ยงปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ขณะที่ในประเทศไทยเองก็ยังเชื่อว่ายังมีความน่าสนใจลงทุนอยู่ หากไม่มีความขัดแย้งการเมืองภายในประเทศ ขณะที่ในปี 64 บริษัทวางงบลงทุนราว 4,000-5,000 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อที่ดินและพัฒนาโครงการในมือ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่จะเข้ามาในอนาคต" นายวิบูลย์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |