'แก้วสรร' ออกบทความ 'กำเนิดมวลชนปลดแอก 2' กับจุดจบ 'มวลชนปูเสฉวน'


เพิ่มเพื่อน    

  

11 ธ.ค.63 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "กำเนิดมวลชนปลดแอก ( ๒ )" ผ่านเว็บไซต์ www.thaipost.net โดยมีเนื้อหาดังนี้

พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมได้พยายามนำทฤษฎีสังคมจิตวิทยาการเมืองว่าด้วย “กำเนิดมวลชนปฏิวัติ” มาเสนอว่า   ตัวตนของมวลชนปลดแอกในทางความคิดคือ การเลือกสถาบันกษัตริย์มาเป็นเป้าหมาย  ให้ผู้คนร่วมกันจงเกลียดจงชัง จนสามารถรวมตัวกันเป็นมวลชนทำลายชีวิตปรกติในปัจจุบันได้    พอๆกับที่ฮิตเลอร์เลือก “ยิว” ขึ้นมาเป็นจำเลยเพื่อสร้างมวลชนนาซีเลยทีเดียว

มาในชั้นจัดตั้งมวลชนปลดแอก ผมได้ชี้ต่อไปว่า  เงื่อนไขของการล้มระบอบให้ผู้คนลุกฮือขึ้นมาโดยผ่านการปลุกระดมในโลกโซเชียล เช่น “อาหรับสปริง” นั้น ปริมาณและขนาดความเลวทรามของระบอบปัจจุบัน จะต้องชั่วชาติอย่างถึงขนาด   แต่สำหรับเมืองไทยปัจจุบันยังไม่เพียงพอจะสร้าง “ไทยสปริง”ได้มวลชนปลดแอก จะต้องพบทางตัน และแม้จะพยายามปรับยุทธศาสตร์ขยายแนวร่วมอีกเช่นใด ก็ไม่น่าจะมีอนาคตขึ้นมาได้

มาบัดนี้เข้าธันวาคมแล้ว ก็เห็นชัดแล้วว่า ฝ่ายมวลชนปลดแอกได้พยายาม ออกจากโลกโซเชียลที่มีเยาวชนเป็นฐานหลัก   กระโดดออกมาวี๊ดบึ้ม  ปลุกผู้คนในเวทีเคลื่อนไหวอื่น ให้เข้ามาเป็น “แนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ”แล้ว   ทั้งปลุกเวทีสากลผ่านข้อเรียกร้องต่อ UN ให้เลิก ม.๑๑๒ ก็ดี  ทั้งเวทีชาวบ้านที่ต่อสู้เรื่องฐานทรัพยากรท้องถิ่น  และเลยไปถึงเวทีผู้ใช้แรงงาน  

ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นการระดมกันในระดับนักเคลื่อนไหวในประเทศไทยครั้งใหญ่จากทุกภาคส่วนที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งภาค NGOs, ผู้นำแรงงาน และในไม่ช้าก็จะรวมถึงผู้นำเกษตรกรรายย่อยด้วยและนี่เองคือแนวทางที่ผู้นำเด็กที่กินชีสเค๊กสถานทูตอเมริกันจนอ้วนท้วน โฆษณาว่าเราจะเติบกล้าเกรียงไกรกว่าเดิม   และผู้นำทางวิญญาณในโซเชียลก็โผล่มาเร้าเข้าฝันให้ต้องอดทนเพื่อการต่อสู้อันยาวนาน ปาน The Longest Day เลยทีเดียว

ยุทธศาสตร์ใหม่ของแกนมวลชน  ที่จนมุม จนต้องวี๊ดบึ้ม  เอาพลังจากทุกความเคลื่อนไหวในเวทีสารพัด  ให้มาสมทบ มาผนึกรวมเป็นกระแสเคลื่อนไหวเดียวกันนี้  ในที่สุดจะสำเร็จเป็นพลังพลิกฟื้นแผ่นดิน หรือ อ่างขนม “รวมมิตร” ขนาดยักษ์กลางเมืองนั้น     ก็คงได้คำตอบกันในต้นปีหน้านี้แน่นอน  แต่เฉพาะหน้านี้ ก็มีข้อกฎหมายที่ต้องขอท้วงติงในทำนอง ถาม – ตอบ   ให้ท่านที่คิดจะโดดออกมาร่วมวง ได้พึงทบทวนบ้าง ดังนี้

ตัวการร่วม – ผู้สนับสนุน

ถาม   กลุ่มชาวบ้านจะนะ สงขลายกพวกมาชุมนุมที่เดียวกับม็อบมวลชนปลดแอก แล้วประกาศแต่ว่าให้ยกเลิกโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ  หรือกลุ่มผู้ใช้แรงงานก็ประกาศแต่ว่าขอเพิ่มค่าชดเชยเลิกจ้าง อย่างนี้พวกเขาจะมีโอกาสเป็นจำเลยในข้อหา ๑๑๒ กับ ๑๑๖ ร่วมกับผู้นำเด็กของมวลชนปลดแอกได้ไหมครับ
ตอบ   นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาจะต้องตัดสินใจตั้งแต่แรกเลย ในทางสังคมก็ต้องตอบพวกสมาชิกเวทีของตนให้ได้ว่าทำไมยกพวกไปชุมนุมกับพวกล้มเจ้า ส่วนในทางกฎหมายก็ต้องตอบศาลให้ได้จริงๆว่าเข้ามาชุมนุมข้างเคียงมวลชนปลดแอกเพื่อฉวยโอกาสเสนอข้อเรียกร้องของตนเท่านั้น ไม่รู้เห็นอะไรด้วยจริงๆ เห็นรัฐบาลเซ ก็ต้องเข้ามาซ้ำด้วยเป็นธรรมดา

ถาม    ถ้าเข้าเป็นแนวร่วมขึ้นเวทีเดียวกันเลยล่ะครับ
ตอบ    ก็โดนเหมือนกันหมดใครจะบอกว่าผมรักสถาบันแล้วขอไล่ประยุทธ์เท่านั้นไม่ได้ เพราะอาจโดนข้อหาสนับสนุน ๑๑๒ ด้วยอยู่ดี

ถาม    ดูแล้ว...ชุมนุมแบบวี๊ดบึ้มเรียกทุกความเคลื่อนไหวมาขึ้นเวทีเดียวกันนี้ ไม่น่าจะง่ายเลยนะครับ
ตอบ    ไม่ง่ายหรอกครับ คุณออกตัวเล่นเกมแรงถึงขบถล้มเจ้ามา ๓ เดือน  แล้วจะชวนคนอื่นมาตั้งเวทีเล่นหมากเก็บยื่นข้อเสนอเล็กๆน้อยอยู่ข้างๆด้วยเท่านั้น อย่างนี้มันเป็นไปได้ยากมากๆ

ถาม    เห็นแผนกโฆษณาของมวลชนปลดแอก เขาออกแบบสร้างโลโก้ใหม่  มี  สัญลักษณ์ค้อนเคียว ของคอมมิวนิสต์ แฝงอยู่ด้วยแล้วนะครับ
ตอบ   เขาหวังผนวกผู้ใช้แรงงานเข้ามาด้วยเท่านั้น คงไม่ใช่เปลี่ยนมวลชนปลดแอกไปเป็นคอมมูนิสต์แล้วหรอกครับ  

พวกนี้เขาอยู่ในโลกโซเชียลแล้วออกมามุ๊งมุ๊งในโลกจริงด้วยสัญลักษณ์นานาเท่านั้น มาวันนี้พอนึกจะจับมือกับผู้ใช้แรงงานก็ได้แต่สร้างสัญลักษณ์เท่านั้นอยู่ดี    

มาตรา ๑๑๒ : ความผิดทางความคิดที่ผิดต่อความมั่นคง?

ถาม    เรื่อง ม.๑๑๒ ไปยื่นกับ UN ได้อย่างไร
ตอบ    ใน UN เขามีกรอบการดูแลคุมครองสิทธิมนุษยชนอยู่ ถ้าต้องการโวยวายให้เป็นสากลก็ต้องมาที่นี่ด้วย

ถาม    แล้วความผิด ม.๑๑๒ เรื่องหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้าย บุคคลในสถาบัน มันมาเป็นละเมิดสิทธิมนุษยชนได้อย่างไรครับ
ตอบ    ในกรอบสิทธิมนุษยชนจริงๆ  เรื่อง ๑๑๒ นี่มีเส้นแบ่งทางทฤษฎีที่เป็นสากลอยู่เส้นเดียวเท่านั้น คือคนเราจะมีความผิดหรือถูกลงโทษเพียงเพราะมีความคิดที่ไม่เป็นที่ชอบใจของใครเท่านั้นไม่ได้ มันต้องผิดเพราะมีการกระทำอันไม่ถูกต้องเท่านั้น

ในกรอบทฤษฎีเช่นนี้  ลำพังการกระทำที่แสดงออกซึ่งความไม่เคารพสถาบัน เช่นไม่ยืนทำความเคารพหรือให้ความเห็นว่าเป็นสถาบันล้าสมัย หลุดโลกไปแล้วฯเหล่านี้ มันไม่มีการกระทำผิดอะไรเลย ไปจับเขาลงโทษเขาไม่ได้ เพราะคนเรามีสิทธิโดยธรรมชาติที่จะมีความคิดของตนได้โดยอิสระ

ถาม    แล้วถ้าด่าในหลวงว่าเป็นขยะสังคมล่ะครับ?
ตอบ   พูดอย่างนี้กับคนธรรมดาก็ผิดแล้ว  ถูกลงโทษก็ไม่ใช่เพราะความคิด แต่ติดคุกเพราะปากหมาว่าเขาเสียหายเป็นสำคัญ

ถาม    แล้ว มี ๑๑๒ เป็นความผิดพิเศษ ให้เขาชี้ได้ว่า สถาบันกษัตริย์เป็นผิดเพราะด่าในหลวงอีกทำไม ใช้ความผิดตามกฎหมายธรรมดาก็ได้แล้วนี่ครับ
ตอบ   สถาบันกษัตริย์ ควรจะต้องอยู่เหนือพ้นจากคดีความทั้งปวง ในทางการปกครองก็มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการเป็นผู้รับผิดชอบถูกฟ้องร้องได้ ในทางส่วนตัวก็มีสำนักงานทรัพย์สินทำธุรกรรม จัดการทรัพย์สินต่างๆแทนพระองค์  ในส่วนชีวิต เนื้อตัว ร่างกาย ชื่อเสียง ใครไปละเมิดก็มีรัฐเป็นผู้เสียหายแทน  ไม่ใช่ให้ในหลวงไปฟ้องไปแจ้งความเอง

หลักกฎหมายก็มีอยู่แค่นี้  ว่าที่ว่าเป็นที่สักการะผู้ใดละเมิดมิได้นั้น มันไม่ใช่กฎหมายที่ไปกดหัวให้ใครเคารพใคร ยอมอยู่ใต้ตีนใคร แต่อย่างใดไม่ กฎหมายทำแต่เพียงกำหนดให้รัฐเป็นผู้เสียหายแทน ในฐานะที่เป็นความผิดต่อแผ่นดิน ในส่วนความผิดต่อความมั่นคงเท่านั้น

ถาม   ถ้าเรามีประธานาธิบดีเป็นประมุข แทนกษัตริย์  ก็ต้องมีการคุ้มครองดูแลของรัฐเช่นนี้อยู่ดีใช่ไหมครับ
ตอบ   เป็นเช่นนั้น ประมุขคือ “ที่รวม” ที่แสดงถึงความเป็นหนึ่งของคนในชาติ  โลกประชาธิปไตยก็ต้องมีประมุข มีความคุ้มครองเช่นนี้ให้ประมุข ไม่ว่ากษัตริย์หรือคนธรรมดาที่เป็นประธานาธิบดี ลำพัง ม.๑๑๒ ของเรา มันจึงไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอะไร มีแต่การตีความหรือใช้กฎหมายบ้าๆบอๆ จนเกินเลยไปกดหัว ไปบังคับหัวใจคนอื่น ให้ก้มหัวตามหัวตนเองด้วยเท่านั้น  ที่เป็นคดีละเมิดสิทธิมนุษยชนได้

ถาม    ถ้าจะโวยวาย จะร้องกัน ก็ต้องว่าเป็นคดีๆไป
ตอบ   ถูกต้องครับ อย่าเอาตัว ม.๑๑๒ ไปเป็นจำเลย อยากจะเป็นสาธารณรัฐก็พูดมาตรงๆ ว่ามันดีกว่าอย่างไร ผมพร้อมจะรับฟังอยู่แล้ว  อภิปรายดีๆเป็นวิชาการจริงๆ ก็ไม่มีทางผิด ๑๑๒ ได้หรอกครับ

มวลชนปูเสฉวน!

ถาม    ตกลง คนพวกนี้เขาจะเป็นอะไร จะเอาอะไรกันแน่ครับ  เดี๋ยวจะล้มเจ้า เดี๋ยวจะชูค้อนเคียวเป็นคอมมูนิสต์ เดี๋ยวจะเป็น NGO  เพื่อชุมชนชาวบ้านชายขอบ เดี๋ยวจะเป็นนักสิทธิมนุษยชน ดูมุ๊งๆม๊งๆผลุบๆโผล่ๆ ราวกับปูเสฉวนตามชายหาดเลยทีเดียว                    ตอบ    ที่คุณพูด นั้นมันแค "ธง" ที่เขาชูขึ้นมาดึงดูดคนเข้าร่วมเท่านั้น เมื่อไม่มีทฤษฎีปฏิวัติ และผู้นำแท้จริงมาชี้นำ ซุ่มสั่งสมความจงเกลียดจงชังคอยฉวยโอกาสอยู่ในโลกโซเชียลเท่านั้นอย่างนี้  มันก็ทรงพลังด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องวี๊ดบึ้มโบกหลายๆธง ดึงคนหลายๆพวก มาช่วยสมทบด้วยเป็นธรรมดา

ถาม    แล้วจุดจบจะเป็นอย่างไร
ตอบ   ปูเสฉวนก็เป็นปูเสฉวน ที่ออกมาเล่นคลื่นเดินไปเดินมาตามชายหาด แล้วก็หาที่ร่มหลบแดดเข้านอนเท่านั้น   ไม่มีอนาคตอะไรทั้งต่อประเทศชาติและตนเองเลย  

น่าเสียดายพลังใหม่ของลูกหลานไทยมากๆ ที่ถูกชี้นำชักพาไปในนามของการปฏิวัติสุ่มเสี่ยงจอมปลอม จนต้องกลายเป็นปูเกลื่อนชายหาดอย่างนี้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"