ส่อผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ! 'จตุพร' ปลุกชาวเชียงใหม่ตาสว่างลุกขึ้นสั่งสอน 'เจ๊'


เพิ่มเพื่อน    

12 ธ.ค.63 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวที่เชียงใหม่ ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ช่วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่

นายจตุพร ย้ำทุกครั้งว่า นายบุญเลิศ เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นพวกพลังประชารัฐ ตามคำกล่าวหาของพรรคเพื่อไทย ซึ่งอ้างเพียงรูปถ่ายกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เมื่อครั้งมาเปิดสาขาพรรคพลังประชารัฐที่เชียงใหม่ โดยขณะนั้น นายบุญเลิศ เป็น นายก อบจ.อยู่ จึงมาแสดงความยินดีตามมารยาททางการเมือง

อีกอย่าง นายบุญเลิศ สมัครรับเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่ ครั้งนี้ ในสังกัดกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม สาเหตุที่ไม่สมัครในนามเพื่อไทย เนื่องจากถูกพรรคทอดทิ้ง แล้วบิดเบือน ยัดข้อหาซ้ำเติมว่า นายบุญเลิศ เป็นพวกเผด็จการ ทั้งที่ไม่จริง เพราะการป้ายสีใส่ร้ายของพรรคเช่นนั้นเพื่อเปิดข้ออ้างเปิดทางให้อีกคนหนึ่งมาสมัครในนามพรรคเพื่อไทย 

นอกจากนี้ พฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยมักโฆษณาชวนเชื่อว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เอาพวกเผด็จการยึดอำนาจ แต่สิ่งที่ทำกับนายบุญเลิศและตระกูลบูรณุปกรณ์ ที่ซื่อสัตย์ทางการเมืองมาตลอด 20 ปี ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย มาเป็นพลังประชาชน แล้วมาถึงเพื่อไทย ด้วยการกล่าวหาว่า เป็นพวกเผด็จการนั้น จึงเป็นความอยุติธรรมและแสดงถึงความไร้มาตรฐานทางการเมืองอย่างยิ่ง

นายจตุพร อธิบายถึงพรรคเพื่อไทยไม่มีมาตรฐานว่า ในปี 2559 พรรคเพื่อไทย และ นปช. รณรงค์ไม่รับร่าง รธน.60 นายบุญเลิศกับตระกูลบูรณุปกรณ์ประกาศเจตนารมณ์ไม่รับ ร่าง รธน.ตามแนวทางของพรรคเพื่อไทยด้วย แต่ถูกจับติดคุกทหาร ใน มทบ.11 แล้วย้ายมาเข้าเรือนจำที่เชียงใหม่ พร้อมถูกคำสั่งมาตรา 44 ไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ นายก อบจ.ซ้ำเติมอีก 2 ปี

ในช่วงนายบุญเลิศ ติดคุก เขาถูกพรรคเพื่อไทยทอดทิ้ง เพื่อไปเอาคนใหม่มาลงสมัครนายก อบจ.เชียงใหม่แทน และป้ายสีให้เป็นคนพลังประชารัฐ อยู่ฝ่ายเผด็จการ ขณะที่ผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม ของพรรคเพื่อไทยนั้น ลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐมาได้ 3 วัน ทีมปราศรัยของพรรคไปช่วยซักฟอกยกย่องเป็นนักประชาธิปไตย  

ดังนั้น ถ้านำกรณีจังหวัดนครพนมนำมาเปรียบกับนายบุญเลิศที่โดนกระทำแล้ว จึงสะท้อนถึงพรรคเพื่อไทย ไม่มีความยุติธรรม หามาตรฐานทางการเมืองไม่เจอ การกล่าวหาใครให้เป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของพรรคเป็นหลัก ซึ่งตนไม่เห็นด้วย จึงมาช่วยนายบุญเลิศ หาเสียงสู้กับพวกอยุติธรรม พร้อมมั่นใจว่านายบุญเลิศ เป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

อีกด้านแล้ว แสดงถึงพรรคเพื่อไทยมีความอยุติธรรมชัดเจน คือในคดีบอส กระทิงแดง ที่เกิดการทำลายระบบยุติธรรมของประเทศครั้งสำคัญ เนื่องจากมีขบวนการปั้นพยานให้การช่วยเหลือ โดยพยานอยู่ที่เชียงใหม่ ซึ่งคนหนึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์อย่างน่ากังขา แต่อีกคนหนึ่งมีความใกล้ชิดกับผู้ตาย และยังมีชีวิตอยู่ แต่เปลี่ยนชื่อ ส่วนพฤติกรรมติดตัวเดิมๆนั้น คงเปลี่ยนได้ยาก

ดังนั้น ตนสงสัยว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยป่าวประกาศไปทั่วว่า เป็นธรรม แล้วตรวจสอบกันอย่างไร จึงไม่ใส่ใจกับระบบความยุติธรรมของประเทศ เนื่องจากไปคัดเลือกเอาคนที่ถูกกังขาเป็นพวกทำลายกระบวนการยุติธรรมมาสังกัดพรรค แล้วเชิดชูยกยอเป็นนักประชาธิปไตย ตนยอมรับไม่ได้ ไม่เห็นด้วย จึงมาช่วยนายบุญเลิศ แล้วถูกพวกระบอบติ่งเจ๊กล่าวหาว่า เป็นพวกพลังประชารัฐไปอีกคน

นายจตุพร กล่าวว่า ระบอบติ่งเจ๊เป็นเสื้อแดงแถลงข่าวเรียกร้องให้ตนลาออกจากประธาน นปช. ด้วยข้อหาไม่ช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียง แต่ช่วยเพื่อนที่ชื่อนายบุญเลิศ แต่เสื้อแดงที่ชื่อนายแก้วนั้น ได้เดินตามพรรคเพื่อไทย อยู่ในคำสั่งของเจ๊ จนแทบห่างไกลจากการเป็นนักสู้เพื่อประชาชน 

ดังนั้น ตนจึงประกาศว่า ไม่ได้อีนังขังขอบกับตำแหน่งประธาน นปช. พร้อมจะออกตามกระบวนการประชาธิปไตย แต่ไม่ออกจากการกล่าวหาว่า เป็นคนพลังประชารัฐ ซึ่งไม่จริง เพราะตนยังยืนหยัดตามแนวทางประชาธิปไตยมั่นคง ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น ด้วยเหตุถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี และที่สำคัญตนไม่ได้สังกัดพรรคเพื่อไทย แต่ยังรักเคารพอดีตนายกฯทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ไม่เปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตาม นายแก้วที่เป็นเสื้อแดงนั้น เมื่อเข้าไปอยู่ในสังกัดพรรคการเมือง รอคำสั่งจากเจ๊มากล่าวหาคนอื่นให้เสียหายทางการเมือง ตนขอเตือนว่า เจ๊ที่ชอบหลบอยู่ในที่มืดทางการเมืองนั้น ทำพังมามากต่อมากแล้ว โดยรัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็พังด้วยอิทธิฤทธิ์ของเจ๊คนนี้เช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้น อิทธิฤทธิ์ของเจ๊ ยังลุกลาม แยกสลายพลัง นปช.จนอ่อนแอ ด้วยการให้นักการเมือง พวกนักเลือกตั้งมาจัดการประสานงานกับมวลชนเสื้อแดง จนทำให้พลังต่อสู้ทางประชาธิปไตยอ่อนด้อยลง มวลชนไม่เข้าร่วมชุมนุมกับฝ่ายประชาธิปไตยเมื่อปี 2557 จนไร้พลังมาเป็นดุลถ่วง ต่อต้านการยึดอำนาจของฝ่าย คสช.ได้

อีกอย่าง เจ๊มักสั่งการอยู่เบื้องหลัง โดยในช่วงพรรคเพื่อไทยชนะทางการเมือง กลับผลักใสไล่ส่งให้นักสู้ประชาธิปไตยไปอยู่ปลายนา ไม่เห็นคุณค่า ต้องการให้ออก พรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย พวกตนคัดค้านไม่เห็นด้วย ก็ถูกถอดทิ้งจากรายการทีวีทั้งชุด แล้ว พรบ.สุดซอยก็ทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ล้มลง ถูกฝ่าย กปปส.ใช้เป็นเงื่อนไขปลุกคนมาชุมนุมขับไล่ แล้วดึงทหารยึดอำนาจได้สำเร็จ

นายจตุพร ย้ำว่า ตนมาช่วยนายบุญเลิศหาเสียง ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกพลังประชารัฐ ซึ่งไม่เป็นความจริง ตนศรัทธาครูบาศรีวิชัย พระนักสู้ที่คนเชียงใหม่ให้ความเคารพ เชื่อมั่น ตนขอประกาศว่า ไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติไหนไม่มีวันที่จะเป็นพวกพลังประชารัฐและไปสังกัดกับพวกเผด็จการเด็ดขาด

รวมทั้ง ตนมาช่วยนายบุญเลิศ ต้องการให้คนเชียงใหม่ได้ตาสว่างกับพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคไม่มีมาตรฐานทางการเมือง ประกาศตัวเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่เป็นประชาธิปไตยของเจ๊สั่งการ 

สิ่งสำคัญตนอยากกระตุ้นคนเชียงใหม่ ให้รับรู้ว่า คดีบอส กระทิงแดง ที่มีพวกทำลายกระบวนการยุติธรรมป่นปี้เพื่อช่วยให้คนรวยรอดคุก นั่นเท่ากับทำให้เชื่อกันว่า คุกมีไว้ขังเฉพาะคนจนเท่านั้น 

รวมทั้ง ตนย้ำเสมอว่า คดีบอส กระทิงแดง เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่ในครั้งนี้ ที่ชาวเชียงใหม่ไปใช้สิทธิ์ในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ จะให้พรรคที่อยุติธรรมกับนายบุญเลิศ แล้วไปอุ้มคนที่เจ๊สั่งการหรือไม่ ดังนั้น ตนจึงมาทำหน้าที่ขอทานเศษเสี้ยวในความยุติธรรมของคนเชียงใหม่ให้นายบุญเลิศได้เป็นนายก อบจ.ในครั้งนี้


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"