"ธนาธร" ลงพื้นที่กำแพงเพชร เจอแม่ค้าครึ่งร้อยถือป้ายเปิดเพลงหนักแผ่นดินรอ สุดท้ายหลบไม่กล้าสู้หน้า ส่วน "ช่อ" ไปภูเก็ต โดนเหมือนกัน ตะโกนไล่ลั่นตลาด "จตุพร" ซัด "เจ๊" อยู่เบื้องหลังเสื้อแดงเชียงใหม่ แฉแหลก "เจ๊" คนนี้แสดงอิทธิฤทธิ์ทำรัฐบาลยิ่งลักษณ์-ทักษิณพังมาแล้ว ฮึ่มผมจะสำแดงบ้าง
วันที่ 10 ธันวาคม 2563 เวลา 11.00 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่จังหวัดกำแพงเพชรให้กับสมาชิกกลุ่มก้าวหน้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่รถปราศรัยได้เคลื่อนผ่านไปถนนราชดำเนิน และเลี้ยวไปยังวัดคูยาง ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนเจริญสุข ไปจอดที่หน้าห้างบิ๊กซี ซึ่งจุดดังกล่าวนี้ได้มีผู้สูงอายุขี่รถจักรยานยนต์มาจอดและต่อต้านการมาหาเสียงของนายธนาธร แต่มิได้เกิดเหตุการณ์รุนแรงใดๆ ก่อนที่ขบวนของนายธนาธรจะเคลื่อนที่ปราศรัยหาเสียงบนรถไปยังถนนรอบตัวเมือง และผ่านถนนสายเลี่ยงเมืองข้ามสะพานผ่านแม่น้ำ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร ไปถนนพหลโยธิน และเคลื่อนที่ออกจากตัวเมืองมุ่งหน้าไปช่วยผู้สมัครหาเสียงที่ จ.ตากต่อไป
สำหรับการเดินทางมาหาเสียงของนายธนาธรในครั้งนี้ใช้เวลาไม่นานนัก และทางกลุ่มหาเสียงของนายธนาธรยังได้หลีกเลี่ยงการหาเสียงที่ถนนบำรุงราษฎร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดศูนย์การค้าเมืองกำแพงเพชร เนื่องจากที่บริเวณดังกล่าวมีกลุ่มแม่ค้าประมาณกว่า 40 คนได้มาถือป้ายดักรออยู่ที่บริเวณหน้าตลาด พร้อมกับเครื่องขยายเสียงเปิดเพลงหนักแผ่นดินอยู่ตลอดเวลา โดยป้ายมีข้อความ "ต่อต้าน หนักแผ่นดิน เนรคุณ ชาวกำแพงเพชรไม่ต้องการคนอย่าง... ประเทศไทยตั้งอยู่คู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดไป" เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากรอประมาณ 2 ชั่วโมง ไม่ปรากฏรถขบวนแห่ของนายธนาธรขับผ่านมาหาเสียงที่บริเวณดังกล่าว กลุ่มบรรดาพ่อค้าแม่ค้าจึงได้สลายตัวไป ขณะเดียวกันมีรายงานว่านายธนาธรนั้นหลบเลี่ยงจุดเสี่ยงที่อาจจะเกิดปัญหาตามมา และได้เดินทางจาก จ.กำแพงเพชร มุ่งหน้าไปหาเสียงให้กับผู้สมัครที่ จ.ตากต่อไปทันที
เช่นเดียวกันกับการหาเสียงที่จังหวัดภูเก็ต น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าหาเสียง โดยระหว่างลงพื้นที่ตลาดสดกะทู้ ต.กะทู้ และตลาดสดสุขสำราญ ต.ฉลอง น.ส.พรรณิการ์เดินแจกแผ่นพับแนะนำตัวผู้สมัครด้วยเครื่องขยายเสียงเชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 20 ธันวาคม มีพ่อค้าในตลาดสดตะโกนขับไล่ น.ส.พรรณิการ์ และคณะก้าวหน้า
น.ส.พรรณิการ์เผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ ให้การตอบรับดี มีบางคนไม่รับแผ่นพับข้อมูลนโยบายการทำงาน บอกว่าได้อ่านหมดแล้วเข้าใจแล้ว
"ขอให้ทุกคนได้อ่านนโยบายที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ไม่มีการแจกเงิน มีแต่แจกแผ่นพับใบปลิวแนะนำตัวผู้สมัครพร้อมนโยบายการทำงานพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ถ้ามีมาก่อกวนจะออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด ไม่อยากรบกวนการค้าขายในตลาด ต้องขอโทษพ่อค้าแม่ค้าที่ทำให้เสียบรรยากาศการค้าขาย" น.ส.พรรณิการ์กล่าว
วันเดียวกันนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ peace talk ในหัวข้อ "ระบอบติ่งกับตำแหน่งประธาน นปช. ตอน 1" โดยกล่าวถึงคนเสื้อแดงเชียงใหม่นั่งโต๊ะป้ายสี ไล่ออกจากประธาน นปช. ล้วนมีเบื้องหลังสั่งการของ “เจ๊” ซึ่งเป็นผู้ใหญ่พรรคเพื่อไทยที่ชอบเล่นการเมืองหลบอยู่ในที่มืด
นายจตุพรกล่าวว่า ทั้งตนและนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ถูกขบวนการใส่ร้าย กล่าวหา ผลักไสให้ไปอยู่กับฝ่ายเผด็จการในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ล้วนเป็นอิทธิฤทธิ์ “เจ๊คนนี้” สั่งการ จึงขอเชิญเจ๊ออกมาทำการเมืองในที่แจ้งจะดีกว่า อีกทั้งระบอบติ่ง เป็นความนิยมเฉพาะส่วน โดยไม่ฟังเหตุผล หากไม่พอใจก็บูลลี่ และในความจริงแล้วในติ่งนั้นยังมีอวตารแล้วไปปฏิบัติการต่อ ดังนั้น ตนจึงเลิกบล็อกพวกวิจารณ์เท็จ แต่ให้บูลลี่กันอย่างสบายใจ แล้วต่อไปคงฟ้องร้องดำเนินคดีให้รับผิดชอบกัน
ประธาน นปช.กล่าวว่า เมื่อตนเห็นต่างจากพรรคเพื่อไทยกรณีเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ เพียงแค่อ้าปากจะพูดก็ถูกวิจารณ์อย่างขาดเหตุผลแล้ว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องพูดถึงขบวนการ นปช. ซึ่งตำแหน่งประธานเป็นแค่หัวโขน ไม่มีเงินเดือน ตรงกันข้ามกลับมีแต่คดีถูกฟ้องร้องมากมาย
ส่วนในกรณีการใส่เสื้อเหลืองเป็นจิตอาสานั้น นายจตุพรกล่าวว่า มีใครบ้างไม่ใส่เสื้อเหลือง โดยเฉพาะครอบครัวชินวัตรทั้งตระกูล ไปเป็นจิตอาสาแสดงความจงรักภักดีหลายครั้ง พรรคเพื่อไทยทั้งพรรคและอดีตพรรคไทยรักษาชาติ รวมถึงอดีตพรรคอนาคตใหม่ ล้วนแถลงถึงการสมัครเป็นจิตอาสาแล้วใส่เสื้อเหลืองกันหมด
“แต่พวกระบอบติ่งเฮงซวยไม่ติดใจอะไร กลับมาสนใจแค่ผมคนเดียว คนพวกนี้เอาสมองความเป็นธรรมหายไปไหนหมด ถามว่าพวกคุณมีมาตรฐานอะไร ไอ้พวกติ่งหน้าโง่ทั้งหลาย ดังนั้นปล่อยให้พวกคุณสำแดงให้เต็มที่ไป เมื่อถึงเวลา ผมจะสำแดงบ้าง”
นายจตุพรกล่าวถึงการถูกใส่ร้ายป้ายสีจุดยืนทางการเมืองว่า นปช.ต่อสู้มายาวนาน และไม่คิดว่าจะอยู่ในตำแหน่งประธาน นปช.ถึงวันนี้ เพราะตนไม่ติดยึดหัวโขน การได้อยู่กับประชาชนทำให้ตนมีความสุขมากที่สุด เพราะสนามของตนอยู่ที่ถนน ดังนั้น ตนจึงไม่ได้อินังขังขอบกับตำแหน่ง นปช.ที่มีแต่คุก แต่มีประโยชน์บ้างในการประสานให้หมู่มิตรที่อยู่ในคุกเท่านั้น ส่วนการยัดเยียดข้อกล่าวหาที่แกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่เรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งประธาน นปช. เนื่องจากไปช่วยนายบุญเลิศลงเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ รวมทั้งกล่าวหานายบุญเลิศไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ แต่ไม่ช่วยพรรคเพื่อไทยนั้น หากตนลาออกแล้ว ย่อมแสดงว่าไปอยู่พรรคพลังประชารัฐตามข้อกล่าวหาทุกประการ แต่ตนยังยืนยันจุดยืน พร้อมประกาศชัดเจนถึงการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จนกว่าประชาชนประกาศชัย ถ้าตนจะลงก็ลงอย่างประชาธิปไตย ไม่ใช่มาจากบุคคล แม้เป็นเสื้อแดง แต่ไปสนับสนุนพรรคเพื่อไทยชัดเจนแล้วมาแถลงไล่
"ปัญหานี้ลึกๆ ผมคิดถึงเจ๊คนเดียว เพราะเจ๊ทำพังมาแล้ว 2 รัฐบาล ทั้งรัฐบาลทักษิณและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ล้วนอิทธิฤทธิ์เจ๊ทั้งนั้น ลองไปไล่ตรวจดูเอา และวันนี้ที่เชียงใหม่ที่ทำลาย พังกำแพงมิตรภาพนั้นก็จะพังเพราะเจ๊อีก ควรออกมาที่แจ้งเถิด อย่าหลบไปที่มืด ที่ผ่านมาผมให้ความเคารพอดีตนายกฯ ทักษิณอย่างไรก็เคารพอย่างนั้นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน บุญเลิศบอกผมว่าถ้านายกฯ ทักษิณโทร.มาบอกไม่ให้ลง เขาก็ไม่ลง แต่เมื่อผลักเขาออกไป แล้วยัดเยียดเขาเป็นพลังประชารัฐ ทั้งที่ไม่ได้เป็นจริง เขาจึงไม่มีทางเลือกอย่างอื่น นอกจากสู้เพื่อหาควายุติธรรม" ประธานนปช.กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |