เพื่อไทยตีปี๊บเปิดซักฟอก "บิ๊กตู่" กระชากหน้ากากไอ้โม่ง หลังประธาน ป.ป.ช.ระบุในยุค คสช.มีวงเงินความเสียหายจากทุจริต 3 แสนล้าน เตือนข้าราชการอย่าช่วยนักการเมืองโกงเงินแผ่นดิน เพราะคดีไม่มีอายุความ
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ระบุว่าในยุค คสช.มีวงเงินความเสียหายที่เกิดจากการทุจริตประมาณ 3 แสนล้านบาทว่า ในยุค คสช.ไม่มีตัวแทนประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งทำให้การตรวจสอบฝ่ายบริหารหายไป จึงไม่แปลกที่ พล.ต.อ.วัชรพลออกมายอมรับว่ายุค คสช.มีเงินแผนดินรั่วไหลเกือบ 3 แสนล้านบาท แต่วันนี้หลังมีการเลือกตั้ง มีฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล พบว่ามีข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ที่มีความไม่ชอบมาพากล และเข้าข่ายการกระทำทุจริตประพฤติมิชอบในโครงการของรัฐมากมายหลายเรื่อง ซึ่งถ้าเป็นเรื่องเก่าสภาก็ต้องส่งให้ ป.ป.ช.ไปดำเนินการ
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า กรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นและตรวจพบในรัฐบาลชุดนี้ เฉพาะที่พรรคเพื่อไทยตรวจสอบพบความไม่ชอบมาพากลและอาจเข้าข่ายทุจริตจากหลายกระทรวงทั้งพรรคหลักและพรรคร่วม อาทิ โครงการกระตุ้นศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และจะต้องรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การหาตัวคนผิดมาลงโทษต่อไป โดยจะใช้กลไกของการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระชากหน้ากากไอ้โม่งที่สวาปามเงินแผ่นดินไปกว่า 3 แสนล้านออกมาให้สังคมได้รับรู้โดยเร็วที่สุด
"ขอเตือนไปยังข้าราชการที่ให้ความร่วมมือกับนักการเมืองเพื่อทุจริตเงินแผ่นดินว่า คดีความทุจริตไม่มีอายุความ แม้เกษียณอายุราชการไปแล้ว หากประพฤติเอาใจนักการเมือง ท่านก็ต้องออกมาขึ้นโรงขึ้นศาล และต้องรับผิดในที่สุด" น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาสำนวนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ วงเงินรวม 227,393,103 บาท
โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ค.2563 อสส.รับดำเนินการเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.ปี 2561 มาตรา 158 มาตรา 43 มาตรา 81 มาตรา 167 และมาตรา 188 ว่า หลังจากเมื่อเดือน ก.ค. 2563 ที่ผ่านมา อสส.รับดำเนินการเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในกรณีของนายประหยัดนั้น ต่อมาเดือน ต.ค.2563 นายประหยัดได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้เพิกถอนมติชี้มูลความผิดตัวเอง ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยืนยันมติตามเดิม ดังนั้น อสส.จึงดำเนินการเรียกตัวนายประหยัดเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา
แหล่งข่าวกล่าวว่า แต่นายประหยัดได้ขอเลื่อนเข้าพบพนักงานอัยการหลายครั้ง โดยอ้างว่าป่วย หรือติดภารกิจราชการ อสส.จึงส่งเรื่องมายังสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อขอให้ส่งตัวนายประหยัดมาพบพนักงานอัยการเพื่อนำตัวส่งฟ้องต่อศาล โดยสำนักงาน ป.ป.ช.มีหนังสือยืนยันมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่องชี้มูลความผิดนายประหยัด ทำให้ อสส.ดำเนินการยื่นฟ้องนายประหยัดต่อศาลฎีกาเรียบร้อยแล้ว
“หลังจากนี้คือต้องรอดูว่าศาลฎีกาจะประทับรับฟ้อง และมีคำสั่งอะไรหรือไม่ เพราะตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.ฉบับใหม่ (พ.ศ. 2561) คือการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล อย่างไรก็ดี เท่าที่ทราบขณะนี้นายประหยัดไม่ได้มาทำงานที่สำนักงาน ป.ป.ช.หลายวันแล้ว”
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติยืนยันตามมติเดิมในการชี้มูลความผิดนายประหยัด กรณีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จนั้น นายประหยัดได้ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช., น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.อีกหลายราย ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |