‘ทักษิณ’โผล่อ้างสูญเสียไปเยอะ


เพิ่มเพื่อน    

 

สนามเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ร้อนกว่าที่คิด "ทักษิณ" โผล่อีก ไล่ยำ "จตุพร" เดินออกจากเพื่อไทยแล้วโจมตีบ้านเดิมตัวเอง ลั่นตัวเองรักษาอุดมการณ์จนต้องสูญเสียไปเยอะ ไม่ได้อยู่ในแผ่นดินเกิด ขอบคุณคนที่ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทยต่อ พาพรรคสู่ความสำเร็จอีกครั้ง ด้าน "ก่อแก้ว" ซัด "ตุ๊ดตู่" ควรหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ เปิดศึกทะเลาะกับ "คุณแดง" เพราะเป็นน้องสาวทักษิณ ภรรยาสมชาย พี่ยิ่งลักษณ์ ที่พวกเราเคารพอย่างยิ่ง
    เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวีตข้อความ “ช่วงนี้ได้ข่าวมีหลายคนที่เดินออกจากพรรคเพื่อไทย หลายคนออกมาโจมตีบ้านเดิมของตัวเอง ผมในฐานะคนที่รักพรรคนี้ ซึ่งเป็นพรรคที่ได้วางรากฐานมาตั้งแต่ครั้งเป็นไทยรักไทยมาจากอุดมการณ์อันแน่วแน่ที่ต้องการเห็นประเทศพัฒนาไปข้างหน้า ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่แข็งแรง
        เราจึงได้รวบรวมคนที่มีแนวคิดและอุดมการณ์เดียวกันกับเราจนมาเป็นพรรคการเมืองใหญ่ ที่ผ่านมา เพื่อรักษาอุดมการณ์นั้น ผมได้ต่อสู้ และสูญเสียอะไรไปมาก ทั้งการไม่ได้อยู่ในแผ่นดินเกิด ไม่ได้อยู่กับครอบครัว และคนที่ผมรัก
    ผมทำเต็มที่มาตลอด เพื่อเดินบนเส้นทางแห่งอุดมการณ์ที่ผมได้ให้สัญญาไว้กับพี่น้องประชาชน และคนที่ฝากความหวังไว้ ดังนั้น ผมไม่เสียใจที่วันนี้จะมีคนเดินจากไปเพื่อไปมีเส้นทางใหม่ เพราะผมคงไปบังคับหัวใจใครให้อยู่กับพรรคตลอดไปไม่ได้
    ผมจึงขอขอบคุณคนที่ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย พรรคที่ผมเคยวางรากฐานไว้ ผมเชื่อว่า อุดมการณ์ที่มั่นคงของพรรคจะนำพาพรรคไปสู่ความสำเร็จได้อย่างที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในอดีต และจะยังสามารถเป็นที่พึ่งที่หวังให้ประชาชนได้อย่างที่เคยเป็นมา
    ด้านนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณีการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ช่วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ หาเสียงนายก อบจ. และกล่าวพาดพิง นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และมวลชนในพื้นที่ว่า เข้าใจเหตุผลที่นายจตุพรไปหาเสียงช่วยนายบุญเลิศ เพราะมีความผูกพันกัน นายจตุพรไม่ควรโจมตีพรรคเพื่อไทย เพราะตนและนายจตุพรต่างเป็นอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถือว่ามีผูกพันกับพรรคและครอบครัวชินวัตรมายาวนาน  
    เขากล่าวว่า การหาเสียงควรหาเสียงกันอย่างสร้างสรรค์ เน้นนโยบายที่จะแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่ให้ดียิ่งๆ ขึ้นอย่างไร สิ่งที่มวลชนตั้งคำถามเรื่องการไปช่วยนายบุญเลิศ นายจตุพรควรจะชี้แจงด้วยเหตุผล ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าอธิบายได้ ไม่ควรไปตอบโต้ฟาดงวงฟาดงากับมวลชน โดยเฉพาะการขู่ว่าจะฟ้อง ยิ่งไม่ควร การเป็นประธาน นปช. ต้องทำให้มวลชนและสังคมยอมรับ ทุกอย่างที่มวลชนสงสัย ต้องสามารถอธิบายและชี้แจงให้เข้าใจได้หมด
         นายก่อแก้วกล่าวว่า จ.เชียงใหม่ถือเป็นบ้านเกิดของครอบครัวชินวัตร การที่ครอบครัวชินวัตร เลือกที่จะสนับสนุนใคร เชื่อว่าก็เพราะมั่นใจว่าจะทำงานด้วยกันได้ และจะทำตามนโยบายที่แนะนำไว้ จึงต้องเคารพการตัดสินใจลงสมัครนายก อบจ.ของนายบุญเลิศ อดีตแชมป์เก่า ทางสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็ต้องเคารพและแข่งขันหาเสียงกันไปให้ชาวเชียงใหม่ตัดสินใจ ตามระบอบประชาธิปไตย ว่าใครจะสามารถพัฒนา จ.เชียงใหม่ได้
    “การเปิดศึกทะเลาะกับคุณแดง ซึ่งเป็นน้องสาวนายกฯ ทักษิณ เป็นภรรยานายกฯ สมชาย และเป็นพี่สาวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ล้วนแต่บุคคลที่พวกเราให้ความเคารพอย่างยิ่งและทำงานร่วมกันมายาวนาน จะไม่เป็นผลดีต่อการทำงานของ นปช.ตราบที่คุณจตุพรยังนั่งในตำแหน่งประธาน นปช. ต้องนึกถึงผลกระทบที่ตามมาด้วย ในฐานะมิตร จึงขอร้องคุณจตุพรและพรรคเพื่อไทย ยุติการตอบโต้กันไปมา ให้จบกันเพียงเท่านี้ ที่ออกหมัดกันไปแล้ว ก็ให้เจ๊ากันไป ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าเวทีไหน หาเสียงกันแบบฉันมิตรและสร้างสรรค์เพื่อประชาชนในจังหวัดนั้นๆ" นายก่อแก้วกล่าว
ข้องใจ"จตุพร"เชียร์พปชร.
    ขณะที่นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ให้สัมภาษณ์ว่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เราจะเห็นคนที่ออกจากพรรคเพื่อไทยไปเยอะ ไม่ว่าจะเป็นคนที่โดนคดี หรือออกไปเพื่อตั้งพรรคการเมืองเอง มีอยู่หลายพรรค จากจำนวนส.ส.ที่ได้มา พรรคพลังประชารัฐได้บัญชีรายชื่อเยอะ เขตได้น้อยมาก รัฐธรรมนูญกำหนดอย่างนี้ทำให้คนย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยไปเยอะ เรื่องการเลือกตั้งเชียงใหม่ เกี่ยวเนื่องกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา ที่เชียงใหม่ภาพที่ออกมาว่าใครไปช่วยใครมันเห็นชัด วันนั้นเราจะเห็นว่าคนที่เคยอยู่ในพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะลงเลือกตั้งท้องถิ่นหรือระดับชาติ ก็ไปร่วมช่วยเหลือพรรคที่ตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยหลายคนด้วยกัน ภาพที่ออกมาเห็นชัด ความรู้สึกของประชาชนที่เห็นถามทำไมคนนั้นไปช่วยพลังประชารัฐ
    เขากล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีมติให้นายพิชัย เบอร์ 1 เป็นผู้สมัครของพรรค มีการคัดเลือกยึดหลัก เป็นคนที่ยึดหลักไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ไปร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐ พรรคการเมืองที่ตรงกันข้ามกับประชาธิปไตย สืบทอดอำนาจ เราเห็นชัดเจนกันอยู่ แล้วนายกท้องถิ่นไหนไปช่วยพรรคพลังประชารัฐ เราเห็นว่าเชียงใหม่ คนที่เคยสมัคร เคยได้ตำแหน่งจากการลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย รูปออกไปทั่ว ความรู้สึกประชาชนและพรรคเพื่อไทยก็เห็นอย่างนั้น และไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ฉะนั้นพรรคเพื่อไทยก็เลือกคนที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย ยึดมั่นอยู่กับพรรคเพื่อไทยตลอดเวลาไม่ยอมเปลี่ยนแปลง นายพิชัยก็อยู่มาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน ถึงเพื่อไทยไม่เปลี่ยนแปลง
    นายวรชัยกล่าวว่า ส.ว.ก๊องยังเป็นทนายให้พี่น้องพวกเราที่ถูกดำเนินคดีหลายคน เป็นทนายคนจนดูแลช่วยเหลือคดีต่างๆ อย่างตนถูกดำเนินคดี ติดคุก ก็ยังไม่ไปไหนเลย ก่อนเลือกตั้งที่ผ่านมาก็มีการเจรจาซื้อตัวคนของพรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่น 30-40 ล้าน แต่คนที่ไม่ยอมไปร่วมก็ติดคุก อย่างตนก็ติดคุกมาแล้ว ถือว่าการต่อสู้ต้องยึดหลัก ไม่ทรยศขายศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ยอมขายอุดมการณ์ พรรคเพื่อไทยก็เลือกอุดมการณ์ คนที่ยึดมั่นต่อพรรค
    ถามถึงเหตุที่นายบุญเลิศไม่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย นายวรชัยชี้แจงว่า นายบุญเลิศออกจากพรรคไปนานแล้ว ไม่ทราบว่าสาเหตุอะไร แต่ตอนเลือกตั้งที่ผ่านมา ภาพอย่างที่คนเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น คนก็เห็นภาพเป็นอย่างนั้น ในการพิจารณามีองค์ประกอบส่วนนี้ด้วย การช่วยเหลือพรรคที่ตรงกันข้ามต่อท่ออำนาจ บางทีไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ แต่ไปช่วยเหลือเกื้อกูลให้การสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ อย่างเที่ยวที่แล้วพรรคพลังประชารัฐได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองท้องถิ่นที่ จ.เชียงใหม่ ได้เสียงถึง 2 แสน ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 4 คน ใครเป็นผู้สนับสนุนตามภาพที่เห็น ตนไม่อาจฟันธง แต่ภาพที่เห็นมันฟ้องเด่นชัด จนพี่น้องเสื้อแดงออกมาพูดแถลงข่าว
    "สำหรับคุณจตุพรไปช่วยเหลือคุณบุญเลิศ ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณจตุพรกับบุญเลิศ เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวกัน แต่ว่าพรรคเพื่อไทยเขาสนับสนุนใครต้องดูจุดยืน ยึดมั่นในจุดยืนอุดมการณ์ประชาธิปไตยหรือไม่ ถ้ามีอุดมการณ์นี้ยังอยู่กับพรรค ไม่ไปไหน ไม่ทอดทิ้งพรรคเวลาพรรคถูกกระทำ พวกเราถูกกระทำด้วยความยากลำบากมา ยุบพรรคมาหลายรอบหลายครั้ง ติดคุกกันมาหลายคน เพราะฉะนั้นเราก็ยืนอยู่จุดนี้ ผมก็ไม่ไปไหน แล้ว ส.ว.ก๊องอยู่กับพรรคมาตลอดเวลา ไม่เคยย้ายข้างย้ายพรรค แล้วก็ไม่เคยไปสนับสนุนฝ่ายเผด็จการที่ต่อท่ออำนาจจนมาถึงวันนี้" นายวรชัย กล่าว
ยืนยัน ส.ว.ก๊องไม่ผิด
    เมื่อถามถึงกรณีที่นายจตุพรยกความเกี่ยวข้องกับคดีบอส วรยุทธ มาโจมตีด้วย นายวรชัยกล่าวว่า คดีบอสเกิดขึ้นเมื่อปี 2555 มาพูดถึง ส.ว.ก๊อง ปี 2563 เพราะนายจารุชาติ มาดทอง (พยาน) มาสมัครทำงานกับ ส.ว.ก๊องเมื่อปีสองปีที่ผ่านมานี้เอง รับนายจารุชาติมาทำงานขับรถรับ-ส่งนักฟุตบอล เผอิญเหตุการณ์อัยการสั่งไม่ฟ้องบอส ประจวบกับเหตุนายจารุชาติขับรถชนตาย มีการพิสูจน์ของตำรวจหลายคนสอบสวนผ่าศพ ศพนายจารุชาติไม่ได้เผาต้องเอามาผ่าอีก เพื่อที่จะเอาความผิดให้ ส.ว.ก๊องให้ได้ เพราะอยู่เพื่อไทยจะสมัครนายก อบจ. ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่ให้เผา ต้องเอามาผ่าพิสูจน์ที่ รพ.เชียงใหม่ ผ่าแล้วยังยืนยันชัดเจนเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ตำรวจทำคดีตามความเป็นจริง เรื่องนี้ถ้า ส.ว.ก๊องผิด ทำไมไม่ถูกแจ้งข้อหา เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นี่คือความอยุติธรรม เขาไม่ได้ทำผิดในประเด็นนี้ เป็นการเชื่อมโยงใส่ร้ายป้ายสี
    ถามถึงความเกี่ยวข้องของ ส.ว.ก๊อง ในสำนวนตามการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบคดีบอสชุดนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน นายวรชัยกล่าวว่า นายวิชาพาดพิงถึงหรือเปล่าว่าต้องมีการสอบสวน ส.ว.ก๊อง ไม่เคยมีการเรียกไปสอบสวนเลย ถ้านายวิชาพาดพิงถึงใคร เห็นใครน่าสงสัยเขาจะสอบทันที แต่ ส.ว.ก๊องไม่เคยถูกเรียกไปสอบแม้แต่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นจะอ้างนายวิชาไม่ได้ สำนวนอาจจะพาดพิงเป็นนายจ้างของนายจารุชาติแค่นี้ แล้วเอาไปพูดขยายใหญ่โต ก่อนหน้าสมัครนายก อบจ.ทำไมไม่พูดแต่แรก ทำไมเอามาพูดตอนนี้ นี่คือการใส่ร้ายป้ายสีที่สกปรกที่สุด
    "ผมไม่มีอะไรส่วนตัวกับคุณจตุพร ผมยังยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนที่ออกมาต่อสู้ ยังยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย ไม่มีวันทรยศต่ออุดมการณ์และตัวเอง แต่สำหรับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่เคยต่อสู้มาด้วยกัน ใครจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของคนคนนั้น ประชาชนเป็นคนตัดสินว่าใครยึดมั่นในหลัก ใครไม่ทรยศ ประชาชนตัดสินเอง ผมจะไม่ฟันธงชี้ใครทั้งนั้น" นายวรชัยกล่าว
    ที่จังหวัดมุกดาหาร นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ร่วมรณรงค์หาเสียงให้กับนายสุพจน์ สุอริยพงศ์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มุกดาหาร เบอร์ 1 ได้ปราศรัยว่า จากพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไปจนมาถึงคณะก้าวหน้า เราเกิดขึ้นมาเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.และประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้พวกตนจะถูกตัดสิทธิ์ แต่ก็ไม่ยอมอยู่เฉย ยังคงทำงานสืบสานแนวคิดของพรรคอนาคตใหม่อยู่ หนึ่งในนั้นคือการผลักดันการกระจายอำนาจ ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่นเพื่อเปลี่ยนการเมืองท้องถิ่นจากระบบอุปถัมภ์ การเมืองของบ้านใหญ่ การซื้อเสียงทุจริต ให้เป็นการเมืองของประชาชน นั่นจึงทำให้เราตกเป็นเป้าของการเมืองเก่าทุกฝ่าย แม้กระทั่งพวกที่อ้างว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ทั้งนี้ สิ่งที่พวกเราต้องคิดกันคือการที่คนในบ้านเดียวกันเป็น ส.ส. อีกคนหนึ่งเป็นนายก อบจ. อีกคนเป็นนายกเทศมนตรี ฯลฯ เหมากวาดทุกตำแหน่งในจังหวัดหมด แบบนี้เราเรียกว่าผูกขาดการเมืองหรือไม่ การที่ตระกูลหนึ่งหรือบ้านหนึ่งสามารถยึดได้ทั้งจังหวัดทุกตำแหน่ง
    นายปิยบุตรกล่าวว่า อบจ.มุกดาหาร ไม่ใช่สมบัติของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ที่พอได้เป็นนายก อบจ.แล้วเอาตำแหน่งมาเกลี่ยให้คนในครอบครัวผลัดสลับกันไป ได้เวลาหยุดการเมืองแบบเก่าที่ผูกขาดอยู่กับตระกูลๆ เดียวแบบนี้ รวมทั้งการเมืองเก่าประเภทที่ว่าเวลาอยู่ในการเมืองระดับชาติก็เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ฟาดฟันกับฝ่ายเผด็จการ แต่พอถึงเวลาการเมืองท้องถิ่น ก็ไปจูบปากจับมือกับพรรคพวกของฝ่ายเผด็จการ สนับสนุนผู้สมัครของพรรคพวก คสช.ที่หนุนการสืบทอดอำนาจด้วย
    "หากว่าวันนี้พี่น้องหลายคนที่มีจิตใจรักประชาธิปไตย ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เยาวชนที่ชุมนุมอยู่ที่กรุงเทพฯ ทำอย่างไรประยุทธ์ก็ไม่ออกเสียที อยากช่วยแต่ต้องทำมาหากิน ไม่สามารถเสียค่ารถไปได้ มีวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถใช้ในการแสดงออกได้ทุกคน นั่นคือ 20 ธันวาคมนี้ เข้าคูหากาเลือกผู้สมัครของคณะก้าวหน้าให้เป็นนายก อบจ. เพราะนี่คือคนที่คณะก้าวหน้า ซึ่งมีจุดยืนตรงข้ามกับ คสช.และประยุทธ์อย่างชัดเจน ถ้าพี่น้องร่วมกันกาให้มากๆ จนถล่มทลาย นั่นก็คือการส่งสัญญาณไปดังๆ แล้วว่าเราไม่เอาประยุทธ์ จันทร์โอชา" เลขาธิการคณะก้าวหน้ากล่าว.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"